หลังจากชมภาพยนตร์ The batman ผู้เขียนนั่งไถ่ทวิตก็เห็นแต่รีวิวแบทแมนเต็มไปหมดบ้างก็ว่าดีบ้างก็ว่างั้นๆ ซึ่งตัวผู้เขียนชอบแบทแมนเวอร์ชันนี้มากกว่าแบทแมนของโนแลนด์เสียอีก แบทแมนคนนี้ดูสมจริงและมีความเป็นมนุษย์จิตป่วยที่ตรงสเป็คผู้เขียนเหลือเกินผู้เขียนจะขอมุ่งไปที่การวิเคราะห์ตัวละคร บรู๊ซ เวย์น โดยเฉพาะเลยเพราะตลอดการรับชมภาพยนตร์ผู้เขียนรู้สึกหงุดหงิดใจสุดๆ อยากจะเขย่าตัวอัลเฟร็ดแล้วบอกว่า ดูเจ้าหนูเวรเอ้ยเวย์น เขาไม่ปกตินะทำไมไม่พาไปพบจิตแพทย์ ! ผู้ป่วยเรื้อรัง อาการที่ บรูซ เวย์น เป็นคือ PTSD อย่างไม่ต้องสงสัย (PTSD คืออาการของผู้ที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงที่กระทบกระเทือนจิตใจ) บรู๊ซ เวย์น มีอาการบ่งชี้ชัดเจนนั้นคือเขายังยึดติดกับการตายของพ่อแม่แม้จะผ่านมานานมากแล้วแต่เขาก็ยังหมกมุ่นกับมันอยู่ตลอด มีอยู่ซีนหนึ่ง(สปอย!)ที่ผู้เขียนว่ามันชัดเจนมากๆ ซีน ที่แบทแมนมองลูกชายของผู้ลงสมัครผู้ว่าที่ถูกเดอะลิดเลอร์ฆาตกรรม ทั้งที่สถานการณ์รอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่แบทแมนก็ยังอุตส่าห์สะดุดตากับเด็กชายที่ร้องไห้ สายตาที่เขามองไม่ใช่แบบตำรวจเห็นใจเหยื่อแต่มันคือภาพสะท้อนของตัวเขาในอดีต ซีนนี้แสดงให้เห็นเด่นชัดเลยว่าแม้เวลาจะผ่านมานานเท่าไร บรู๊ซ เวย์น ยังคงเป็นเด็กชายที่นั่งร้องไห้แต่ด้วยเวลามันทำให้เขาโตขึ้นและความเสียใจแบบตอนเด็กก็ถูกพัฒนาไปเป็น ความโกรธ ความชิงชัง ความแค้น ซึ่งในแบทแมนเวอร์ชันนี้เขาจะไม่ได้ถูกเรียกว่าฮีโร่แต่กลับถูกเรียกว่าผู้ล้างแค้นมันคือภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกมาอันมีต้นตอมาจากจิตใจของเขาสัญลักษณ์แห่งความกลัว ปกติแล้ว Bat signal มักจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังแต่ของแบทแมนคนนี้ดันกลายเป็น ความกลัว เสียอย่างนั้น มันคือซีนต้นเรื่อง(สปอย) โจรที่ปล้นร้านสะดวกซื้อในวันฮาโลวีนแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วเห็น Bat signal แล้วรีบวิ่งหนีด้วยความกลัวหรือแม้กระทั่งซีนรถไฟใต้ดินที่แบทแมนเข้าไปช่วยเหยื่อที่ถูกอันตพาลรังแก พี่แบทแกก็เหมือนเข้าไประบายอารมณ์มากกว่าเพราะถ้าเป็นฮีโร่ปกติที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือก็จะมุ่งไปที่การปล่อยมัดสักทีสองทีเพื่อให้พวกอันตพาลถอยหนีแล้วช่วยเหยื่อแต่ไม่ใช่กับพี่แบทแน่นอน พี่แกเล่นกระทืบไม่ยังมือเหมือนโกรธเกลียดพวกอาชญากรมากราวกับต้องการสะท้อนถึงลึกๆในใจของเขา สมัยยังเด็กเขาทำได้แค่เกลียดพวกอาชญากรและเก็บมันไว้จนเป็นแผลใจแต่เมื่อเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เขาก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่แม้แต่เหยื่อที่ถูกแบทแมนช่วยก็ยังกลัวเขาไม่ได้ขอบคุณหรือมองเขาเป็นฮีโร่แต่อย่างใด ยึดติดกับก็อตแธม เชื่อว่าหลายคนก็สงสัยว่าพี่แบทแกรวยขนาดนี้ ทำไมไม่ย้ายไปอยู่เมืองที่ดีกว่านี้ สำหรับผู้เขียนต่อให้แจกตั๋วไปอยู่ก็อตแธมฟรียังไม่เอาเลย ต้นตอของสาเหตุนั้นต้องอธิบายยาวหน่อยเพราะ โธมัสกับมาร์ธา คือผู้ทรงอิทธิพลมากๆในก็อตแธมตลอดจนบรรพบุรุษตระกูลเวย์นก่อนมีบริษัทเวย์นเอ็นเตอร์ไพร์ พวกเขาก็เป็นเจ้าของที่ดินทำธุรกิจท่าเรือและสาธารณูปโภคสืบต่อกันมาอย่างช้านานก็อตแธมเป็นดั่งมรดกของตระกูลเวย์นและการที่ โธมัสและมาร์ธา ถูกฆาตกรรมจึงทำให้เหลือ บรู๊ซ เวย์น เพียงคนเดียว เขายังคงฝังใจกับเหตุการณ์วัยเด็กและก็อตแธมก็เหมือนมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้โดยเฉพาะโครงการฟื้นฟูของโธมัสเวย์นที่ตั้งใจยกระดับก็อตแธมชีวิตพลเมืองให้ดียิ่งขึ้น มันเหมือนดั่งเชื้อไฟที่ บรู๊ซ เวย์น ยึดติดไว้กับบทบาทของแบทแมน ดังข้อความในภาพที่เขียนว่า the sins of my father? ซ่อนเร้นความรู้สึก จะมีอยู่คำพูดหนึ่งที่เดอะลิดเลอร์พูดกับแบทแมนว่า " แกกับฉันต่างก็รู้ดี หน้ากากทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง " ในลักษณะของเดอะลิดเดอร์นั้นไม่แปลกที่เขาจะใส่หน้ากากเพราะพื้นเพเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่มาจากบ้านเด็กกำพร้า การก่อจลาจลและการใส่หน้ากากเป็นลูกเล่นที่ซ่อนเร้นความธรรมดาให้ดูโดดเด่นขึ้นของตัวเดอะลิดเลอร์แต่ของแบทแมนมันต่างกันมากเพราะตัวจริงของ บรู๊ซ เวย์น คือมหาเศรษฐีที่ชีวิตไม่ได้ธรรมดาเหมือนเดอะลิดเลอร์เลย พี่แกสามารถทำสิ่งดีๆมากมายโดยใช้สถานะความเป็น บรู๊ซ เวย์น ได้อย่างไม่ขัดเขินหรือจะเจริญรอยตามพ่อเป็นนักการที่ดีก็ยังได้ มันง่ายและไม่ต้องยุ่งยากซับซ้อนเท่ากับการเป็นแบทแมนเลยแต่ถึงยังงั้นพี่แกก็กลับเลือกใส่หน้ากากเพราะพี่แบทแกสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเปิดเผยสามารถแสดงความรู้สึกลึกๆในใจที่อยากจะจัดการอาชญากรอย่างสาสมให้เหมือนกับความเจ็บปวดที่เขาต้องเจอ ไม่เคยจางหาย ในซีนของ อัลเฟร็ด อาการสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล น่าจะเป็นบทสรุปที่ชัดที่สุดว่า บรู๊ซ เวย์น ยังคงสะเทือนใจกับเรื่องในอดีดอยู่เพราะบทสนทนาที่พูดกับอัลเฟร็ดว่า " ฉันรู้ว่าตอนนี้มีบางสิ่งที่ยังไม่ผ่าน กลัวที่จะเจอมันอีกครั้งกลัวว่าจะสูญเสียคนที่ห่วงใย " จริงๆก็ยังมีอีกเยอะที่สามารถหยิบนำมาวิเคราะห์ได้แต่แค่นี้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบแม้แต่ - ฮีโร่ก็ป่วยจิตได้ -อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !