ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Mori, The Habitat เป็นภาพยนตร์ที่มีความน่าสนใจเป็นแนว Based on True Story สร้างจากเรื่องจริงของ จิตรกรชื่อดังของญี่ปุ่น Kumagai Morikazu (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) สำหรับศิลปินท่านนี้ มีผลงานภาพวาดมากมาย เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เคยเปิดแสดงผลงานในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ สามารถค้นหาได้จากเว็บไซด์ที่เกี่ยวกับศิลปะ ในภาพยนตร์ Mori, The Habitat จะเล่าถึงชีวิตของศิลปินท่านนี้ ที่อาศัยอยู่ในบ้านเล็ก ๆ แต่แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่เป็นแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ชีวิตที่ดูสโลว์ไลฟ์ ในวัย 91 ปีกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากวัย 76 ปี กับธรรมชาติรอบ ๆ บ้าน และเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร บอกเลยว่าเป็นชีวิตที่ใคร ๆ หลายคนคงอยากอยู่แบบนี้ในช่วงบั้นปลายของชีวิตเค้าโครงเรื่อง ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Mori, The Habitatหนังจะเล่าถึง Kumagai Morikazu ศิลปินภาพวาดที่อาศัยอยู่ในบ้านเล็ก ๆ กว่า 30 ปีในย่าน Ikebukuro, Tokyo ที่ภายนอกแวดล้อมไปด้วยการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่เขาไม่สนใจโลกภายนอกนัก ไม่เคยออกนอกบ้านมานานกว่า 30 ปี ใช้ชีวิตประจำวันที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ กับการเฝ้าดูสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในสวน ทุก ๆ วันหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่ในสวนเล็ก ๆ ดูใบไม้ ดูมด ดูแมลง ดูปลา มองท้องฟ้า แม้ว่าในแต่ละวันจะมีผู้คนมาเยี่ยมเยียน มีทั้งมาดี มาร้าย จนดูวุ่นวายบีบคั้น แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวตนของเขาได้ คำเตือน ถ้าคุณไม่ชอบหนังแนวอาร์ต ๆ ไม่ชอบภาพยนตร์ญี่ปุ่น ไม่ชอบหนังที่ดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ เนือย ๆ อ่านแค่รีวิวพอเพราะ 1.หากคุณผ่าน 20 นาทีแรกของหนังไปไม่ได้ คุณจะไม่สนุก 2.เลื่อนชีนเลือกชม หรือ ชมแบบข้าม ๆ คุณจะพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างในเรื่องนี้ 3.ภาพยนตร์เรื่องนี้แฝงปรัชญา มุมมอง การใช้ชีวิตที่ต้องขบคิดตาม 4.ถ้าไม่ชอบภาพยนตร์ญี่ปุ่นคุณจะรู้สึกว่าเสียเวลาในการชมคุณจะได้เห็นอะไรใน ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Mori, The Habitat 1.ต้องบอกก่อนว่า ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Mori, The Habitat ไม่เชิงเป็นการนำเสนอแบบตามติดชีวิต แต่จะเล่าถึงช่วงเวลาหนึ่งของ Kumagai Morikazu ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติในบ้าน เขามีความเป็นศิลปินสูงมาก แรงบันดาลใจของเขามาจากสิ่งรอบ ๆ ตัว ซึ่งหนังจะถ่ายทอดกิจวัตรประจำวัน พร้อมกับธรรมชาติที่ต้องบอกว่า มุมกล้องหลาย ๆ ซีนสวยมากทำให้เราเห็นในสิ่งที่ศิลปินท่านนี้เห็น พร้อม ๆ กับเห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีความสุขกับการมีคู่ชีวิตที่เข้าใจในความต้องการของตัวเอง ชีวิตที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่งอะไรมากมายในช่วงวัยชรา ดูแล้วทำให้อยากมีชีวิตแบบนี้ตอนแก่จริง ๆ นอกจากนี้ จะได้เห็นความเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อาหาร สภาพบ้านแบบเก่า ๆ การดำเนินชีวิตของคนสูงอายุ วัฒนธรรม แนวความคิด ความเป็นตัวตนของศิลปินท่านนี้ ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ มีให้เราเห็นเป็นอีกแง่มุมที่น่าสนใจ 2.การแสดงจากนักแสดงมากฝีมือ ต้องบอกเลยว่าเลือกนักแสดงได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะบทของ Kumagai Morikazu ที่นักแสดงทำได้เนียนจนเชื่อว่าเป็นบุคคลท่านนี้จริง ๆ ซึ่งก็ได้นักแสดงอาวุโสมากฝีมือมารับบท และยังได้ระลึกถึงนักแสดงอีกคนคือ Kirin Kiki ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว และหนังเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่ฝากฝีมือการแสดงไว้ 3.โลเคชั่น แม้จะเน้นแค่บริเวณบ้านของ Kumagai Morikazu เป็นหลักแต่มุมกล้องกับทำให้เราสนใจ สวนเล็ก ๆ แต่มันกลับกลายเป็นกว้างใหญ่ในความรู้สึก ธรรมชาติรอบ ๆ บ้านที่เราจะได้สำรวจไปพร้อมกับคุณตาทำให้ดูแล้วเพลินตา พักใจได้จริง ๆ 4.คอสตูม เป็นอีกจุดที่แสดงถึง ความเป็นญี่ปุนจริง ๆ การแต่งกายที่ต้องบอกว่าสามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริงของคนที่นั่น ไม่ได้มีความแตกต่างจากความเป็นจริง ทำให้เข้าถึงวิถีชีวิตและอารมย์ของหนังที่บอกเล่ามาได้ง่าย 5.ธรรมชาติ สายลม แสดงแดด เสียงเพลงประกอบ ที่ต้องบอว่าลงตัวมาก ๆ แสงแดดที่จะทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น เสียงของลมที่ทำให้ผ่อนคลาย เสียงของดนตรีประกอบที่มาในจังหวะที่พอดี ไม่กลบความเป็นธรรมชาติ ยิ่งทำให้รู้สึกเพลินไปกับหนัง 6.การหาคำตอบจากบุคคลที่สาม ในหนังจะมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเยียน มีการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตเป็นสารคดีผ่านทางทีวี มีช่างภาพมาถ่ายรูปคุณตากับภรรยา ซึ่งเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่จะทำให้สนุกกับการหาคำตอบ พร้อม ๆ กับบุคคลในเรื่อง7.การหาคำตอบของตัวคุณตา ต้องบอกว่ามีซีนหนึ่งที่รู้สึกลุ้นไปกับคุณตา คือ ซีนที่เดินออกไปนอกบ้าน เพราะคุณตาดูสารคดีชีวิตตัวเอง แล้วเห็นบทสัมภาษณ์จากคนอื่น ๆ ที่บอกว่าไม่เคยเห็นคุณตาเดินบนถนนเลย อยู่ดี ๆ คุณตาก็ลุกเดินออกไป บอกเลยว่าซีนนี้มีหลายอารมย์มาก ๆ สับสน สนใจ หวาดกลัว ค้นหา 8.ความตลกร้าย มีบางซีนที่ต้องบอกว่า ทำให้ขำก๊ากแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นมุกตลกแบบทื่อ ๆ แต่มาในจังหวะที่ไม่คาดคิด 9.ความทันสมัย ที่พร้อมจะพรากธรรมชาติที่รักไปจากคุณตา มันก็เหมือนทุก ๆ ที่แต่อยู่ที่ว่าใครจะรักษามันเอาไว้ได้หรือไม่ แรงดึงดูดจากหนังที่ทำให้ดูจนจบ 1.ความสงสัยว่าบทสรุปของหนังเรื่องนี้จะไปจบที่ตรงไหน2.แต่ละวันคุณตาทำอะไร คิดอะไร 3.คำว่า Based on True Story ทำให้อยากรู้อยากค้นหา4.ความเรียบง่ายแต่ไม่เรียบง่าย ก็คงจะเหมือนคำว่า minimal น้อยแต่มาก หนังเรื่องนี้ให้อารมย์แบบนี้จริงๆ 5.ธรรมชาติในบ้านที่น่าสนใจ มุมเล็ก ๆ ในสวนที่ดูรก ๆ แต่กลับกลายเป็นการค้นหาที่ยิ่งใหญ่ นักแสดงหลัก Tsutomu Yamazaki รับบท Morikazu Kumagai Kirin Kiki รับบท Hideko Kumagai Ryo Kase รับบท Takeshi FujitaKaito Yoshimura รับบท Kohei Kajima Nobue Iketani รับบท Mie-chan บทสรุปแม้ว่าหนังเหมือนจะดูไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มีแรงดึงดูดให้เราอยู่กับหนังได้จนจบ และคงต้องบอกว่า แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนด้วย เพราะหนังไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก และหากไม่ใช่คนที่ชอบศิลปะและอยากรู้จักศิลปินท่านนี้ก็คงจะมองข้าม แต่หากเป็นคนที่ชอบค้นหาข้อมูล อยากเปิดโลกความรู้รอบตัว หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณสนใจจนต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มอาจจะมองเผิน ๆ เหมือนหนังไม่ได้สอนอะไรมาก แต่มันมีพลังที่ส่งออกมา ที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจ สิ่ง ๆ รอบ ๆ ตัวเรามันน่าสนใจแต่กลับมองข้ามกันไป มีหลาย ๆ ซีนที่ทำให้รู้ว่าเราจะอยู่กับธรรมชาติได้แบบไหน พักความเครียดกับชีวิตที่วุ่นวายด้วยการชม ภาพยนตร์ ญี่ปุ่น Mori, The Habitat แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรที่เรียบง่ายมันมีพลังที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พร้อม ๆ ที่คุณจะได้รู้จักกับ ศิลปินผู้โด่งดัง Kumagai Morikazuเพิ่มเติมท้ายเรื่อง 1. Kirin Kiki นักแสดงอาวุโสเสียชีวิตเมื่อ 15 กันยายน2018 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเดือน พฤษภาคม 2018 เป็น 1 ใน 5 ผลงานสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ซึ่งนักแสดงท่านนี้แฟน ๆ หนังและซีรีย์ญี่ปุ่นในบ้านเรารู้จักกันดี และยอมรับในฝีมือการแสดง2.ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รับรางวัลจากการประกวดหลายรายการในญี่ปุ่นทั้งในส่วนของภาพยนตร์และนักแสดง3.ภาพประกอบในรีวิวทั้งหมดจากเว็บไซด์ทางการของภาพยนตร์ http://mori-movie.com/4.ข้อมูลเกี่ยวกับ Kumagai Morikazu อ่านเพิ่มเติมที่ metropolisjapan.com หรือนำชื่อไปค้นหาจะมีข้อมูลให้เลือกอ่าน