สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งสำหรับการรีวิวมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยาย โดยวันนี้จะเป็นการรีวิวเกี่ยวกับ 10 เรื่องน่ารู้ในมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยาย เล่ม 2 ขวากหนาม ยามอรุณรุ่ง (Thorny Road to Dawn) ซึ่งในเล่มนี้ก็จะมีทั้งหมด 5 ตอน เช่นเดียวกับในเล่ม 1 ว่าแต่เล่มนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน!เรื่องราวในเล่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเหตุการณ์ช่วงหลังงานเชื่อมสัมพันธ์โรงเรียนพี่น้องเกียวโต มีเรื่องราวเกี่ยวกับนักเรียนของโรงเรียนเกียวโตประมาณเกือบ ๆ ครึ่งหนึ่งของเล่มเลย ดังนั้นใครที่เป็นเมนนักเรียนฝั่งเกียวโต โดยเฉพาะ เมกะมารุ มิวะ คาโมะ ไม อ่านเล่มนี้แล้วจะต้องต้องชอบมาก ๆ อย่างแน่นอน เพราะจะได้รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือนิสัยของตัวละครของนักเรียนในฝั่งเกียวโตมากขึ้น นอกจากนี้ใครที่เป็นแฟนคลับของโนบาระและอินุมากิ ก็ห้ามพลาดเช่นกันสำหรับเล่มนี้ เพราะมีเรื่องราวน่ารัก ๆ ของทั้งคู่อยู่ด้วย อ่านแล้วยิ้มตามเลย ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจภาษาข้าวปั้นเท่าไหร่ ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาเริ่มที่เรื่องที่ 1 กันเลยนักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโต1. คุกิซากิ โนบาระ เคยถูกแมวมองทาบทามให้เป็นนางแบบน่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ คุกิซากิ โนบาระ สำหรับการถูกแมวมองทาบทามไปเป็นนางแบบ เพราะอย่างที่ทุกคนเห็นในมหาเวทย์ผนึกมาร ภาค 1 ตอนที่โนบาระมาที่โตเกียวใหม่ ๆ เธอเป็นคนเดินไปหาพวกแมวมองเองเลย แต่ครั้งนี้เธอได้นามบัตรจากแมวมองจริง ๆ ทว่าผู้ชายที่เป็นแมวมองคนนี้กลับเป็นผู้ใช้วาจาคำสาปซึ่งเข้ามาตีสนิทด้วยวัตถุประสงค์อย่างอื่นนี่สิ สุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยาย เล่ม 2 นะคะ2. อินุมากิ โทเกะ เคยให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติบทสนทนานักท่องเที่ยว : I'd like to go to SHIBUYA109อินุมากิ : แซลมอน แซลมอน นักท่องเที่ยว : Could you tell me where I can get taxi?อินุมากิ : ไข่ปลานักท่องเที่ยว : Ah...Which way should we go?อินุมากิ : สาหร่าย เหตุการณ์นี้ไม่รู้จะว่าใครแปลกกว่าใคร ระหว่างนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาถามทางอินุมากิซึ่งมีวาจาคำสาป จึงพูดตอบได้แค่ชื่อไส้ข้าวปั้น หรืออินุมากิที่สามารถใช้วิธีอื่นในการสื่อสาร เช่น เขียน ทำท่าทาง หรือพิมพ์ข้อความก็ได้ แต่กลับยืนตอบ แซลมอน ไข่ปล่า สาหร่าย ... อยู่แบบนั้น จนโนบาระซึ่งมาช้อปปิ้งพอดีเห็นเข้า ก็เลยเข้ามาช่วย ใด ๆ คืออินุมากิน่ารักอะ คงอยากช่วยชาวต่างชาติแต่ก็ตัวเองพูดแบบคนปกติไม่ได้ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยังยืนฟังทั้งที่เป็นภาษาข้าวปั้นนี่ก็แปลกคนเหมือนกันนะ 5555 3. มิวะ คาสุมิ เคยให้ถ่านไฟฉายเมกะมารุในวันวาเลนไทน์หลายคนอาจจะคุ้นว่ามิวะ คาสุมิสาวสุดเท่เจ้าของอาคมชินคาเงะริว คันอิริวอิคิ (อาณาเขตแบบย่อ) คนนี้ปลื้มอาจารย์โกะโจ ซาโตรุมาก ๆ จนเคยขอถ่ายรูปในช่วงงานเชื่อมสัมพันธ์โรงเรียนพี่น้องเกียวโต แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าคนที่มิวะ คาสุมิ น่าจะชอบมาก ๆ อีกคนคือ มุตะ โคคิจิ หรือที่คุ้นกันในชื่อ เมกะมารุ เพื่อนร่วมชั้นของเธอนั้่นเอง โดยมิวะเคยให้ถ่านไฟฉายชนิดดับเบิ้ลเอเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้เมกะมารุ เพราะไมกับนิชิมิยะเป่าหูว่าเมกะมารุชอบถ่านไฟฉายอีโวลต้า ซึ่งโดนแกล้งนั่นแหละ เพราะเมกะมารุไม่ได้ชอบถ่านไฟฉายสักหน่อย แต่ของที่มิวะให้มาเขาก็รับมาทั้งหมดนั่นแหละอีกหนึ่งของขวัญที่มิวะ คาสุมิ ซื้อให้เมกะมารุเพราะเห็นแล้วคิดถึงเมกะมารุก็เลยซื้อมาฝากก็คือยางรัดผมที่มีพวงกุญแจรูปหุ่นยนต์ หน้าตาคล้าย ๆ เมกะเมรุ โดยมิวะนำมาให้ช่วงที่เมกะมารุต้องไปทำภารกิจเดี่ยวที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตรายเสมือนเป็นของแทนใจ ซึ่งหลังจากกลับมาจากการทำภารกิจ ยางรักผมนั้นไหม้หมดจนเมกะมารุรู้สึกผิด แต่ยังเหลือพวงกุญแจรูปหุ่นยนต์ที่เขาพยายามรักษาอย่างดี เหตุการณ์ในตอนนี้น่ารักมาก ๆ สามารถอ่านเนื้อเรื่องเต็มได้ใน มหาเวทย์ผนึกมาร ฉบับนิยาย เล่ม 2 ขวากหนามยามอรุณรุ่ง ตอนที่ 2 ชื่อตอน "ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด" ผู้ควบคุม เมกะมารุ คือ มุตะ โคคิจิ นักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโต ชั้นปี 24. สามสาวโรงเรียนเกียวโตไปไหนด้วยกันตลอดหากเป็นนักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์โตเกียวจะเห็นว่า ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนในชั้นปีเดียวกันจะสนิทกัน เช่น ยูจิ, เมงุมิ และ โนบาระ นักเรียนชั้นปี 1 จะชอบไปไหนมาไหนด้วยกัน ทว่านักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโตจะไม่ค่อยอยู่ด้วยกันตามชั้นปีเท่าไหร่ โดยเฉพาะ 3 สาวอย่าง มิวะ, นิชิมิยะ และ ไม พวกเธอชอบไปช้อปปิ้งและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดถึงจะอยู่คนละชั้นปีนิชิมิยะ โมโมะ นักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโต ชั้นปี 3มิวะ คาสุมิ นักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโต ชั้นปี 2เซนอิง ไม นักเรียนโรงเรียนไสยเวทย์เกียวโต ชั้นปี 25. โกะโจ ซาโตรุเคยทำอิจิจิร้องไห้และเตะก้านคอจนสลบ...อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าคุณอิจิจิ คิยาทากะ นั้นงานเยอะมาก ยิ่งช่วงที่เกิดเรื่องที่สถานพินิจ และที่ห้ามยูจิไม่ให้เข้าไปช่วยนานามิไม่ได้ ทำให้อิจิจิค่อนข้างเครียด โกะโจเห็นแบบนั้นก็เลยชวนอิจิจิและอิเอะอิริไปดื่มเพื่อผ่อนคลายและก็พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในใจ พอดื่มจนกรึ่ม ๆ กันทั้งคู่ หลังโกะโจพูดประโยคดี ๆ เท่ ๆ ออกมา ก็นึกคึกดีดหน้าผากอิจิจิ (เหมือนที่ทำกับเมงุมิ) แต่กลายเป็นว่าอิจิจิเจ็บมากจนร้องไห้ และอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดระทึกก็คือ อิจิจิเคยโดนโกะโจก้านคอจนสลบ เพราะสวนเรื่องที่โกะโจบอกข้ออ้างในการเข้าร้านสะดวกซื้อว่า "ผู้ใช้คุณไสยส่วนใหญ่มักตกยุค ถ้าจะปลุกตัวเองให้ก้าวทันสมัยต้องตัดสินใจเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ" ซึ่งพออิจิจิสวนไปว่า "คุณเห็นร้านสะดวกซื้อเป็นแค่ของแก้ขัดเวลาอยากกินโดนัทขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนก็บอกมาเถอะครับ" ก็โดนโกะโจเตะก้านคอจนสลบ... ก็ไม่รู้ว่าเพราะอาจารย์แกแรงเยอะหรือกะแรงตัวเองไม่ถูกกันแน่ แต่ละอย่างคือสงสารคุณอิจิจิมาก 6. เซนอิง ไม ใจดีกว่าที่คิดนะถ้าพูดถึงเซนอิง ไม หลายคนจะมีภาพจำว่าเธอคนนี้นั้นปากร้าย นิสัยไม่ค่อยดี หากไม่ใช่เพื่อนที่โรงเรียนเดียวกันก็จะไม่ค่อยทำตัวดีด้วยสักเท่าไหร่ ซึ่งใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอก็มีมุมใจดีเกินกว่าที่คิดไว้เหมือนกัน นั่นก็คือไมเคยเข้าไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า มาคิมุระ ยู ซึ่งถึงจะเป็นเพียงระดับโยโตหรือวิญญาณคำสาปหัวแมลงวันตัวเล็ก ๆ แต่ก็ถือว่าไมยื่นมือเข้าไปช่วย และยูก็ซึ้งใจมาก ๆ เธอถือว่าไมคือผู้มีพระคุณ หลังจากนั้นเธอก็ผันตัวมาเป็น "มาโดะ" หรือบุคคลภายนอกที่สรรหาข้อมูลข่าวสารให้กับผู้ใช้คุณไสยเพื่อจะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น ยูเรียกไมว่า "พี่สาว" แน่นอนว่าไมไม่ค่อยชอบให้เรียกเท่าไหร่ แต่ทั้งสองก็ค่อนข้างสนิทสนมกันเลยหนึ่งสิ่งที่ได้รู้จักไมมากขึ้นคือเธอชอบทำภารกิจที่ไม่ใช่คำสั่งของทางเบื้องบน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้คุณไสยทั่วไปจะปัดเป่าเฉพาะมีภารกิจ เพราะนอกจากจะได้ผลงานสำหรับการพิจารณาเลื่อนขั้นแล้ว ยังได้ค่าตอบแทนต่าง ๆ ด้วย แต่ไมเลือกช่วยเหลือคนอื่นแม้จะเป็นงานที่เธอไม่ได้อะไรตอบแทนเลยก็ตาม ซึ่งเนื้อเรื่องในเล่มนี้ ไมก็ได้ตามไปช่วยมาคิมุระ ยูจากวิญญาณคำสาประดับสองอีกครั้ง เพราะถึงทำเป็นไม่สนใจแล้วสุดท้ายยูก็ยังเข้าไปเสี่ยงอันตราย และไมก็เป็นห่วงตามเข้าไป แต่ครั้งนี้มี 2 สาว มิวะและนิชิมิยะขอไปเป็นเพื่อนด้วย /สาว ๆ โรงเรียนเกียวโตน่ารักกันมากเลย และแม้ว่าหลังจบภารกิจนี้ไมจะฝากนิชิมิยะมาบอกกับยู ว่า "หวังว่าคงเข็ดหลาบแล้วเลิกมาวอแวฉันสักทีนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว คราวหน้าอยากไปตายที่ไหนก็เชิญตามสบาย" ยูก็ตอบกลับเพียงแค่ว่า "...คุณไมจังเนี่ย ใจดีจังเลยนะคะ" ซึ่งที่ไมพูดแบบนี้ก็คงเพราะไม่อยากให้ยูเข้ามายุ่งเกี่ยวกับวงการไสยเวทอีกแล้วนั่นแหละ เพราะครั้งนี้ยูดื้อและเข้าไปเสี่ยงอันตรายจริง ๆ ถ้าไม่มีไมและเพื่อน ๆ ตามไปก็คงเสียชีวิตอยู่ที่นั่น...และถึงงานนี้ไมจะสู้สุดใจ แต่ก็ไม่มีใครรับรู้เรื่องภารกิจที่ไปทำเช่นเคย เป็นคนปิดทองหลังพระสินะ ไมจัง 7. ฟุชิงุโระ เป็นคนเก็บกวาดห้องของยูจิช่วงที่อิตาโดริ ยูจิอยู่ในฐานะคนตายไปแล้ว คนที่เป็นลูกมือช่วยเก็บกวาดของในห้องของยูจิคือเมงุมิ ซึ่งโปสเตอร์นางแบบเซ็กซี่หรือของต่าง ๆ ในห้องของยูจิถูกเอาไปทิ้งทั้งหมด เมงุมิบอกว่าถ้ารู้ว่ายูจิยังมีชีวิตอยู่เขาก็คงจะเก็บของไว้ให้อยู่ โดยตอนแรกยูจิคิดว่าโนบาระเป็นคนเก็บของให้เพราะโดนแซวเรื่องรสนิยม จนโนบาระถามว่า "ทำไมยะ อย่าบอกนะว่ามีของที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้" ซึ่งยูจิก็ตอบว่า "...เปล๊า...ไม่มี๊..." เสียงสูงแบบมีพิรุธมาก หรือจะมีของที่คนอื่นเห็นไม่ได้อยู่จริง ๆ นะ ^^ปล. ช่วงที่เมงุมิได้ข่าวว่ายูจิตาย ช่วงนั้นเมงุมิเศร้ามาก ๆ ถึงจะรู้ว่าในวงการไสยเวทเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว และการเห็นห้องที่ว่างเปล่า ไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เมงุมิต้องพยายามอย่างมากในการก้าวข้ามความรู้สึกเศร้าเหล่านั้น ยังโทษตัวเองด้วยที่แข็งแกร่งไม่พอจนช่วยเพื่อนไว้ไม่ได้ ในแต่ละวันที่พยายามฝึกฝนเพื่อให้แข็งแกร่งและมูฟออนเรื่องนี้ใช้เวลาเป็นเดือนเลย โนบาระก็เศร้ามากเช่นกัน 8. ภาพยนตร์ที่โกะโจให้ยูจิดูมีประมาณ 100 เรื่อง ภาพยนตร์ที่อาจารย์โกะโจ ซาโตรุ นำมาให้อิตาโดริ ยูจิดูในช่วงที่ต้องซ่อนตัวจากเบื้องบนและฝึกควบคุมพลังไสยเวทมีประมาณ 100 เรื่อง ซึ่งเรื่องรสนิยมของโกะโจที่เป็นคนสรรหาภาพยนตร์มาให้ก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน แต่หลังจากนั้นก็ทำให้ยูจิกลายเป็นหนอนภาพยนตร์คนหนึ่งไปด้วย เพราะได้คุยกับโยชิโนะ จุนเปซึ่งเป็นสายภาพยนตร์ตัวยงคนหนึ่ง ทั้งสองคนคุยกันถูกคอจึงได้รับอิทธิพลเรื่องภาพยนตร์มาด้วย ยูจิจึงมักจะชอบพูดมุกหรือบทจากภาพยนตร์ออกมา ซึ่งโนบาระถึงจะบอกบ่นแต่ก็รู้นะว่ามาจากภาพยนตร์ ส่วนเมงุมินั้นไม่เคยเข้าใจมุกแบบนี้ของยูจิเลย...9. ฟุชิงุโระ เมงุมิ ก็คิดอะไรตลก ๆ ได้เหมือนกันนะเรื่องนี้เป็นตอนที่เมงุมิคิดเล่น ๆ ตอนที่เห็นว่ายูจิกับโนบาระทำอะไรด้วยกัน เมงุมิมองว่ายูจิกับโนบาระเข้ากันได้ดี ดูสนิทกันมาก คงเพราะคนหนึ่งเป็น อิตะ (อิตาโดริ) ซึ่งแปลว่า แผ่นกระดาน ส่วนอีกคนเป็น คุกิ (คุกิซากิ) ซึ่งแปลว่า ตะปู ล่ะมั้ง เลยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่พอนึกได้ว่าตัวเองก็เป็น ฟุชิ (ฟุชิงุโระ) ซึ่งแปลว่า ตาไม้ ที่อาจพังได้เพราะโดนตะปูตอก เมงุมิก็หยุดคิดทันทีเพราะไม่อยากโดนแกล้งหรือแซวโดยใช่เหตุ แต่ก็นะ นี่คือมุกที่ไม่นึกว่าจะได้เห็นจากเมงุมิ ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้พูดออกมา แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้จริง ๆ ><10. ฟุชิงุโระ เมงุกิ ดวงไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหตุการณ์นี้อยู่ในตอนที่ 5 "สุดสายปลายทางของการเดินเล่น" แก๊งค์ปี 1 ยูจิ, เมงุมิ และโนบาระ พากันไปเดินเล่นข้างนอก ทำกิจกรรมนู่นนี่ ระหว่างพักเหนื่อยจากการเล่นเบสบอล ยูจิก็ขอไปซื้อทาโกะยากิมาทานด้วยกัน ซึ่งที่นี่มีแค่ทาโกะยากิวัดดวง ที่จะมี 1 ชิ้นเป็นไส้พริกเผ็ดปากพองซ่อนอยู่ในนั้น แต่ไม่ทันที่ยูจิจะได้บอกทั้งสองคนว่ามีชิ้นเผ็ดซ่อนอยู่ เมงุมิก็จิ้มทาโกะยากิเข้าปากไปแล้ว และก็แจ็ตพ็อตแตกที่ชิ้นแรกที่เมงุมิหยิบไปนั่นแหละ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้ชิ้นไหนเพราะหลังจากทานเข้าไปก็ดื่มกาแฟเย็นเข้าไปแบบไม่บันยะบันยังไม่พูดไม่จา กลายเป็นว่าช่วยให้คนที่เหลือทานทาโกะยาจิได้แบบสบายใจไปเลย นอกจากนี้เนื้อเรื่องในตอนนี้ยังน่ารักและซึ้งกินใจมาก ๆ เพราะเป็นตอนที่เล่าถึงความรู้สึกของเมงุมิช่วงที่รู้ข่าวการตายของยูจิ รวมถึงความใส่ใจของเมงุมิและโนบาระที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของยูจิหลังกลับมาอีกด้วย ยูจิไม่ได้เล่าเรื่องจุนเปให้ทั้ง 2 คนฟัง แต่ทั้ง 2 คนก็ดูออกว่าต้องมีเรื่องราวอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับยูจิ ถึงจะพยายามซ่อนมันไว้ภายใต้รอยยิ้มก็เถอะ แต่มีหรือที่ 2 คนนี้จะมองไม่ออก เป็นตอนที่อยากให้ทุกคนได้ลองอ่าน แก๊งค์ปีหนึ่งรักกันมาก ๆ บทความแนะนำรีวิว มหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยาย เล่ม 1 คิมหันต์ผันผ่าน สารทหวนคืนhttps://intrend.trueid.net/post/279373เครดิตภาพภาพปก : นักเรียนปี1 / นิยายมหาเวทย์ผนึกมาร Twitter @HokkahokkaP : ภาพที่ 1เว็บไซต์ https://jujutsukaisen.jp/ : ภาพที่ 2, ภาพที่ 7, ภาพที่ 8 / ภาพที่ 12, ภาพที่ 15 / ภาพที่ 14 / ภาพที่ 16 / ภาพที่ 22Twitter @Jujutsu_Kaisen_ : ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 13 / ภาพที่ 17 / ภาพที่ 18 / ภาพที่ 19 / ภาพที่ 20 / ภาพที่ 21 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !