ถึงแม้ว่าจะเป็นภาคที่หลาย ๆ ฝ่ายเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับกระแสความนิยมที่ค่อนข้างเจือจางไปสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ของหนังอาจจะมาช่วยเติมเชื้อไฟและกระตุ้นความสนใจจากผู้ชมได้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงโรงฉาย สำหรับ "Avatar: Fire and Ash" หนังภาคที่ 3 จากเฟรนไชส์อวตาร ที่จะพาออกไปสำรวจดาวแพนดอร่าในมุมมองใหม่ โดยล่าสุดหนังได้ทำการจัดรอบปฐมทัศน์โลกไปแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ณ นครลอสแองเจลิส และฟีดแบกรีวิวสั้น ๆ จากบรรดาผู้ชมกลุ่มแรกก็ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำจิ้ม
Avatar: Fire and Ash การหวนกลับมารังสรรค์งานสร้างอีกครั้งของตำนานผู้กำกับ "เจมส์ คาเมรอน" ที่รีวิวและคำวิจารณ์ฉบับเต็ม ๆ จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญและอินฟูลเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ จะยังไม่สามารถเผยแพร่ออกมาจนกว่าจะถึงสัปดาห์กลางเดือนธันวาคมนี้ แต่จากการประมวลภาพรวมของรีวิวสั้น ๆ ชุดแรกที่เผยออกมา กลายเป็นว่าทุกเสียงและทุกทิศทางต่างบอกคล้ายกันว่า ยังเป็นหนังที่ตอกย้ำความล้ำทางด้านจินตนาการการกับงานสร้างที่ดีเกินเบอร์
คอร์ทนีย์ ฮาวเวิร์ด นักวิจารณ์หนังชื้อดังของฮอลลีวูดในสังกัด Variety บรรยายว่า หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นมั่นเป็นเหมาะที่จะสร้างออกมาสำหรับโรงภาพยนตร์โดยแท้ "เจมส์ คาเมรอน ยังคงมีของที่รักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ดีเสมอ รังสรรค์ออกมาเป็นหนังสุดอลังการตื่นตาตื่นใจและสะเทือนอารมณ์ได้อย่างประทับใจ บนเรื่องราวแห่งความกล้าหาญที่เยี่ยมยอดในทุกด้าน"
ขณะที่ เพอร์รี เนเมียรอฟ จาก Collider ก็ยังไม่พลาดที่จะประทับใจไปกับทุก ๆ รายละเอียดงานสร้างที่หนังเรื่องนี้มอบให้ "ผ่านไป 3 ภาคแล้ว ผมก็ยังทึ่งกับความมหัศจรรย์ของหนังชุดนี้ อาจจะเป็นคำที่เชยไปสักหน่อยนะครับ แต่มันเหมือนความรู้สึกที่ได้นั่งเล่นเครื่องเล่นไปด้วยจริง ๆ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกดูดกลับเข้าไปสู่โลกของแพนดอร่าได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง ภาคนี้มีลูกเล่นเป็นความซับซ้อนในแง่งานสร้างเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว"
ทางด้านนักวิจารณ์หนังชื่อดังอีกคน อย่าง ไมเคิล ลี ถึงกับออกอาการพูดอะไรไม่ออกหลังจากที่เดินออกมาจากโรงหนังที่เพิ่งฉาย Avatar 3 จบลงไปหมาด ๆ "ยังโดดเด่นด้วยงานภาพตระการตาอีกเหมือนเคย โดยเฉพาะงานสร้างสามมิติที่ชวนขนลุก ได้ออกเดินทางสำรวจแพนดอร่าและชนเผ่าใหม่ ๆ ที่ชวนกินใจยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้ได้เห็นโลกใบเดิมที่กว้างใหญ่ไพศาล ถึงเนื้อเรื่องจะยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่บ้าง แต่ขีดจำกัดที่ล้ำเกินไปมากในด้านเทคนิคการสร้างที่เหนือจินตนาการผู้ชม ก็กลบเกลื่อนร่องรอยบกพร่องของหนังไปได้แทบทุกอย่าง"
เช่นเดียวกับ ฌอห์น ทาจิปัวร์ เนิร์ดสายหนังตัวพ่อของวงการ ได้เล่าความคิดเห็นหลังจากที่ได้ชม Avatar ภาค 3 มาแล้วว่า "ผมอาจจะไม่ใช่แฟนพันธุ์หนังเรื่องนี้ แต่ภาคนี้พิสูจน์ได้อีกครั้งว่า เจมส์ คาเมรอน ยังมอบประสบการณ์สุดวิเศษผ่านงานสร้างโลกแห่งอวตารของเขาออกมาได้น่าประทับใจเสมอ เป็นการยกระดับงานภาพเคล้าเข้ากับสตอรี่ที่บิวท์อารมณ์ได้สูงขึ้นไปอีกขั้น นี่คือนิยามใหม่ของหนังบล็อกบัสเตอร์ในยุคนี้อย่างแท้จริง พร้อมกับตอกย้ำว่าทำไมโรงภาพยนตร์จึงยังมีความสำคัญ..ก็เพราะผลงานที่เจมส์ตั้งใจสร้างออกมาทุก ๆ เฟรมนั่นเอง"
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่ความคิดเห็นแดนบวกและชมให้ตัวลอยเสมอไป เพราะความคิดเห็นจาก คริส พาร์คเนอร์ อินฟูลเอนเซอร์สายหนัง บอกความรู้สึกออกมาว่า "เจมส์ คาเมรอน ก็ยังคัมแบ็กกลับมาได้น่าทึ่งอีกครั้งเช่นเคย เผ่าใหม่ในภาคนี้ขโมยซีนได้เละเทะแบบว่ายอดเยี่ยมจริง ๆ แต่ต้องสารภาพตรงไปตรงมาว่าหนังภาคที่แล้ว เล่นทำให้เราแอบเสียอรรถรสไปนิดนึง ความรู้สึกนั้นก็ยังค่อนข้างพบเห็นได้อยู่ในภาคใหม่ด้วย มีความซ้ำซากจำเจปะปนอยู่บ้าง กับแทบไม่มีอะไรที่แปลกใหม่เท่าไหร่นัก"
ปิดท้ายด้วย @sagesurge นักเขียนสายบันเทิงอิสระในฮอลลีวูด ยอมรับว่า Avatar 3 เป็นงานหนังที่โดดเด่นด้านงานภาพอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำออกมาได้ดี "ยอมรับว่าฉากต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่งมาก ภาคนี้ โซอี้ ซัลดานา กับ อูนา แชปลิน โดดเด่นที่สุด หนังมีช่วงเวลาที่กัดกินใจกับธีมแห่งความศรัทธาและเศร้าโศก แต่น่าเสียดายที่บทหนังค่อนข้างเฉื่อยชาและซ้ำซากเกินไป ยิ่งมาเจอไดอะล็อกระหว่างตัวละครที่ค่อนข้างประดิษฐ์และไม่เข้ากับปากด้วยแล้ว..ยิ่งไปกันใหญ่"
Avatar: Fire and Ash จะเล่าถึงสถานการรณ์ท่ามกลางสงครามอันโหดร้ายกับ RDA และความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกชายคนโต เจค ซัลลี่ และ เนย์ทีรี จะต้องพบกับภัยคุกคามใหม่บนดาวแพนโดร่า เหล่าชาวนาวีเผ่าขี้เถ้าที่ป่าเถื่อนและกระหายในอำนาจ นำโดยหัวหน้าเผ่าผู้เหี้ยมโหดที่มีชื่อว่า วารัง ครอบครัวของ เจค จะต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและเพื่ออนาคตของดาวแพนโดร่า ในความขัดแย้งที่จะผลักดันทุกคนไปยังขีดสุดของทั้งร่างกายและจิตใจ
"แซม เวิร์ธธิงตัน", "โซอี้ ซัลดานา", "ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์", "แจ็ค แชมป์เปียน" ยังหวนกลับมารับบทแสดงนำ โดยที่จะร่วมเสริมทัพด้วย "อูนา แคปลิน" ที่จะมาสวมบทเป็นวายร้ายหลักตัวใหม่ของภาคนี้ โดยหนังวางคิวฉายเอาไว้ทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป
-------------------------------------
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa