เส้นทางเป็น ฟูริโอซ่า ของ อันยา เทย์เลอร์-จอย ในภาคแยก "Furiosa: A Mad Max Saga"
การออดิชั่น / การได้รับบท
อันยา เทย์เลอร์-จอย: จำได้ว่าเป็นช่วงระหว่างการล็อคดาวน์ค่ะ ฉันได้รับข้อความจากผู้สร้างภาพยนตร์ที่ฉันร่วมงานด้วยคือเอ็ดการ์ ไรท์ เขาบอกว่า “จอร์จ มิลเลอร์อยากคุยด้วย” และทั้งตัวฉันก็สั่นด้วยความตื่นเต้นเลยค่ะ เราเริ่มเฟสไทม์กันซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกัน เขาถามคำถามแปลกๆ อย่างฉันขี่มอเตอร์ไซค์เก่งไหม ฉันพร้อมจะแสดงฉากผาดโผนเองไหม? จากนั้นเขาพูดว่า “ฟังนะ เรากำลังจะสร้างผลงานก่อนเรื่อง ‘Fury Road’ กัน เราจะเล่าเรื่องของฟูริโอซ่า คุณพอจะมาออดิชั่นได้ไหม? ผมอยากให้คุณอ่านบทในหนัง ‘Network’” ฉันตื่นเต้นมากค่ะ เพราะอย่างแรกเลยคือฉันเป็นแฟนของแฟรนไชส์เรื่องนี้ ไอเดียที่ได้มีส่วนร่วมในโลกใบนี้ยิ่งใหญ่สำหรับฉันมาก พอฉันได้อ่านบท “Network” มันทำให้ฉันรู้สึกหลายอย่าง ความรู้สึกของผู้ปรกาศข่าวที่อยากให้ทุกคนลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพราะพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาอันเลวร้าย ฉันคิดว่าได้ส่งไป 2-3 เทคนะคะ จากนั้นจอร์จโทรมาหาฉันในไม่กี่นาทีพร้อมข้อความสั้นๆ ฉันก็คิดว่าโอเค เดี๋ยวจะกลับไปลองใหม่อีกที เราอ่านบทกันแบบเรียลไทม์ เป็นการได้รับบทอย่างที่ฉันไม่มีวันลืมเลยค่ะ ตอนที่รู้ว่าได้รับบทรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ ฉันจำวันที่ประกาศออนไลน์ได้ ตอนนั้นฉันอยู่ในอพาร์ทเมนท์คนเดียวที่เบลฟาสต์ กำลังถ่ายทำเรื่อง “The Northman” ฉันวิ่งไปทั่วห้องและร้องกรี๊ด รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้เล่าเรื่องราวนี้ค่ะ
การสร้างตัวละครของตัวเองขึ้นมา
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันคิดว่าเราต้องสร้างตัวละครในแบบของเราขึ้นมาเอง เราทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฉันคิดว่าเราสามารถคงความเป็นแก่นแท้ของตัวละครได้ แต่ฉันโชคดีมากในช่วงที่อ่านบท... ฉันรู้สึกแบบนี้กับตัวละคร 3 ตัวมาก่อน ครั้งแรกคือหนังเรื่องแรกของฉัน “The Witch” ที่ไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งหนังจบว่าตัวละครนั้นมีจริง ฉันไม่รู้เลยตัวเองอยู่ร่วมเส้นางกับโธมาซิน และตัวละครเบ็ธในเรื่อง “The Queen’s Gambit” ฉันมั่นใจว่าเป็นเรื่องราวที่ฉันถ่ายทอดได้ เพราะฉันเล่าทุกอย่างได้อย่างชัดเจน สำหรับฟูริโอซ่าตอนอ่านบทครั้งที่ 2 ฉันรู้สึกว่า “โอเค จะต้องเป็นตัวละครหนึ่งที่แกะออกจากตัวเองยากมากแน่ๆ เราจะรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากเหล่านี้และต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง” ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีทางเลือกมากในการสร้างความงดงามตามใจตัวเอง เพราะมันรู้สึกสมจริงสำหรับฉันมากค่ะ
การอยู่แนวเดียวกับฟูริโอซ่า
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันจำช่วงแรกเริ่มได้ว่าจอร์จกับฉันคุยกันนานมากราว 4-5 ชั่วโมงได้ มีวันหนึงที่เขาเขาชวนฉันมาแสดงหนังให้เขา “คุณต้องบอกฉันหน่อยแล้วล่ะทำไมเราต้องทำหนังเรื่องนี้ด้วยกัน” สำหรับฉันมองว่ามันเป็นเรื่องราวที่ให้แง่คิด ฉันมองว่าเป็นโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความบันเทิงและมีความงดงามในตัว แต่ความจริงของโลกใบนั้นก็ไม่ไกลเกินไป มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจในการถ่ายทอดเรื่องราว และสิ่งที่ฟูริโอซ่าหลงใหลอย่างการกลับไปหาดินแดนที่เป็นสีเขียว ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ทันสังเกตแต่จะเริ่มรู้สึกได้ในไม่นาน เกี่ยวกับการปกป้องโลกของเรา สำหรับการแสดงฉันไม่เคยมีหลักการอะไร นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเลือกทำและมันกลายเป็นเรื่องน่าประหลาดในบางครั้ง ฉันพยายามจะไม่แสดงท่าทางมากเกินไปในฉาก แต่ฉันมีความคิดแบบฟูริโอซ่าเต็มที่จนยากจะปล่อยวางตอนกลับบ้าน ฉันหวังว่ามันจะส่งผลดีบางอย่าง เพราะสิ่งเดียวที่ฉันแคร์คือเรื่องการถ่ายทอดความสมจริงของบุคคลนี ฉันรักและชื่นชมเธอมาก เธออยู่ในใจของฉันจนอยากถ่ายทอดออกมาให้ถูกต้องที่สุด
การฝึกซ้อม
อันยา เทย์เลอร์-จอย: สิ่งที่ขาดคือฉันยังไม่มีใบขับขี่ค่ะ ฉันสามารถหมุนรถ 180 องศาได้ แต่ไม่สามารถจอดขนานหรือขับรถบนทางหลวงได้ คำแนะนำเรื่องการขับขี่ของฉันจะต่างจากคนส่วนใหญ่สักหน่อย ฉันตื่นเต้นมากสำหรับงานนี้ ฉันอยากทำให้ได้มากที่สุดและจอร์จก็คอยสนับสนุนเต็มที่ค่ะ ฉันเริ่มจากการหัดเป็นปีก่อนจะเริ่มถ่ายหนังกัน ฉันถ่ายพร้อมกับฮาลีย์ ไรท์นักแสดงผาดโผนแทนฉัน เราต้องฝึกทุกอย่างแบบเดียวกัน ฉันขี่จักรยานไม่ค่อยเก่ง พอได้มาขีมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมากค่ะ ฉันโชคดีมากที่ได้เรียนรู้จากคนเก่งๆ หลายคน ฉันมีสังคมใหม่จากการแสดงผาดโผน เพราะคนเหล่านี้ใจดีและพร้อมแบ่งปันเวลาของพวกเขามาก มีการเรียนรู้การขี่มอเตอร์ไซค์ จาก 150 เป็น 450 จากนั้นปรับตัวให้อุ่นใจในรถ จนฉันอุ่นใจจริงๆ ความเหลือเชื่อของมันคือฉันต้องฝึกเป็นปีก่อนจะถ่ายทำจริงเพื่อให้ฉันรู้สึกอุ่นใจระหว่างการถ่ายทำ แต่ฉันแข็งแรงกว่าที่เคยเป็นด้วยค่ะ เพราะได้เอาตัวเองไปอยู่ในวอร์ริกที่ต้องใช้กล้ามเนื้อร่างกายทุกส่วน การออกกำลังกายของฉันเริ่มเห็นผลและได้แสดงฉากต่างๆ ฉันรู้สึกภูมิใจในความเข้มแข็งของตัวเองช่วงนั้นมากเลย
ตัวละครที่ต้องต่อสู้และพูดน้อยนิด
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ในฐานะของนักแสดงและศิลปิน ฉันพยายามพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ เป็นสถานการณ์ประหลาดที่ฉันต้องเติบโตเพื่อทำการแสดงและถ่ายทอดบทบาท ฉันไม่สนใจเรื่องที่ฟูริโอซ่าพูดน้อยเลย เพราะนั่นคล้ายกับตัวตนของฉันค่ะ เข้าใจได้ไม่ยากเลยที่เธอพูดน้อย สิ่งสำคัญอยู่ตรงที่ภาษากาย แววตา และการหายใจต้องสื่อบางอย่างออกมาได้ และนั่นเป็นการเปิดอีกโลกการแสดงหนึ่งให้ฉันค่ะ เพราะฉันมีขอบเขตกำหนดที่ไม่สามารถข้ามมาอีกฝั่งได้ ฉันต้องคิดวิธีบอกเล่าเรื่องราว ฉันคิดว่ามันเป็นอิสระครั้งใหญ่ด้วยซ้ำ ซึ่งเหมาะกับตัวละครมากด้วย หากจะพูดถึงเรื่องนั้นเธอมีหน้าที่เพียงน้อยนิดในหนังเกือบทั้งเรื่อง เธอมีความอดทนสูงและเก็บทุกรายละเอียดรอบตัวมาเป็นเวลานาน เมื่อเธอต้องรับหน้าที่นั้นฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นการปลดปล่อย เทคแรกฉันได้ระเบิดอารมณ์ออกมา มันวิเศษมากเลยค่ะ
แรงผลักดันของฟูริโอซ่า
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมากค่ะ เวลาที่เธอตั้งใจทำอะไรสักอย่าง เธอจะทำจนกว่าจะสำเร็จ มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่ช่วงแรกเลย... บางครั้งฉันคิดว่าถ้าเธอไม่ถูกลักพาตัวไปจากดินแดนเขียวชอุ่มจะเป็นอย่างไรกันนะ? เธอคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีชีวิตราบรื่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากพบเจอเลย เธอถูกลักพาตัวและตอนนั้นเธอจึงเข้าใจว่าความเมตตาบนดินแดนอันว่างเปล่าคือการไม่ยอมอภัย เธอสัญญาเอาไว้กับแม่ นั่นคือสิ่งเดียวเลยค่ะ: “ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องทำอยางไร กลับมายังดินแดนอันเขียวชอุ่มให้ได้” และความน่าสนใจในเรื่องที่จอร์จสร้างเอาไว้ คือเมื่อเธอค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป จนปลดล็อคความโหดร้ายออกมา ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพลัง เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นจึงตกอยู่กับดีเมนทุส เธอยกทุกความเจ็บปวด ทุกการสูญเสีย มาไว้ที่เขาคนเดียว
พลังจากสิ่งแวดล้อม
อันยา เทย์เลอร์-จอย: สิ่งที่คุยกับจอร์จช่วงแรกคือจะมีบางประโยคสำคัญที่พบได้ตลอด ประโยคหนึ่งคือ “การอยู่รอดได้ในสภาพอันเลวร้ายแสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนของคนหนึ่งอย่างแท้จริง” และนั่นคือสิ่งที่นำไปสู่แสงสว่าง สิ่งที่เป็นสาระสำคัญของตัวละครเหล่านี้... เพราะการอยู่รอดในสภาพที่โหดร้ายจะแสดงให้เห็นทุกอย่าง อีกประโยคที่ทำให้ฉันประทับใจคือ “ฟูริโอซ่าต้องได้เรียนรู้บางสิ่งเข้าสักวัน” เธอได้รับบทเรียน เพราะในดินแดนอันว่างเปล่า มันไม่มีการอภัยอย่างแท้จริง เธอมีความสามารถสูง ช่างสังเกต และหาทางสร้างประโยชน์ ทำให้เธอมีโอกาสหลังจากที่เข้าใจเรื่องลำดับขั้นในซิทาเดล เธอเข้าใจแล้วว่าที่เหมาะสำหรับเธอที่สุดคือการเข้าใกล้เครื่องจักรอันน่าทึ่งเหล่านี้ เช่น วอร์ริก จอร์จอยากให้ฉันเรียนรู้เรื่องเครื่องจักรและการทำงานของมัน ซึ่งฉันยังพูดเหมือนเดิมว่าทุกครั้งที่เห็นวอร์ริก ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างที่รู้มา มันทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมากค่ะ
วิวัฒนาการของฟูริโอซ่า
อันยา เทย์เลอร์-จอย: ตอนที่สวมบทบาทฟูริโอซ่าอย่างจริงจัง เธอปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายช่วยสร้างวอร์รกขึ้นมา เพราะเธออยากซ่อนตัวอยู่ในเรือ เกมของเธอที่วางแผนไว้คือการสะสมทรัพยากร พยายามเป็นจุดสนใจน้อยที่สุด เก็บตัวเงียบๆ เพราะเสียงจะทำให้รู้ว่าเราคือเพศไหน อยู่รอดปลอดภัยนานที่สุดจนกว่าจะออกจากที่นี่ได้ ฉันคิดว่าสิ่งที่คุณเห็นตั้งแต่การหลบซ่อนตัวจนไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน เหมือนที่จอร์จตั้งชื่อเรื่องเอาไว้ มันคือมหากาพย์ตามนั้นทุกคำ เราถ่ายทำกันนานเกิน 9 เดือน เราจะเห็นว่าเธอสะสมทักษะความรู้ และจะเห็นร่างใหม่ของเธอในฉากการต่อสู้ นั่นคือตอนที่เราจะได้รู้จักเธออีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เป็นตัวของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ต้องหลบซ่อนตัวระหว่างหาทางรอดชีวิต นับแต่นั้นมาไม่มีการหลบซ่อนตัวอีกต่อไป ตั้งแต่ได้พบกับผู้คุ้มกันแจ็คที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจะปรองดองกับเธอ เพราะเขาใจดีและให้โอกาสเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเหนืออื่นใดในดินแดนอันว่างเปล่า จากนั้นเธอได้เลื่อนขั้นขึ้นมาจนเธอกลายเป็นผู้คุ้มกัน ฉันคิดว่าชีวิตเธอช่วงนั้นเป็นช่วงที่สบายใจที่สุด เธอรักและเคารพผู้ที่เธอไว้วางใจและช่วยทำให้ภารกิจเธอสำเร็จ ฉันคิดว่าแจ็คเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจมากเทียบเท่ากับตัวเอง เธอรู้ว่าเขาคอยคุ้มกันข้างหลังและจะดูแลเธอ พวกเขาเป็นทีมกันซึ่งย่อมดีกว่าเธออยู่คนเดียว ช่วงเวลานั้นมีความน่าสนใจเพราะมีจังหวะที่เราอยากให้เธออยู่กับเขาในซิทาเดล แต่เธอจะลืมเหตุผลในการมีชีวิตอยู่อย่างการกลับไปที่ดินแดนอันเขียวชอุ่ม ทำความปรารถนาของแม่ให้สำเร็จได้อย่างไร นั่นคือคำสัญญาสาบานไม่ใช่หรือ? ฉันคิดว่าเป็นช่วงที่น่าสนใจเพราะได้เห็นเธอในฐานะหญิงสาวคนหนึ่ง ได้เห็นทักษะความสามารถของเธอ และรู้สึกอุ่นใจได้รับการปกป้องดูแล
แขน
อันยา เทย์เลอร์-จอย: การสูญเสียแขนและการสร้างแขนจักรกลขึ้นมามีความสำคัญมากค่ะ แต่โดยส่วนตัวมันเหมือนกับเรื่องในตำนาน บนโลกใบนี้การมีชีวิตอยู่ การเป็นมนุษย์ นับการที่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทุกคนบูชาเครืองนักร เธอสร้างเครื่องจักรของตัวเองขึ้นมา และมันเหมือนตำนานที่วนเวียนรอบตัวเธอ เธอทำตัวเองเหมือนเป็นเครื่องจักร ครึ่งหนึ่งเป็นรถ นั่นคือสิ่งที่ผู้คนเหล่านี้ต่างบูชา จนเริ่มยุคใหม่ที่ผู้คนเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับเธอ ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงที่สานต่อจาก “Fury Road” ในแง่ของความโหดเหี้ยม เธอไม่ยอมทำงานให้ใคร เธอเป็นนายตัวเอง จะทำตามศีลธรรมและกฎหมายของตัวเอง
การร่วมงานกับจอร์จ
อันยา เทย์เลอร์-จอย: มีแต่ความรัก ความเคารพ และความชื่นชมจอร์จ มิลเลอร์ค่ะ ฉันรักเขาทั้งหัวใจ เขาเป็นคนน่ารักและสุภาพที่สุด เป็นผู้ชายที่มีความเอาใจใส่มาก ฉันคิดว่าเราเห็นกันได้ชัดหลายอย่าง เพราะชื่นชมในความบ้าคลั่งและฉันเองก็เหมือนกัน ฉันชอบแนะนำอะไรประหลาดหรือการนองเลือด แทนที่จะมองว่าฉันบ้าเขากลับมองว่า “ได้ วิเศษไปเลย” มันมีความหมายมาก เพราะฉันไม่คิดว่าจะมีใครคิดว่ามันอยู่ในหัวของฉันได้ ฉันรักในความเอาใจใส่และความสงสารที่เขามีต่อฉัน เขาใส่ใจและพิจารณาถี่ถ้วนมาก หากมีฉากที่เขาไม่อยากให้ตัวละครร้องไห้ เขาจะให้เวลาฉันออกไปร้องไห้หรือฟูมฟายก่อน เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่สุดใส่ใจกับมันมาก ฉันคิดวาหลายคนอาจมองว่ามันประลาด แต่เขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลย ฉันโชคดีจริงๆ ค่ะ
ผู้ชำนาญด้านการทำงาน
อันยา เทย์เลอร์-จอย: จอร์จน่าทึ่งมากค่ะ เพราะเขาจะให้เวลาเราเดือนหนึ่ง... มันไม่ใช่แค่การฝึกซ้อม มันมีการถกเถียงกัน ตั้งแต่ช่วงแรกที่ฉันได้พบกับเขา ฉันบอกพ่อกับแม่ว่า “หนูรักการร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ เพราะหนูรู้สึกได้ว่าเหมือนเป็นโลกทั้งใบของเขา” ฉันมีหลายต่อหลายเหตุผลที่จะได้รับการเอาใจใส่ พรีเซนท์บางเรื่องให้เขา ทำให้เขาเปลี่ยนใจ มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงถ่ายทอดอะไรออกมาได้บ่อยนัก ฉันอ่านบทหลายครั้งจนเราต่างตกใจ เรานั่งอยู่ในความเงียบและร้องไห้ด้วยกัน... มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย เราคือมนุษย์ เรามีความรู้สึก เรามีความโกรธ เราต้องการความเป็นธรรมชาติโดยเฉพาะสำหรับตัวละครนี้ ที่โลกทั้งใบคือสิ่งจับต้องได้ เมื่อจอร์จได้เห็นมันเขาพูดว่า “โอเค ผมเข้าใจแล้วอย่างถ่องแท้เลยล่ะ” แล้วผู้ชายคนนี้ก็วิ่งบนฉากขนาดใหญ่ 3 ฉาก ฉันไม่เคยเห็นใครละเอียดกับทุกอย่างแบบนี้เลย ฉันชื่นชมมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรบนหน้าจอที่ไม่ใช่สิ่งที่ผ่านการอนุมัติ ตรจวสอบ เช็คแล้วเช็คอีกโดยจอร์จ มิลเลอร์เลย ฉันคดว่าเขาสร้างแรงบันดาลใจได้เหลือเชื่อเลยค่ะ
มหากาพย์แห่งร็อคโอเปร่า
อันยา เทย์เลอร์-จอย: แนวการกำกับทุกอย่างของจอร์จในหนังเรื่องนี้เหมือนร็อคโอเปร่าค่ะ มันมีจังหวะในเรื่องที่ฉันชื่นชมมาก เพราะฉันเป็นนักเต้นและมักจะขยับร่างกายไปตามจังหวะ เราคุยกันตั้งแต่แรกเรื่องฉษกแอ็คชั่น มันไม่จำเป็นต้องมีแต่การต่อสู้ในเรื่องนี้ แต่ต้องรู้จักตัวละครผ่านฉากแอ็คชั่น ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อนเลย ฉันคิดว่ามันเหลือเชื่อมากที่รู้สึกแบบนั้นได้ ฉันคิดว่าคุณจะสัมผัสได้ว่าตัวละครเติบโตขึ้นจากฉากการต่อสู้นาน 15 นาที มันมีความดุเดือดมาก ในเรื่องนี้เกินกว่าคำว่ามหากาพย์ไปแล้ว มันยิ่งใหญ่ในเรื่องขนาด ความทะเยอทะยาน อารมณ์ การตอสู้ นี่คือหนังฟอร์มยักษ์ที่ฉันคิดว่ามีบางอย่างรออยู่สำหรับทุกคน ฉันคิดว่าเราจะพาคุณไปพบประสบการณ์หลุดโลกได้จนคุณเหนื่อยในท้ายที่สุด เพราะเราใส่อารมณ์ลงไปอย่างไม่ยั้ง และหวังว่าสาวๆ จะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าที่คิด มีพลังมากกว่าที่คิด ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่านั้น มันมีความกดดันอยู่ในตัวแต่เราก็ต้องเผชิญมัน
Furiosa: A Mad Max Saga หรือ ฟูริโอซ่า มหากาพย์แมดแม็กซ์ มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 22 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้
สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่าย ๆ เพียงแค่คลิก ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Total Film