ภาพยนต์เรื่องไททานิค เรื่องราวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมความรักที่เกิดขึ้้นท่ามกลางความหายนะบนเรือโดยสารที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบ เรือที่บรรจุคนนับหมื่นมีทั้งบรรดาชนชั้นสูงไปจนถึงชนชั้นกรรมกร สิ่งที่เป็นเรื่องราวขับเคลื่อนในเรื่องก็คือความรักของ แจ็ค ดอว์สันหนุ่มน้อยจากชนชั้นล่าง พบรักกับ โรส เดวิท บูเกเตอร์ บุตรีจากชนชั้นสูง แจ็คทำให้โรสได้เรียนรู้ชีวิตนอกกรอบสังคมที่เธอไม่เคยได้พบเจอ คนที่คอยขัดขวางความรักของเขาและเธอ นั่นก็คือ แคล คู่หมั้นหนุ่มของโรสนั่นเอง แต่อุปสรรคอันใหญ่หลวงในความรักของโรวและแจ็ค ก็คือความหายนะที่เกิดขึ้นกับเรือไททานิคที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะมีทางจม จึงทำให้นอกจากโรสและแจ็คที่ต้องเอาชีวิตรอดด้วยความรักแล้ว ยังมีผู้โดยสารเรือนับพันนับหมื่นที่กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด ก่อนที่เรือลำใหญ่จะอับปางลง จมสู่ก้นมหาสมุทร...23 ปี ผ่านไป เราได้กลับมาดูหนังเรื่องไททานิค (พากษ์ไทย) อีกรอบด้วยความบังเอิญ แบบเปิดเปลี่ยนช่องทีวีผ่านๆ ตอนแรกๆ ก็รู้สึก ถึงความเพ้อฝันของหญิงสาวชนชั้นสูงกับชายหนุ่มตั๋วเรือชั้นสาม ตอนเราอายุ 8 ขวบ มันเป็นอะไรที่โรแมนติกสุดๆพอได้มาดูอีกทีตอนอายุ 30 หย่อนๆ ในสายตาของเรา โรสก็ไม่ใช้เด็กสาวใสๆ เหมือนตอน 20 กว่าปีที่แล้ว นางคือนางแมวยั่วสวาท ยิ่งตอนขอให้แจ็ควาดรูป ด้วยประโยคที่ว่า “วาดรูปให้ฉัน ตอนสวมสร้อยเพชร แค่สร้อยเพชรเท่านั้น” แถมนางยังเป็นคนดึงแจ็คเข้าไปในรถ ซีนสำคัญที่ตอนเด็กๆ ต้องแอบดู นังตัวดี!!ตอนเราเด็กเราจะมองเห็นแค่การนำเสนอเรื่องความรัก การต่อสู้เพื่อความรัก โฟกัสแค่ตัวเอกสองคนจริงๆ นะ แต่พอเวลาผ่านไป มาดูตอนนี้ ทำให้เราใส่ใจองค์ประกอบอื่นๆ มากกว่านั้น เราทิ้งกิจกรรมทุกอย่างที่เรากำลังทำ มานั่งดูตัวประกอบหลายร้อยคน นั่งฟังดนตรีที่กระตุ้นให้เราตื่นเต้น นั่งคิดตามการกระทำของคนเหล่านั้นอย่างตอนที่เรือเริ่มวุ่นวายคนวิ่งกันอยู่บนชั้นดาดฟ้า จะเห็นนักดนตรีคลาสสิกยังเลือกที่จะเล่นดนตรี ทั้งที่ถามกันเองว่า "เราจะเล่นไปทำไม ในเมื่อตอนนี้ไม่มีคนฟัง" หัวหน้าวงก็ให้คำตอบ "ตอนหม่ำข้าว เค้าก็ไม่ฟังเราอยู่แล้ว เพราะงั้นเล่นไปเถอะ" แล้วก็ตั้งใจเล่นเพลงตื่นเต้นกันต่อ พร้อมกับตัดภาพเรือแตก คนวิ่งกันวุ่น การใช้เสียงดนตรีจังหวะตื่นเต้น เป็นตัวช่วงเร่งเร้าให้เราลุ้นระทึกตามเมื่อภาพตัดไปห้องโถงที่น้ำกำลังจะท่วม ชายชราชนชั้นสูงกำลังเดินลงมาจากด้านบน มีลูกเรือยื่นเสื้อชูชีพให้ แล้วบอกว่า "ของคุณครับ" คำตอบที่ได้คือการปฏิเสธแบบผู้ดีว่า "เราแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ เพื่อที่จะจมไปพร้อมกับความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่นี้" ในใจเรารับรู้ถึงความคิดชายชั้นสูงได้เลยว่า เขายึดมั่นในความผู้รากมากดี การวิ่ง การร้องโวยวายอาจทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้ดีพังทลายไป จึงของเลือกให้ตัวเองดูดีในวาระสุดท้ายดีที่สุดฉากที่โรสเดินลุยน้ำมาเจอวิศวกรนักออกแบบเรือ ก็ถามเขาว่า "แอนดรูคุณไม่เอาตัวรอดหรอคะ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าไปว่า "ฉันขอโทษที่ไม่สามารถออกแบบเรือที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้" เป็นประโยคสุดท้ายพร้อมอ้อมกอดที่ให้กับโรส แล้วเขาก็ยืนรอให้น้ำท่วม เราว่ามันคือความสำนึกผิดครั้งยิ่งใหญ่ ความภาคภูมิใจที่ตัวเองคิดว่าประสบความสำเร็จ แต่มันกลับพังจนไม่มีชิ้นดี การไม่เอาตัวรอด คือสิ่งที่เขาจะแสดงความรับผิดชอบแล้วหรือไม่อย่างไรต่อมาคือภาพในท้องเรือที่น้ำกำลังขึ้น ยังมีแม่ที่เล่านิทานกล่อมลูกทั้งสองคนให้หลับ เราจำไม่ได้ว่าแม่ที่แสนดีคนนั้นเล่านิทานหรือร้องเพลง เป็นความอบอุ่น แต่ก็หน่วงในอารมณ์ของคนดูส่วนกัปตันที่มั่นใจในประสบการณ์เดินเรือของเขา แต่เขาก็ตัดสินใจผิดทำให้จะคิดกลับลำเรือก็ไม่ทันเสียแล้ว กำลังเดินไม่ฟังเสียงเรียกให้หนีของลูกเรือราวไร้สติ เขากลับเข้าห้องควบคุม เพื่อไปเกาะที่บังคับเรือให้สมกับตำแหน่งกัปตันเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนโดนคลื่นน้ำมหาศาลถาโถมใส่เรื่องเดินมาถึงช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ความหายนะ นักดนตรีกลุ่มเดิม หัวหน้าก็ทุกคนบอกว่า "เราหยุดเล่นเถอะ ผมภูมิใจที่ได้เล่นดนตรีร่วมกับพวกคุณ" แล้วนักดนตรีที่เหลือก็แยกกันเดินหันหลังไปคนละทาง เหลือแต่หัวหน้าวงคนเดียว เขาก็ยกไวโอลีนขึ้นมาสีเป็นเพลงทำนองช้า คนที่หันหลังไป ก็เดินกลับมาร่วมบรรเลงเพลงอีกครั้ง แต่เป็นเพลงเศร้าแสนอาลัย คลอด้วยเสียงกรีดร้องวุ่นวายเมื่อเรือกำลังเริ่มเอียง บาทหลวงก็ยังจับมือผู้มีศรัทธาในพระเจ้าไว้แน่น พร้อมขอให้พระเจ้าอวยพรพวกเขาไปสู่ความตาย เวลานั้นพระผู้เป็นเจ้าคงเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความหวัง ไม่มีใครวิ่งหาทางรอดมากกว่าการสวดอ้อนวอนพระเจ้า ในขณะที่เริ่มมีคนร่วงตกจากการเกาะกุม เป็นภาพน่ากลัวที่บอกว่าเวลาของการอยู่รอดเริ่มเลือนรางขึ้นทุกที เมื่อจุดจบของเรือมาถึง ก็เหลือเพียงความหายนะและเศษซากของชีวิต แล้วก็กลายเป็นอดีตให้ผู้รอดชีวิต ได้ระลึกถึงไม่แปลกใจว่าทำไมตอนนั้น ไทนานิคถึงได้รางวัลแบบถล่มทลาย ทั้งภาพ ทั้งเสียง มันลื่นไหลไปหมด ดึงอารมณ์คนดูด้วยเสียงดนตรีที่บางฉากไม่ต้องพูดก็เข้าใจ บางคนพยายามเอาตัวรอดแบบร้ายกาจ บางคนไปไหวจะสู้ บางคนโดนยิง บางคนยิงตัวเอง บางคนตายด้วยความไม่รู้ บางคนตายไปพร้อมกับฝากหวังไว้ที่อีกคนหนังตบท้ายด้วย ประโยคสุดท้ายของแจ็คที่บอกโรส ที่หลายคนคงยังจำได้ "คุณอย่าตายที่นี่ คุณต้องกลับไป มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง แก่ชรา นอนตายบนเตียงที่อบอุ่น การได้ตั๋วโดยสารเรือคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ทำให้ได้พบคุณ โปรดให้เกียรติผม มีชีวิตต่อไป” แล้วโรสก็ทำได้อย่างที่สัญญาเอาไว้ได้จริงๆ เป็นการปิดเรื่องที่แฮปปี้ เอนดิ้ง ในแบบที่นอนหลับอย่างสงบไร้ซึ่งความเจ็บปวด โรสคือตัวแทนของคนที่สมปรารถนาจากหลายพันคนที่อยู่บนเรือในวันนั้นตอนนี้ สำหรับเราคงหลงใหลการถ่ายทอดทั้งภาพ ทั้งเสียงของหนังเรื่องนี้ไปแล้ว แถมยังตกหลุมรักบรรดาตัวประกอบในเรื่อง ที่มีวิถีการชีวิตในวาระสุดท้ายของตัวเองได้แตกต่างกันไป เราเลยยกให้ไททานิคเป็นหนังดีในชีวิตอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนที่เคยดูมาแล้ว กลับไปดูใหม่อีกครั้ง แต่ถ้าหากคุณคือคนที่ยังไม่เคยดู ก็ลองเลือกไททานิคมาดูในวันว่างๆ พวกคุณอาจจะเห็นมุมมองที่ต่างออกไปจากเราก็ได้ ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพประกอบ ภาพปกและภาพที่ 1-2ภาพที่ 3