Short CommentSee Hear Love (2023)ซาบซึ้งแต่เศร้า น้ำเน่าแต่งดงาม ด้วยพลังการแสดงที่เกินต้านทานของ "ยูโกะ อารากิ" ว่ากันตามจริงดูไปบ่นไปอยากดูเรื่องนี้มากเพราะติดตามนักแสดงยูโกะ อารากิทาง Instagram แล้วเห็นว่าเธอรับงานใหม่เป็นแนวโรแมนติกดราม่า แล้วสารภาพว่าทีแรกนึกว่าเป็นรูปแบบซีรีส์ที่มีกำหนดฉายที่ญี่ปุ่นทางสตรีมมิ่งและเฝ้ารอเพราะโดยปกติแล้วปัจจุบันหนังหรือซีรีส์ที่เข้าฉายทางญี่ปุ่นหรือเกาหลีมักจะฉายวันเดียวกันหรือไม่งั้นก็ไล่เลี่ยกัน ทว่าเมื่อถึงเวลาผู้เขียนก็ได้แต่รอเก้อเพราะในค่ายสตรีมมิ่งเดียวกันของบ้านเราไม่ลงจอแต่ทางญี่ปุ่นได้ดูไปเรียบร้อยเหตุเพราะนี่ไม่ใช่งานซีรีส์แต่เป็นภาพยนตร์ แล้วก็มีการนำเข้ามาฉายในบ้านเราแต่เป็นวงจำกัดเอามากๆจนเรียกได้ว่าย่องเข้าฉายแบบเงียบๆอาจเพราะนักแสดงนำขายได้ประกอบกับแนวน่าจะโดนใจคนดูสายโรแมนติก แล้วด้วยความเงียบอย่างที่ว่าผู้เขียนก็ไม่ทราบว่าจะมีใครได้ผ่านตามาก่อนหรือยังซึ่งไม่ใช่ผู้เขียนแน่นอนด้วยเหตุผลที่เล่าไปในบทความที่แล้ว จนกระทั่งมาเห็นกำหนดการลงสตรีมมิ่งของหนังเรื่องนี้ที่รอคอยเก้อมาหนึ่งรอบผู้เขียนจึงตั้งตารอที่จะพิสูจน์แล้วก็พบว่าหนังญี่ปุ่นก็ยังมีมาตรฐานของตัวเองต่อให้เล่าเรื่องน้ำเน่าก็ตามอิซุโมโตะ ชินจิ (โทโมฮิสะ ยามาชิตะ) นักเขียนมังงะที่กำลังได้รับความนิยมกับงานเขียนแนวโลกสวยมอบแรงบันดาลใจสร้างกำลังใจ หนึ่งในแฟนตัวยงของชินจิคือครูโรงเรียนพิเศษที่เป็นผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูดฮิบิกิ ไอดะ (ยูโกะ อารากิ) ที่ได้รับพลังงานบวกจากการ์ตูนของเขา วันหนึ่งชินจิพบว่าตัวเองเกิดอาการตาพร่ามัวในขณะที่การงานกำลังรุ่งโรจน์การ์ตูนของเขากำลังจะได้รับการซื้อไปสร้างภาพยนตร์ ผลปรากฎว่าเขาต้องตาบอดก่อนวัยอันควรทำให้เขียนการ์ตูนต่อไปไม่ได้และประกาศหยุดพักเรื่องที่เขียน แต่ฮิบิกิที่มีการ์ตูนของเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวก็คิดว่าชินจิอาจจะเป็นอะไรจึงพยายามตามหาแต่ปัญหาอยู่ที่เธอพูดไม่ได้สื่อสารกับคนทั่วไปลำบาก จนเมื่อฮิบิกิได้เจอกับชินจิเขาก็อยู่ในสภาพที่จวนล่มสลายไร้พลังการมีชีวิตต่อและคนที่ยื่นมือมาดึงชีวิตเขาไว้ก็คือฮิบิกิ แล้วเมื่อฮิบิกิเห็นว่าชินจิไม่สามารถอยู่ต่อได้ยังไม่ชินกับชีวิตในโลกมืดเธอจึงออกจากโรงเรียนเพื่อมาอยู่ดูแลชินจิ เมื่อหนึ่งคนที่มองไม่เห็นกับอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ยินและพูดไม่ได้ได้เจอกับรักแท้อะไรจะเป็นอุปสรรคได้อีก...มีอาการเร่งเร้านิดๆในงานน้ำเน่าที่ตั้งในมาซาบซึ้งปนเศร้ากับความหมายของคำว่ารัก อาจเพราะนี่คืองานกำกับของ John H. Lee ผู้กำกับอเมริกันเชื้อชาติเกาหลีที่มีเครดิตผลงานทั้งหนังเกาหลีและญี่ปุ่น แต่สารภาพว่าผู้เขียนก็จำอะไรไม่ได้มากกับงานที่เคยดูอย่าง A Moment to Remember (2004) ที่ไม่ได้ดูซ้ำอีกเลย กระนั้นที่เห็นจากหนังเรื่องล่าสุดนี้คือการเล่าเรื่องด้วยภาพและเพลงไปเรื่อยๆแบบญี่ปุ่นแต่เหมือนมีอาการเร่งดราม่าเล็กน้อยเมื่อมีช่องเปิดให้ที่ออกไปทางเกาหลี ซึ่งถามว่าเสียหายไหมก็ไม่เพราะหนังยังคงมีทิศทางที่ชัดและไม่ได้ออกนอกหน้าเกินไปดีเสียอีกที่ไม่เรียบเรื่อยจนเอื่อยและไม่ได้เร่งจนรู้สึกว่าบีบคั้น แล้วสัญลักษณ์ที่เคยมีในงานญี่ปุ่นเรื่องของความหมายระหว่างบรรทัดก็ยังมีให้คิดและตีความซึ่งก็แน่นอนเมื่อเป็นหนังที่ว่าด้วยความรักสิ่งที่ต้องคิดก็คือความหมายขอคำว่ารัก หนังจึงออกมาเป็นงานโรแมนติกดราม่าที่ประทับตราว่างานดีได้เพราะยังมีความโรแมนติกเล่าผ่านความเศร้าแต่เนื้อหาแบบนี้ก็คือน้ำเน่าเต็มที่ เพียงแต่แม้จะน้ำเน่าแต่ถ้าเล่าได้งดงามน้ำเน่าก็กลายเป็นน้ำหอมได้แบบนี้เองแต่เมื่อตั้งในไว้ว่าจะให้ออกมาโลกสวยจึงเดินทางด้วยความงดงามในความเศร้าแต่มีบทสรุปที่น่าเสียดาย เพราะบทหนังออกมาเป็นเนื้อหาซ้อนเนื้อหาความหมายเดียวแต่ทับซ้อนกันคือเรื่องของทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ว่า "แม้จะเจ็บปวดก็แค่ยิ้มสู้" ที่มาจากพื้นหลังคือในมังงะที่ชินจิเขียนแล้วส่งออกมาสู่เบื้องหน้าคือการใช้ชีวิตที่ไม่พร้อมในทุกทางของเขาและฮิบิกิ หนังจึงไม่ได้รันทดจนเกินไปแม้จะเล่าเรื่องความพิการคนตาบอดรักกับคนหูหนวกเป็นใบ้กลับกันหนังออกมางดงามในความรักที่ว่าไม่มีอะไรมากั้นขวางได้แม้กระทั่งการสื่อสาร ซึ่งความจริงหนังก็ออกมามีโทนเศร้าอยู่เต็มที่ในทุกนาทีที่ผ่านแต่กลับมีความอิ่มเอมอบอุ่นเคล้าคลอเมื่อความรักและความหวังและการเสียสละเพื่อตอบแทนความรักของกันและกันด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุด และหนังก็เดินหน้ามาอย่างดีเพราะนี่คือหนังโรแมนติกดราม่าที่อาจต้องยอมรับว่าเวลาที่ผ่านมาดราม่าออกมาแรงมากจนคิดว่าบทสรุปตรงม้านั่งที่โศกสลดคือบทสรุปที่ลงตัวแล้ว แต่เมื่อผู้กำกับไม่มองแบบนั้นก็ได้แค่เสียดายเพราะในความเป็นจริงโลกอาจไม่ได้สวยแบบนั้นแต่ก็ช่างมันเพราะที่เป็นก็คือสิ่งที่หนังพยายามบอกเสมอว่าตอนจบที่มีความสุขมีอยู่จริงความรักแท้ที่บันดาลให้คนหูหนวกพลันได้ยินและคนตาบอดพลันมองเห็นความหมายของความรัก ถ้าจะมีที่ให้ติสำหรับหนังเรื่องนี่ก็คือพัฒนาการในด้านความรักก่อนที่จะรู้ว่าคนสองคนรักกันอย่างที่เห็น นั่นคือเล่าเรื่องจุดเปลี่ยนของชินจิเบาบางเกินไปทำให้เห็นไม่ชัดว่าชินจิและฮิบิกิไปทันรักกันมากขนาดนี้ตอนไหน กระนั้นเมื่อมองเข้าไปที่ความหมายที่เห็นคือความชัดเจนของรักแท้ที่สามารถทำเพื่ออีกฝ่ายได้โดยที่ไม่ใส่ใจตัวเอง ซึ่งในความรักแท้ที่มนุษย์สามารถค้นพบได้ก็จะมีพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ต่อให้คนตาดีก็อาจมืดบอดหรือคนตาบอดก็มองเห็นความรักได้ เช่นกันความรักอาจดลบันดาลให้คนหูดีไม่ได้ยินเสียงรอบข้างได้แต่ในขณะที่คนหูหนวกก็ได้ยินเสียงของความรัก แล้วบางครั้งความรักแท้ก็ไม่ใช่การเสียสละของมีค่าที่สุดของตัวเองเพื่อคนที่รักเพราะคงไม่มีใครทำใจได้หากต้องได้รับอะไรจากความสูญเสียของคนรัก ดังนั้นการเสียสละหรือการเดินหนีจากไปไม่ใช่ความรักแท้แต่เป็นความเห็นแก่ตัวที่จะสร้างความเจ็บปวดให้คนข้างหลัง ความรักแท้คือการมีชีวิตอยู่ด้วยกันให้ดีที่สุดอย่างมีความสุขใช่หรือไม่...การแสดงที่แรงเกินต้านด้วยการเป็นทุกสิ่งทุกอย่างทางหัวใจและความรู้สึกของ "ยูโกะ อารากิ" สำหรับด้านการแสดงแฟนๆของยามะพีอาจต้องทำใจว่าเรื่องนี้มียูโกะ อารากิเป็นผู้เล่นทรงคุณค่า เพราะบทที่ดูเหมือนไม่ซับซ้อนเป็นคนพิการจิตใจดีมีรักแท้มองโลกในมุมบวกเมื่อมีความรักความรักก็คือโลกทั้งใบของเธอซึ่งก็คือชินจิ แล้วทุกเหตุการณ์ที่เธอต้องเจอมาวัดใจก็คือการส่งให้บทที่ไม่ซับซ้อนเชิงมิติตัวละครแต่มีการแกว่งไกวทางอารมณ์ สิ่งที่เป็นคือยูโกะ อารากิคือทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำอะไรกับหัวใจหรืออารมณ์ความรู้สึกของคนดูเพราะเธอแสดงได้อย่างไร้ขีดจำกัดจนพลังแรงเกินต้าน และถ้าใครรักยูโกะ อารากิอยู่แล้วเหมือนผู้เขียนจะยิ่งรักเธอเพราะเธอมาในลุคที่แปลกไปแสดงเป็นคนใบ้หูหนวกได้อย่างน่าสงสารอาจเพราะบทเร่งเร้าในจังหวะที่ใช่ด้วยก็มีส่วน ซึ่งนั้นก็ทำให้โทโมฮิสะ ยามาชิตะที่แสดงได้ดีแล้วในเรื่องของอารมณ์แต่บทของเขาอาจไม่ต้องทำอะไรมากเท่ายูโกะ อารากิจึงต้องยอมหลีกทางให้ และหนังก็ได้เพลงที่ขับเน้นส่งอารมณ์ได้อย่างที่ควรเป็นตามแบบของหนังญี่ปุ่นดีๆเป็นนี่ไม่ใช่หนังที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ยังมีริ้วรอยอยู่บ้างแต่ไม่มีทางไม่ได้ใจคนดู จะว่าไปถ้าหนังจะเล่าให้เป็นซีรีส์สักหกตอนก็ยังคิดว่าสามารถแตกหน่อได้เพราะยังเห็นว่าอะไรที่ควรเล่ายังไม่ได้เล่าอยู่หลายจุด ซึ่งเดาว่าเจตนาคงอยากเน้นให้คนดูซึมซับเรื่องของความรักแท้ของคนสองคนที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดซึ่งในความโรแมนติกที่คละเคล้าด้วยดราม่าแบบน้ำเน่าทั้งในหนังที่เบื้องหน้าและในมังงะที่เบื้องหลังที่หนังฉลาดมากที่สามารถทำให้คนดูล้นว่าสุดท้ายแล้วตอนจบในมังงะจะเป็นอย่างไรและเอาใจช่วยตอนจบในหนังซึ่งก็มีพลังพอให้ลุ้น แล้วในความเป็นดราม่าที่ออกมาแบบจัดจ้านบนความโรแมนติกที่จัดจ้านพอกันแต่กลับไม่รู้สึกล้นหรือเลี่ยนทั้งที่รักกันปานจะกลืนกิน แต่ส่วนที่มีแบบดูไม่ค่อยดีคือตัวละครที่พยายามมาสร้างรอยยิ้มและอารมณ์ขันที่เหมือนไม่เข้ากับเรื่องทำให้กลายเป็นความน่ารำคาญไป แต่ไม่ว่าอย่างไรด้วยความงดงามของเนื้อหาการเรื่องเล่าที่จับใจเพราะมีทั้งความสงสารและเอาใจช่วยพร้อมกับรู้สึกรักตัวละครทั้งสองคนก็ทำให้เป็นงานที่ได้ใจคนดูแน่นอน นี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของสิทธิ์ของผู้พิการที่มองเห็นชัดแต่ละเอาไว้ที่เข้าใจก็พอดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 8 จาก Instagram shl_2023_ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Facebook Major GroupVDO ตัวอย่าง จาก YouTube Major Group ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/jldXgNooaKOlhttps://entertainment.trueid.net/detail/OzP9wq6b7B02 https://entertainment.trueid.net/detail/DjVDwd5Gy1nx https://entertainment.trueid.net/detail/45vb3XWyGVZ5คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน