Special Short CommentMy Liberation Notes: ปล่อยใจสู่เสรี (2022)"ยอมชางฮี เป้าหมายชีวิตที่สะเปะสะปะ กับแรงบันดาลใจจากความว่างเปล่าของคุณกู"My Liberation Notes แปลตรงตัวว่าบันทึกอิสรภาพของฉัน นั่นหมายความว่าโจทย์คือการเล่าถึงคนที่ต้องสิ้นอิสรภาพทางใจด้วยเหตุผลบางอย่างและการพบจุดเปลี่ยนเพื่อค้นพบอิสรภาพนั้นอีกครั้ง และการที่ละครเกาหลีเรื่องนี้อาจเล่าเรื่องเรียบเรื่อยแต่ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้ที่อาจมีบ้างที่มีคนที่ต้องพบมรสุมใหญ่ในชีวิต และเช่นกันก็มีคนที่มีสิ่งบั่นทอนเล็กๆแต่ซ้ำๆประหนึ่งน้ำที่หยดลงบนก้อนหินที่หยดลงทุกวันสม่ำเสมอหินที่แกร่งปานใดก็ยังกร่อนได้ และการหยดลงช้าๆซ้ำๆมองไม่เห็นผลกระทบที่เป็นรูปธรรมมันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนเราคิดไปแล้วว่ามันคือสิ่งที่ต้องเจอ แต่อะไรที่เป็นหยดน้ำเล็กๆที่ตกลงบนหัวใจที่เป็นก้อนหิน หรือจะเป็นชีวิตที่ธรรมดาตามกรอบทางทัศนคติทางสังคมกำหนดไว้ให้ต้องเป็นหรือต้องไปให้ถึง สิ่งนั้นอาจเป็นเป้าหมายในชีวิตที่คนปัจจุบันถูกกรอกหูซ้ำๆจนในที่สุดเป้าหมายกลายมาเป็นกรงขังตัวเองให้ติดอยู่กับมัน ในบรรดาสามพี่น้องสามทัศนคติสามมุมชีวิตจากเรื่องนี้ยอมชางฮีอาจเป็นคนที่มีสีสันที่สุด เพราะเขาคือลูกชายคนเดียวและเป็นลูกคนกลางในสังคมตะวันออกที่ทัศนคติเรื่องลูกใกล้เคียงกัน ยอมชางฮีคือคนที่ทำงานไปวันๆแม้มองเห็นทางก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งแต่ก็ไม่ได้ตามนั้นสักที ความรักก็พังลงเมื่อคนที่คบหากันมองเห็นความธรรมดาเกินไปของเขาเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ยอมชางฮีคือคนที่มีเป้าหมายในชีวิตที่สัมผัสได้ว่ามีแต่เขาเองก็อาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรจะมีบ้านมีรถมีเงินหรือการแต่งงานกันแน่ แน่นอนว่าชีวิตที่ปกติธรรมดาของบ้านที่เหมือนหนังม้วนเดิมฉายซ้ำๆได้กัดกร่อนแรงบันดาลใจจนไม่เหลือเพราะทุกครั้งที่คิดจะทำอะไรจะถูกทัดทาน มันจึงเริ่มลุกลามไปหาความคิดที่จะหลุดพ้นกับสิ่งที่ต้องเจออยู่ทุกวันหรือกรอบของเป้าหมายในชีวิตที่เป็นภาคบังคับของคนวัยเขา จนมาพบจุดเปลี่ยนที่เป็นความว่างเปล่าของคุณกู"มีพี่ชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก พี่คนนั้นนั่งมองภูเขาทุกวัน เขาบอกว่าบนโลกนี้มีคนแบบเราอยู่ 7,700 ล้านคน แต่เขาไม่รู้ว่า 7,700 ล้านคือเยอะขนาดไหนเขาเลยลองแทนที่คนหนึ่งคนด้วยเหรียญหนึ่งวอน ถ้าเอาเหรียญหนึ่งวอนมากองรวมกัน 7,700 ล้านเหรียญก็จะกองใหญ่เท่าภูเขานั้นเลย ฉันมาคิดว่าเหรียญหนึ่งวอนที่ไม่มีค่าอะไร ใช้ชีวิตวุ่นวายซะเหลือเกิน" หรือยอมชางฮีจะเข้าใจความหมายว่าชีวิตคนยุคของเขาช่างไร้ค่า หรือในคำสนทนาของคุณกูทำให้เขาได้คิดว่าเขาจะไม่เป็นเหรียญหนึ่งวอน หรือความว่างเปล่าของคุณกูที่มองเห็นคือการจุดประกายแรงบันดาลใจอีกครั้งที่จะทำอะไรสักอย่าง นั่นคือการจัดการกับเป้าหมายในชีวิตที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเพราะไม่ชัดและสะเปะสะปะ การได้เรียนรู้ผ่านการขับรถหรูของคุณกูว่าการมีรถหรูๆให้ขับมันมีความสุขจริงหรือ แล้วคนที่มีฐานะอย่างคุณกูทำไมต้องกลายเป็นคนว่างเปล่ามันคือที่สุดในชีวิตหรือกรอบชีวิตที่ถูกขีดไว้กันแน่ความรักหรือเงินกิจการร้านสะดวกซื้อก็อาจยังไม่ใช่ทั้งหมด โดยเฉพาะความรักจากบทสนทนาที่ยอมชางฮีระเบิดอารมณ์ใส่อีฮยอนอาอาจบอกความหมายได้ว่ายอมชางฮีจะไม่มีวันเป็นเหรียญหนึ่งวอนที่ไม่มีค่า ไม่ยอมเป็นคนน่าสมเพชให้ใครมาเห็นใจ ไม่ยอมป่วยหนักให้ใครมาดูแล แต่จะเป็นคนธรรมดาที่ทำงานหนักใช้ชีวิตที่ปกติธรรมดาไม่ต้องมีใครมาดูถูกและต้องแบกรับความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นก้อนอึอีกแล้ว หรือยอมชางฮีจะหลุดพ้นจากความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าแล้ว แต่อีฮยอนอาก็ไม่ผิดอะไรที่ต้องการดูแลเอาใจใส่คนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่บางครั้งการดูแลคนที่ไม่ต้องการการดูแลก็เหมือนการตอกย้ำลงไปที่รอยแผลที่ยอมชางฮีมีอันสะท้อนมาแต่ความรักครั้งที่แล้วกับคำว่าธรรมดา การจากลาจึงเป็นเพราะไปกันไม่ได้ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนต้องแค้นเคืองเพราะถึงที่สุดก็ต้องบอกว่า "ถ้าเธอคิดว่าชีวิตมันลำบากก็กลับมานะ ถ้าตอนนั้นฉันยังไม่มีใครฉันจะรับเธอไว้เอง"ทุกเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่ไม่มีเรื่องเหนือปกติธรรมดา ไม่ว่าการทำงานหรือกับที่บ้านมันคือเรื่องปกติธรรมดา จนบางครั้งปกติเกินไปจนกลายเป็นไม่รู้ว่าสิ่งไหนคือเรื่องธรรมดาหรือควรใส่ใจ การมีน้ำมิตรที่ไม่น่าจะมีได้จากคุณกูอาจสอนให้รู้ตัวเองว่าควรมีจุดหมายอย่างไรในชีวิต เพราะการขับรถหรูก็ไม่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน บางครั้งเรื่องปกติสามัญก็ฝังรากลึกลงไปในใจเช่นเดียวกับหัวใจยอมชางฮีที่ยอมรับผู้ชายที่ว่างเปล่าอย่างคุณกูไว้ทั้งหมด การนั่งกินข้าวเงียบๆด้วยกันการถามคำตอบคำอาจเป็นความซื่อที่โปร่งใสที่ยอมชางฮีไม่ค่อยได้เจอในชีวิตการทำงาน เพราะคนที่จะสามารถนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างสนิทใจและอร่อยลิ้นไม่ฝาดเฝื่อนอาจต้องอาศัยความสนิทใจในระดับที่มากพอ ภาพที่ยอมชางฮีนั่งรอเจอคุณกูที่ลานจอดรถไต้ดินเพื่อบอกข่าวร้ายอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สะเทือนถึงข้างในเพราะมันบอกว่ายอมชางฮีมีพี่ชายแล้ว เขาเรียกว่าคุณกูหรือยอมชางฮีมีขาผีที่พาเขาไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ อาจเพราะเขาอยู่ถูกที่ถูกเวลาเมื่อต้องอยู่ดูใจในวาระสุดท้ายของคนป่วยหรือการเป็นคนแรกที่ได้รู้ว่าแม่ตาย กระทั่งขาผีที่พาเขาให้กลายเป็นเถ้าแก่ร้านสะดวกซื้อที่เหมือนเป็นงานที่เขาไฝฝันจะได้มันมาตั้งแต่แรกแต่ถึงที่สุดเขาได้หลุดพ้นจริงหรือ เมื่อเขายังต้องทำงานตามกรอบที่บริบททางสังคมขีดให้เป็นคือทำงานหนักเพื่อมีเงินจึงจะเรียกว่าคนที่ประสบความสำเร็จ แต่เหตุใดยอมชางฮีถึงยังมีความทุกข์อยู่บนสีหน้าแววตาทั้งที่สิ่งที่เขาต้องการมีก็ได้มี อาจเพราะสิ่งที่เขามีตอนนี้หาใช่เป้าหมายในชีวิตที่แท้จริงหรือไม่ แต่เป็นเพียงกับดักจากชีวิตที่จำเจผ่านข้องกำหนดทางนามธรรมของสังคมว่ามนุษย์ต้องเป็นแบบนี้ ถึงตอนนี้ภาพของคุณกูที่ไม่ติดกับกรอบทางสังคมเพราะดูเป็นคนร่ำรวยแต่มาใช้ชีวิตเป็นคนงานที่มอซอหรือคำพูดของคุณกูจึงปรากฎในภวังค์หรือไม่ยอมชางฮีคือคนจิตใจดีที่ถูกกักขังไว้ไม่ให้มีแม้แต่จินตนาการ เพราะทุกครั้งที่จินตนาการภาพแห่งความจริงหรือภาวะเป็นจริงในที่ทำงานก็สลายจินตนาการนั้นลงสิ้น เพราะความใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยของทุกคนเขาจึงเข้าใจคุณกูแม้จะไม่ปรุโปร่งแต่ก็เข้าใจ เมื่อความพยายามสนิทผ่านการสนทนาที่เป็นมิตรใช้ไม่ได้ก็ใช้ใจสื่อสาร ยอมชางฮีคือคนที่กล้าลาออกจากความจำเจในชีวิตเพื่อจัดการบางอย่างแต่ชีวิตสู้กลับเมื่อต้องดูแลพ่อที่ดูแลตัวเองในเรื่องเล็กน้อยไม่ได้เมื่อแม่จากไป และยอมชางฮีคือคนแรกที่รับรู้ว่าที่ผ่านมาแม่ไม่ต่างจากเสาหลักของครอบครัวผ่านหมุดหัวเข่าของแม่ที่ไม่สลายไปพร้อมไฟที่เผ่าร่างของแม่ ยอมชางฮีคือคนที่รู้ว่าพ่อไม่มีทางอยู่คนเดียวได้เมื่อไม่มีแม่จึงจัดการให้พ่อได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายโดยดูแลซึ่งกันและกัน หรืออาจบอกได้ว่ายอมชางฮีคือคนที่รู้ทุกอย่างก่อนใครเพราะเขาคือยอมชางฮีที่พูดมากด้วยสมองที่ละเอียดเพราะการตีความอย่างละเอียดกับเรื่องของเหรียญหนึ่งวอน จุดเริ่มต้นคือการไม่ยอมเป็นคนที่ไร้ค่าแต่ชีวิตก็ยังติดอยู่กับกรอบเดิมแม้บริบทเปลี่ยนไปหัวใจก็ยังไร้อิสระ บางทีความธรรมดาก็มีหลายมุมแต่การใช้ชีวิตหลังจากที่แม่ตายพร้อมกับการพยายามทำตามความหมายของคำพูดคุณกูมันคือเวลาที่จะเรียบเรียงและจัดการเป้าหมายในชีวิต จนเมื่อขาผีของเขาพาตัวเองไปอยู่ในห้องบรรยายที่ผิดแต่เมื่อความคิดมันตกผลึกยอมชางฮีจึงได้รู้ว่าชีวิตที่เป็นอยู่แม้จะดูดีมีเงินมีรายได้เป็นล้านต่อเดือนแต่ชีวิตก็ยังอยู่ในวังวนของกรอบที่สังคมได้สร้างมาเพื่อบีบรัดมนุษย์ ธุรกิจจัดงานศพที่อาจไม่มีในหัวยอมชางฮีหรือคนทั่วไปมันก็คือการออกนอกกรอบของชีวิตที่ผ่านมา อาจเพราะเขาได้รู้แล้วว่าการเป็นอิสระคือการได้ออกจากวังวนของชีวิตที่ธรรมดาแบบหนึ่งเพื่อมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา แต่เขาอาจะเข้าแล้วใจว่าชีวิตที่ไม่ธรรมดาในสายตาเขาอาจเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่ใช้ชีวิตแบบนั้นรู้สึก สุดท้ายรอยยิ้มที่ประกาศอิสรภาพของยอมชางฮีก็ปรากฏดูไปบ่นไปNETFLIX ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 จาก Facebook JTBC Dramaคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน