รีวิว DREAM (ดรีม) หนังสร้างจากเรื่องฟีลกู๊ดจากเกาหลี เรื่องราวของคนไร้บ้านที่ต้องไปแข่งขันฟุตบอลโลก [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflix บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ DREAM (ดรีม)ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานออริจินัลเรื่องใ Netflix ของเกาหลี สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริง โดยตัวภาพยนตร์จะพาเราไปติดตามเรื่องราวของ ยุนฮงแด (รับบทโดย พัคซอจุน) นักฟุตบอลดาวรุ่งรูปหล่ออนาคตไกล แต่แล้วฝันอันยาวไกลในฐานนะนักฟุตบอลของเขาก็ดับลง หลังจากที่เขาได้บันดาลโทสะจิ้มตานักข่าวที่มาถามกวนประสาทเขา จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องออกจากวงการฟุตบอลอย่างไม่เต็มใจ โชคยังดีที่เขามีรูปร่างหน้าตาดีจึงถูกแนะนำให้เข้าวงการบันเทิง ซึ่งภารกิจแรกของเขาในการสร้างชื่อเสียงคือการร่วมแสดงในรายการวาไรตี้ที่จะให้เขาไปเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลคนไร้บ้าน เพื่อเตรียมเป็นทีมชาติเกาหลีไปแข่งในศึกฟุตบอลโลกของคนไร้บ้าน การเช่นนี้ก็เพื่อล้างภาพรักนักกีฬาหัวรุนแรงและชุบตัวเข้าวงการไปเป็นดารา สุดท้ายแล้วเรื่องราววุ่นๆ ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง DREAM (ดรีม) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง DREAM (ดรีม)รีวิว DREAM (ดรีม) สำหรับภายพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวดราม่าคอมเมดี้ที่ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริง ถึงจะบอกว่าเป็นดราม่าแต่เอาเข้าจริงตัวเรื่องมันก็ไม่ได้มีความดราม่าอะไรมากมาย เพราะตัวหนังมันสื่อสารออกมาในแง่บวกมากๆ ออกจะเป็นหนังฟีลกู๊ดสูตรสำเร็จย่อยง่ายที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ ตัวบทถือว่าเขียนมาได้ดีพอสมควรเลย มีการแฝงปมของตัวละครไว้อย่างดีทั้งตัวเอกและตัวสมทบ ซึ่งต้องชมจริงๆ ว่าปูปมดราม่าของตัวสมทบได้ดีมาก ทุกตัวละครที่อยู่ในทีมล้วนมีอดีตที่น่าเศร้าและเห็นใจ ทว่าหนังเขาเปลี่ยนสิ่งแย่ๆ เหล่านั้นมาสื่อสารในทิศทางบวก ด้วยการเลือกให้ตัวละครตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา และในขณะเดียวกันความตั้งใจจริงของเหล่าตัวละครสมทบเหล่านี้ก็ส่งต่อไปถึงตัวละครหลักอย่างพระเอกที่ต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่าเขาจะเลือกเดินเส้นทางไหน คือตัวละครทุกตัวในเรื่องมันค่อยๆ เติบโตไปพร้อมๆ กัน และก้าวข้ามอุปสรรคในใจตัวเองได้ในตอนจบ คือมันเป็นสูตรสำเร็จเลย แต่ก็เป็นสูตรสำเร็จที่ไม่ว่าดูกี่ครั้งก็ยังชอบ นอกจากบทจะเขียนมาได้ดีแล้วนั้น การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่เช่นกัน เขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการเล่าเรื่องราวของพระเอก จากนั้นก็เข้าเรื่องการไปเป็นโค้ชอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาจัดสรรเวลาได้ดีเอาเรื่องสามารถแบ่งเวลาไปเล่นมุขตลกเพื่อตัดอารมณ์คนดูให้ได้หัวเราะและเพลินไปกับเรื่องราว ในขณะเดียวกันก็ตัดสลับดราม่าหนักๆ และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่ทีมนี้ต้องเผชิญ ทั้งเรื่องการถูกถอนสปอนเซอร์ ไปจนถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้พระเอกต้องเลือกระหว่างความชอบกับชื่อเสียงเงินทอง แต่ในขณะเดียวกันผมก็ยังรู้สึกว่าเขาเล่าเรื่องแบบสบายเพลินๆ มากไปจนทำให้ตัวหนังมันไม่มีจุดพีคสุดเท่าไหร่ คือโทนหนังมันออกไปทางตลกและสนุกมากจนฉากที่ควรขายดราม่าได้มันก็ดราม่าไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ คือไม่ได้มีการไต่ระดับอารมณ์ให้คนดูได้คล้อยตามจนอินไปกับมันมากพอ แต่มันก็ไม่ได้ออกมาแย่เราไม่อินตามเลยและเข้าใจได้เพราะจุดมุ่งหมายของหนังมันก็เป็นโทนสนุกสนานฟีลกู๊ดอยู่แล้ว ส่วนต่อมาคือด้านการแสดง ส่วนนี้ก็นับว่าทำได้ดีตามมาตรฐานหนังเกาหลีทั่วไป ด้วยความที่โทนหนังมันมาในทางคอมเมดี้จ๋าๆ อยู่แล้ว เขาจึงดีไซน์ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องออกมาแบบสุดโต่ง คือมึนๆ ฮาๆ ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์ชัดเจน ฮากันคนละแบบ แถทนักแสดงยังทำได้ดีทุกคนด้วย ขายขำกันเต็มที่แบบไม่เกรงใจ ขนาดพระเอกยังมีความโก๊ะๆ ฮาๆ ด้วยเลย ในเรื่องคนที่ดูปกติที่สุดคงเป็นนางเอกแต่ก็ยังมีความกวนๆ น่ารัก ซึ่งไอยูแสดงดีมากและน่ารักสุดๆ สุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้สำหรับผมมองว่าทำได้ดีปานกลาง ไม่ได้ดูอลังการหรือจริงจังอะไรมากมาย มุมกล้องก็ธรรมดาไม่ได้สวยโดดเด่นสะดุดตา แต่ก็อยู่ในมาตรฐานไม่ถึงกับแย่ สรุปโดยรวมเลยคือ หนังเรื่องนี้คือหนังฟีลกู๊ดสร้างแรงบันดาลใจอีกเรื่องที่อยากให้ไปลองดูกัน อาจจะไม่ได้ดีงามจนไร้ที่ติ แต่ก็สนุกดูเพลินแก้เบื่อในวันหยุดได้ ใครที่กำลังมองหาหนังที่มีเนื้อหาเบาสมองคลายเคลียดควรดูเรื่องนี้ เขาทำออกมาได้กลมกล่อมดีทั้งคอมเมดี้และดราม่า คือมันอยู่ตรงกลางมากๆ ดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ อย่างไรก็ตาม รีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ผมชอบไม่ได้แปลว่าทุกคนจะคิดเหมือนกัน ทางที่ดีคือทุกคนต้องไปดูและตัดสินมันด้วยตาตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว Burn the House Down (ไฟแค้น ไฟอดีต) ซีรีส์ล้างแค้นจากญี่ปุ่นที่ริ่มต้นอย่างขมแต่จบแบบนุ่มนวลรีวิว Akira and Akira (อากิระกับอากิระ) หนังธรุกิจและการเงินน้ำดีจากญี่ปุ่นที่ทุกคนไม่ควรพลาด!รีวิว+เปิดวาร์ปนักแสดง King the Land (คิง เดอะ แลนด์) ซีรีส์เกาหลีรอมคอมสุดน่ารักที่มาแรงที่สุดในตอนนี้!รีวิว They Cloned Tyrone (โคลนนิงลวง ลับ ล่อ) เมื่อ 3 เกรียนต้องบุกห้องทดลองโคลนนิง ผลงานน้ำดีจาก Netflix ที่ไม่ควรพลาด [มีพากย์ไทย]รีวิว Barbie (บาร์บี้) ภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ไม่ได้มีดีแค่ความสดใส แฝงไปด้วยข้อคิดรีวิว Bird Box: Barcelona มอง อย่าให้เห็น (บาร์เซโลนา) ภาคแยกที่ทำออกมาได้ธรรมดา จืดชืด และน่าผิดหวังรีวิว Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) ภาคต่อที่ดีงามสมการรอคอย ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!รีวิว Record of Ragnarok II Part 2 (มหาศึกคนชนเทพ ซีซั่น 2 พาร์ท 2) [5 ตอนสุดท้าย] การต่อสู้สุดดุเดือดระหว่าง ศากยมุนี VS ซีโรฟุกุแหล่งที่มาทั้งหมดจาก Netflix TH, Netflix Indonesiaภาพปก: ภาพที่ 1ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 วิดีโอ: ดรีม | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ จาก Youtube: Netflix Thailandเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!