เรียกได้ว่าช่วงนี้เนื้อเรื่องในอนิเมะมหาเวทย์ผนึกมาร ภาค 2 กำลังดุเดือดเข้มข้นมาก ๆ วันนี้ก็เลยอยากจะพาทุกคนมาพักชมเรื่องราวน่ารัก ๆ คลายเครียดจากเนื้อเรื่องในอนิเมะช่วงนี้กัน เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่านอกจากมังงะและอนิเมะแล้ว มหาเวทย์ผนึกมารยังมีไลท์โนเวล (Light novel) หรือฉบับนิยายให้ติดตามด้วยค่ะ ซึ่งปัจจุบันมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยายมีทั้งหมด 2 เล่มด้วยกัน คือ เล่มที่ 1 คิมหันต์ผันผ่าน สารทหวนคืน และ เล่มที่ 2 ขวากหนามยามอรุณรุ่ง โดยวันนี้เราจะมารีวิวเนื้อเรื่องจากเล่มที่ 1 คิมหันต์ผันผ่าน สารทหวนคืน มาดูกันว่าในเล่มนี้มีอะไรบ้าง!ผู้เขียน : Gege Akutami, Ballad Kitaguniผู้แปล : อนิษาแต่ก่อนจะเข้าเนื้อหา ขอชื่นชมชื่อภาษาไทยของเรื่องนี้กันก่อน "คิมหันต์ผันผ่าน สารทหวนคืน" ชื่อภาษาอังกฤษ "Summer of Ashes, Autumn of Dust" อ่านชื่อเรื่องครั้งแรกคือแบบเท่จัง คนแปลเก่งมาก ในเล่มมีคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า คิมหันต์ แปลว่า ฤดูร้อน (ที่ญี่ปุ่นจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม) ส่วน สารท แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง (ที่ญี่ปุ่นจะเป็นช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน) ดังนั้นนอกจากความเท่แล้ว ชื่อเรื่องยังบ่งบอกช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวภายในเล่มอีกด้วย นั่นก็คือช่วงที่เกิดเหตุการณ์ในสถานพินิจไปจนถึงเหตุการณ์ที่อิตาโดริ ยูจิไม่สามารถช่วยโยชิโนะ จุนเปจากมาฮิโตะได้ ในมหาเวทย์ผนึกมาร ภาค 1 นั่นเองโดยเรื่องราวในเล่มนี้จะไม่มีปรากฏในมังงะและอนิเมะ เหมือนเป็นเรื่องที่เขียนเสริมขึ้นมาโดยอิงจากเนื้อหาในต้นฉบับหลัก มีทั้งหมด 5 ตอน ดังนี้ วันหยุดสุดหรรษาตุ๊กตาฟื้นวิญญาณนิทานในความมืดมิดคุณอิจิจิผู้แสนขยันอสูรพิทักษ์ลวงตาตอนที่ 1 วันหยุดสุดหรรษาตอนนี้น่ารักมาก ๆ เรื่องราวน่าจะประมาณรูปนี้ คือ อิตาโดริ ยูจิ, ฟุชิรุโระ เมงุมิ และ คุกิซากิ โนบาระ ไปเดินเที่ยวเล่นกันตามประสาวัยรุ่นในช่วงวันหยุด โนบาระชอบช้อปปิ้ง เลือกของนาน ก็เลยแยกกับยูจิและเมงุมิ เมงุมิคิดว่าการให้ภาชนะของสุคุนะอย่างยูจิไปไหนมาไหนคนเดียวในที่พลุกพล่านแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยตามยูจิไปเที่ยวกัน 2 คน เมงุมิอยู่ที่โตเกียวอยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรเท่าไร ต่างกับยูจิที่ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกอย่าง ยูจิพาเมงุมิเข้าร้านเกมเซ็นเตอร์ ทำนู่นทำนี่ด้วยกัน แล้วระหว่างนั้นก็ดันไปเจอ อ.โกะโจ ซาโตรุ แบบบังเอิญ ด้วยความแซบของยูจิ ก็ชวนเมงุมิสะกดรอยตาม อ.โกะโจ ในตอนแรกเมงุมิเหมือนจะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมเออออสะกดรอยตามไปกับยูจิ เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนแบบนี้มาทำอะไรในเมืองช่วงวันหยุด ซึ่ง อ.โกะโจ ก็เดินเข้าร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อยจนมาถึง...ร้านแองเจิ้ลเมดคาเฟ่ 'SHOW ว้าว คิวปิด'จากชื่อร้าน 2 หนุ่มก็คิดกันว่าจะเลิกสะกดรอยตามแล้ว เพราะคนแบบ อ.โกะโจ ก็คงเข้าไปเพราะของหวานแน่ ๆ ที่สำคัญร้านแบบนี้ก็ชวนเขินไม่น้อยสำหรับคนวัยแตกเนื้อหนุ่มอย่างพวกเขา แต่แล้วระหว่างที่กำลังทำท่าทางลังเลอยู่นั้น ทั้งคู่ก็โดนสาวสวยในชุดเมดพาเข้าไปเป็นลูกค้าของร้านแบบงง ๆ ซะงั้น แล้วความน่ารักก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อสาวเมดคาเฟ่หยิบวงแหวนเทวดาและปีกเทวดาให้ทั้ง 2 คนใส่ จากนั้นก็พาทำอะไรน่ารัก ๆ ร่ายคาถา ตามสไตล์ร้านเมดค่าเฟ่ ><งานนี้ถึงจะงง ๆ ไปบ้างแต่ยูจิก็ให้ความร่วมมือกับสาวเมดเป็นอย่างดี ให้เล่นอะไรยูจิก็เอาด้วย ตามแบบฉบับคนร่าเริงสดใสเข้ากับคนอื่นได้ง่ายของเจ้าตัว ส่วนฟุชิงุโระที่นิสัยขึงขังจริงจังก็กระสับกระส่ายวางตัวไม่ถูก แต่ก็ยอมนั่งเป็นเพื่อนยูจิที่ทำนู่นทำนี่เล่นกับสาวเมดคาเฟ่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ทำให้รู้ว่า My hero Academia เป็นหนึ่งในอนิเมะเรื่องโปรดของยูจิ ตอนนี้เป็นตอนที่อยากให้ทุกคนได้ลองไปอ่านด้วยตัวเองมาก ๆ โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบความสัมพันธ์ระหว่างยูจิกับฟุชิงุโระ เพราะน่ารักกันมากจริง ๆ ส่วนเหตุผลที่ อ.โกะโจ เข้ามาในร้านเมดคาเฟ่แห่งนี้ จะใช่แบบที่ยูจิกับฟุชิงุโระคิดไว้หรือไม่ หาคำตอบได้ในมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยายนะคะมีถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย แล้วดูหน้าเมงุมิ 5555ตอนที่ 2 ตุ๊กตาฟื้นวิญญาณตอนนี้เป็นตอนที่นานามิ เคนโตะต้องไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างจังหวัด จากเดิมที่คิดว่าจะได้ผ่อนคลายและเที่ยวไปในตัว แต่กลับต้องมาปวดหัวและถอนหายใจอยู่หลายครั้งกับความพูดไปเรื่อยของโกะโจ ซาโตรุที่ขอติดตามมาด้วย ทั้งที่ภารกิจนี้ไม่น่าจะต้องใช้ผู้ใช้คุณไสยถึงสองคน แบบนี้มีพิรุธไม่ใช่เหรอ? แต่ถามยังไงโกะโจก็บ่ายเบี่ยงพาเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยจนนานามิเหนื่อยจะสนใจ โฟกัสที่ภารกิจดีกว่า ซึ่งภารกิจในวันนี้ก็คือการไปตรวจสอบสถานที่ซึ่งมีการทำตุ๊กตาฟื้นวิญญาณที่อ้างว่าเป็นการปลุกชีพคนตายวางขายบนเว็บไซต์ตอนแรกที่คิดว่าเป็นภารกิจธรรมดา แต่ว่าพอมาถึงสถานที่จริงก็ซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะมีทั้งเรื่องของแม่ที่สูญเสียทารกไปแต่ยังอาลัยอาวรณ์จนต้องพึ่งตุ๊กตาฟื้นวิญญาณเพื่อหวังจะเห็นลูกอีกครั้ง และช่างทำตุ๊กตาที่ใช้วิชาคุณไสยในทางผิดจนโดนตุ๊กตาเข้าสิงซะเอง เรื่องราวของตอนนี้เข้มข้นมาก ๆ ซึ่งโกะโจที่มาด้วยก็ตามมาเฉย ๆ จริง ๆ เพราะไม่ได้มาช่วยอะไรนานามิเลย ยืนดูนานามิแก้ปัญหาและปัดเป่าคำสาปคนเดียวจนจบภารกิจ ก่อนจะเผยเหตุผลที่แท้จริงในการตามนานามิมาถึงที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่า...จริง ๆ แล้วอยากมาคุย (ขอร้อง) กับนานามิเรื่องที่จะฝากให้ช่วยดูแลยูจินั่นเอง เพราะนานามิเป็นคนที่โกะโจไว้ใจได้ ซึ่งในตอนนั้นยูจิอยู่ในฐานะ "คนตาย" ไปแล้ว และโกะโจก็งานยุ่งมาก จนไม่มีเวลาดูแลยูจิ โดยเฉพาะเรื่องของสภาพจิตใจ เพราะถึงยูจิจะเป็นเด็กร่าเริงสดใส ใจกล้าบ้าบิ่นยังไง สุดท้ายแล้วยูจิก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่จับพลัดจับพลูได้เข้ามาอยู่ในวงการไสยเวท ซึ่งชีวิตไม่ได้สวยหรู ทั้งยังอยู่ในฐานะภาชนะของสุคุนะอีกด้วย โกะโจกังวลว่าหากยูจิต้องเจอกับเรื่องทำร้ายจิตใจมาก ๆ เข้า ยูจิอาจจะรับไม่ไหว "...เรื่องนี้ไม่มีคำว่าผู้ใช้คุณไสย ไม่มีคำว่าภาชนะของสุคุนะ...ผมขอร้องนายในฐานะผู้ใหญ่ที่หวังจะได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเติบโตสมวัย ฉันอยากให้ผู้ใหญ่ที่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของมนุษย์คอยดูแลเขา และคนคนนั้นก็คือนาย" นี่คือคำพูดที่โกะโจเอ่ยเพื่อขอร้องนานามิซึ่งท้ายที่สุดแล้วนานามิก็ยอมตกลงในการดูแลยูจิ ถึงช่วงแรกจะไม่ค่อยยอมรับยูจิในฐานะผู้ใช้คุณไสยเท่าไหร่ เพราะการเป็นภาชนะของสุคุนะ แต่ก็คอยสอนคอยให้คำแนะนำยูจิหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะการก้าวข้ามกำแพงความกลัวในจิตใจของยูจิในตอนนั้น นั่นก็คือยูจิไม่กล้าฆ่าคน ถึงจะอยู่ในรูปร่างของวิญญาณคำสาป เช่น มนุษย์ที่ถูกมาฮิโตะใช้ 'มุอิเทนเปน' เปลี่ยนให้เป็นมนุษย์ดัดแปลง ซึ่งจะเรียกว่าคำสาปเลยก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่ ทำให้ยูจิรู้สึกผิดในการปัดเป่าคำสาปแบบนั้น เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจยูจิมากพอสมควร แต่การได้อยู่กับนานามิก็ทำให้ยูจิเข้มแข็งและยอมรับเรื่องนี้ได้ตอนที่ 3 นิทานในความมืดมิดตอนที่ 3 นิทานในความมืดมิด ตอนนี้ทำเอาประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องราวของมาฮิโตะ วิญญาณคำสาปที่ไม่คิดว่าจะมีในเล่มนี้ เนื่องจากไม่มีรูปบนหน้าปก และเนื้อเรื่องในตอนนี้ก็น่าสนใจมาก ๆ เพราะทำให้รู้ว่านอกจากโยชิโนะ จุนเปแล้ว ก่อนหน้านั้นมาฮิโตะเคยอยู่กับผู้เฒ่าคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าควรจะนิยามความสัมพันธ์ว่ายังไงดี จะว่าเป็นเพื่อนก็ฟังดูเหมือนผูกพันธ์เกินไป เพราะวิญญาณคำสาปแบบมาฮิโตะไม่ได้เข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งแบบนั้น แต่ก็พักอยู่ด้วยกัน พูดคุยกัน โดยที่มาฮิโตะไม่ฆ่าและให้ความสนใจกับผู้เฒ่าคนนี้ไม่น้อย พูดให้เห็นภาพหน่อยก็น่าจะประมาณเพื่อนร่วมด้อมที่ไปงาน Fan Meeting ศิลปินที่ชื่นชอบคนเดียวกันล่ะมั้ง คือถึงไม่ได้รู้จักกันแต่การได้พูดคุย แลกเปลี่ยนในสิ่งที่ชอบเหมือนกันก็ทำให้อยู่ด้วยกันได้โดยรู้สึกอึดอัดอะไรประมาณนั้นผู้เฒ่าคนนี้อาศัยอยู่ที่อุโมงค์ก่อนที่มาฮิโตะจะเข้ามาใช้เป็นที่พักชั่วคราว ในตอนแรกมาฮิโตะจะกำจัดผู้เฒ่าคนนี้ทิ้งเหมือนกันเพราะว่าเกะกะขวางทาง ทว่าผู้เฒ่าคนนี้กลับต่างออกไปจากมนุษย์ทั่วไปที่มาฮิโตะเคยพบ มาฮิโตะเรียกผู้เฒ่าคนนี้ว่า "ปู่" ปู่ต่างจากคนอื่นเพราะแม้ดวงตาจะมืดบอดมองไม่เห็น แต่กลับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมาฮิโตะ (คนปกติจะมองไม่เห็นคำสาป) ทั้งที่ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสย และปู่ก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับมาฮิโตะ ต่างคนต่างอยู่ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันเรื่องหนังสือได้ดี นอกจากนี้มาฮิโตะยังสนใจเกี่ยวกับเหตุผลที่ปู่สัมผัสถึงตัวตนของเขาได้ด้วย มาฮิโตะจึงไม่ฆ่าปู่ เพราะถึงเขาจะเป็นวิญญาณคำสาป แต่ก็ชอบที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์เอามาก ๆ หากสังเกตในอนิเมะหรือมังงะ จะเห็นว่าช่วงเวลาพักผ่อน หรือไม่ต้องต่อสู้กับใคร มาฮิโตะจะมีหนังสือติดตัวเสมอ เขาชอบอ่านหนังสือมาก ๆ โดยเฉพาะหนังสือจำพวกปรัชญา แนวความคิดต่าง ๆ เพราะอยากจะเข้าใจกระบวนการคิดแบบมนุษย์ นอกจากนี้มาฮิโตะยังชอบรสนิยมความงามของมนุษย์มาก ๆ เขาชอบดูภาพยนตร์ เพราะเป็นเหมือนกับการถ่ายทอดพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ออกมาเป็นรูปภาพให้เข้าใจได้ง่าย โดยมาฮิโตะอ้างว่า "อย่างน้อยก็ใช้อ้างอิงเวลาคิดวิเคราะห์โครงสร้างของวิญญาณได้นะ" ซึ่งวิญญาณคำสาปตนอื่น เช่น โจโกะ ไม่ค่อยจะเข้าใจมาฮิโตะสักเท่าไหร่ การดูภาพยนตร์เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับวิญญาณคำสาปอย่างพวกเขา แต่นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้มาฮิโตะได้พบกับจุนเป...สำหรับใครที่อยากทราบว่าปู่คนนี้เป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาอยู่ที่อุโมงค์กับมาฮิโตะได้ รวมถึงตอนนี้ปู่หายไปไหน หาคำตอบได้ในเล่มมหาเวทย์ผนึกฉบับนิยายตอนที่ 3 ค่ะตอนที่ 4 คุณอิจิจิผู้แสนขยันตอนนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและภารกิจในแต่ละวันของคุณอิจิจิ คิยาทากะ ผู้ช่วยของ อ.โกะโจ ซาโตรุ และบุคคลที่เป็นทุกอย่างให้กับโรงเรียนไสยเวทแล้ว เพราะงานคุณเขารัดตัวมากจริง ๆ ซึ่งอีกหนึ่งงานที่อิจิจิได้รับจาก อ.โกะโจ ในช่วงที่ยูจิต้องซ่อนตัวจากเบื้องบนเรื่องการตายก็คือการฝากยูจิไปอยู่ด้วย เพราะโกะโจต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดหลายวัน ครั้นจะให้ยูจิซ่อนอยู่ที่เดิมตลอดก็คงไม่ดี ระหว่างนี้ก็เลยให้ยูจิมาพักอยู่ที่บ้านของคุณอิจิจิ ทว่า...มาถึงวันแรกยูจิก็รู้สึกเบื่อแล้ว เพราะไม่มีอะไรให้ทำเลย จะอ่านการ์ตูนก็มีแต่เรื่องเก่าที่เปิดอ่านได้ไม่กี่หน้าก็ต้องยอมแพ้เพราะไม่ใช่เนื้อเรื่องที่สนใจเท่าไหร่ จะดูทีวีก็ไม่มีรายการไหนน่าสนใจ สุดท้ายเด็กช่างพูดคุยแบบยูจิก็ขอเปลี่ยนมาคุยกับคุณอิจิจิในระดับที่ไม่รบกวนการทำงานของคุณเขาแทน เพราะตั้งแต่มาถึงที่บ้าน คุณอิจิจิก็เอาแต่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ กดแป้นพิมพ์ไม่หยุด ซึ่งสิ่งที่พบหลังชะโงกเข้าไปดูก็มีแต่ข้อมูลอะไรไม่รู้ที่ยูจิไม่เข้าใจเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ก็พอเดาออกว่าเป็นงานที่ยากเอาการ และเมื่อได้พูดคุยกับคุณอิจิจิแล้วก็พบว่าคุณอิจิจิแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความบันเทิง ดารา การ์ตูนอะไรแบบนี้เลย เรียกได้ว่าแค่ทำงานให้ที่โรงเรียนไสยเวท ก็ไม่มีเวลาเผื่อไปทำอย่างอื่นเลยและเหมือน อ.โกะโจ จะรู้ใจยูจิ เพราะมีธุระให้คุณอิจิจิต้องออกไปทำงานข้างนอกพอดี ทั้งยังบอกด้วยว่ายูจิน่าจะอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกเต็มทน จึงอนุญาตให้ยูจิออกไปด้วยได้ แน่นอนว่ายูจิรีบบอก "ผมอยากออกไปข้างนอก! ผมอยากสังเคราะห์แสงครับ!" ทันที ซึ่งงานนี้คุณอิจิจิก็ไม่มีปัญหา ถ้าปลอมตัวนิดหน่อยกับไม่เดินเตร็ดเตร่ตามใจก็คงไม่เป็นอะไร เพราะอิจิจิเป็นคนขับรถไปเองอยู่แล้ว ว่าแล้วคุณอิจิจิก็ให้แว่นตากันแดดให้ยูจิใส่เพื่อปลอมตัว? พร้อมบอกว่ามนุษย์เราสังเคราะห์แสงไม่ได้นะยูจิ...พอได้ออกมาข้างนอก ก็เหมือนบทสนทนาจะลื่นไหลกว่าตอนอยู่ที่บ้านคุณอิจิจิมาก ๆ ยูจิได้รู้ว่างานของคุณอิจิจินั้นเยอะมาก เพราะเบื้องหน้าของโรงเรียนไสยเวทคือโรงเรียนเอกชนที่มุ่งเน้นสอนเรื่องศาสนา ดังนั้นจึงมีรายละเอียดมากมายที่ต้องทำให้เป็นไปตามระเบียบของระบบการศึกษาและไม่เป็นที่สงสัยจากคนภายนอกโรงเรียน คุณอิจิจิต้องทำทั้งงานบัญชี งานเอกสาร ทักทายคู่ค้าเพื่อให้ไม่น่าสงสัย และยังเป็นผู้ช่วย อ.โกะโจ ซึ่งถึงจะเป็นคนที่ใจดีกับนักเรียน แต่กับคุณอิจิจินั้น โกะโจก็ใช้งานแบบหัวปั่นเลย จากนิสัยติดเอาแต่ใจของเจ้าตัว ทำเอายูจิเห็นใจคุณอิจิจิไม่น้อยในตอนที่ 4 นี้นอกจากจะทำให้เห็นว่าสายสนับสนุนแบบคุณอิจิจิมีความสำคัญต่อโรงเรียนไสยเวทและผู้ใช้คุณไสยขนาดไหนแล้ว ยังเป็นตอนที่ได้เห็นคุณอิจิจิและยูจิพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่สถานพินิจอีกด้วย ซึ่งเหมือนว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจของคุณอิจิจิมากพอสมควร อิจิจิโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุทำให้ยูจิต้องตายไปครั้งหนึ่ง ส่วนยูจิก็รู้สึกเสียความมั่นใจเพราะตัวเองอ่อนแอจึงเกินเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ซึ่งการที่ยูจิได้มาอยู่กับคุณอิจิจิในครั้งนี้ก็ทำให้ทั้ง 2 คนได้ปลดล็อคอะไรหลาย ๆ อย่างที่ติดอยู่ในใจ "ขอบคุณนะ คุณอิจิจิ...ผมจะพยายามเก่งขึ้น เก่งขึ้นจนคุณอิจิจิไม่ต้องคอยเป็นห่วง ส่วนคุณอิจิก็ต้องไม่ลืมคอยสอนผมในเรื่องที่ผมไม่รู้ บอกผมในเรื่องอื่น ๆ ซึ่งแค่การต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ตกลงนะ" /น้องยูจิน่ารักมากT-Tตอนที่ 5 อสูรพิทักษ์ลวงตาเหตุการณ์ตอนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อิตาโดริ ยูจิใกล้จะได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น อ.โกะโจ จึงอนุญาตให้ยูจิได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกได้บ้าง หลังจากต้องใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ตายไปแล้ว" ซึ่งยูจิก็เลือกมาเดินที่ย่านชานเมืองไกลจากเขตโรงเรียนและผู้คนในช่วงเวลา 3 ทุ่ม เมื่อรู้สึกได้ว่าเดินออกมาไกลพอสมควรแล้วก็เลยจะเดินกลับที่พัก แต่แทนที่จะเดินกลับทางเดิม ยูจิกลับเลือกเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ถัดไปแทน แถวนี้มีสวนสาธารณะด้วย ทั้งที่ห่างกันแค่ซอยเดียว แต่ทิวทัศน์ที่เห็นกลับต่างกันแทบสิ้นเชิง และในตอนนั้นเอง ยูจิก็ได้ยินเสียงของโลหะเสียดสีกันดังเอียดอาด หันไปมองก็พบว่าชิงช้ากำลังแกว่งไกว แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะลมพัด แต่เพราะความมืดและมีเพียงแสงไฟจากข้างทาง ยูจิจึงเห็นเป็นเงาเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ประเมินจากรูปร่างน่าจะประมาณเด็ก ม.ต้น กำลังนั่งไกวชิงช้าที่สวนสาธารณะคนเดียว... แต่ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ? อาจจะเพราะความเป็นห่วงที่เห็นเด็กตัวคนเดียวมานั่งในสถานที่และเวลาแบบนี้ ด้วยนิสัยของยูจิ ไม่รอช้าเขาก็เข้าไปทักเด็กคนนี้ทันที ในตอนแรกเด็กชายมีอาการประหม่าและไม่ไว้ใจอยู่บ้าง แต่พอได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มและบุคลิกที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายตามแบบฉบับของเจ้าตัว สุดท้ายเด็กชายก็คลายกังวลและพูดคุยกับยูจิ เด็กคนนี้ชื่อ มินาโตะ ไคริ น้องบอกว่าที่มานั่งอยู่ที่นี่เพราะยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ เพราะที่บ้านมี "อสูร" โผล่ออกมา แน่นอนว่ายูจิได้ฟังแบบนั้นก็เข้าใจและอาสาจะพาเด็กน้อยไปส่งที่บ้าน "การกลับบ้านไม่ได้น่ะ มันน่าเศร้าจะตาย" ยูจิบอกไปแบบนั้นก่อนยื่นมือเข้าช่วยเหลืออีกฝ่าย และเมื่อไปถึงที่บ้านก็มีคำสาปที่เด็กชายเรียกว่า "อสูร" อยู่ที่บ้านของไคริจริง ๆ จากการประเมินของยูจิ วิญญาณคำสาปตนนี้ไม่ใช่คำสาปที่แข็งแกร่งมากมาย และไม่ได้เข้าใกล้คำว่า "อสูร" อย่างที่เด็กชายเรียก มากสุดก็คงไม่เกินคำสาประดับ 3 เท่านั้น แต่ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ยูจิตั้งท่ากำหมัดและใช้ 'เคเทเคน' ปัดเป่าคำสาปตนนี้ได้อย่างง่ายดาย "ฉันจัดการให้แล้ว ทีนี้นายกลับบ้านได้แล้วนะ" ยูจิแย้มแป้นพร้อมกับมองส่งเด็กชายที่เดินเข้าบ้านไป...แต่ทว่า หลังจากนั้นหลายวัน ยูจิที่ออกมาเดินเล่นที่นี่อีกครั้งกลับพบว่า ไคริ ยังออกมานั่งที่ชิงช้าสวนสาธารณะแบบเดิม และ "อสูร" ตนเดียวกันกับเมื่อตอนนั้นยังคงอยู่ ทั้งยังตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ยูจิทำการปัดเป่าสำเร็จเช่นเดิม แต่คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรให้คำสาปตนนี้หายไปจริง ๆ เขาไม่เคยพบคำสาปประเภทฟื้นคืนชีพได้แบบนี้จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษา อ.โกะโจ ยูจิอยากให้อาจารย์ไปดูด้วยกัน และแน่นอนว่าคนแบบ อ.โกะโจที่ใจดีกับนักเรียนนั้น..."คงไม่ได้หรอก เพราะว่าผมงานยุ่ง" ก่อนจะโดนยูจิสวนกลับไปว่า "ดูไม่เหมือนคนยุ่งสักนิด"ซึ่งก็จริงอย่างที่ยูจิว่า เพราะจริง ๆ ก็ไม่ได้ยุ่งขนาดออกไปดูด้วยกันไม่ได้หรอก เพียงแต่โกะโจต้องการให้ยูจิได้การเรียนรู้ที่จะหันหน้าเผชิญกับปัญหาและแก้ไขมันด้วยตัวของตัวเอง "การพยุงเด็กที่ล้มน่ะมันง่าย แต่การสอนให้เด็กรู้จักวิธีลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองต่างหากจึงจะเรียกว่าเป็นงานของอาจารย์อย่างแท้จริง...ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ต้องเรียกว่ายากกว่าการสอนคุณไสยไม่รู้กี่เท่าด้วยซ้ำ" สุดท้ายแล้วยูจิจะสามารถช่วยไคริในการทำให้อสูรตนนี้หายไปได้จริง ๆ หรือไม่ จะใช้วิธีการใด รวมถึงที่มาของอสูรตนนี้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สามารถติดตามและเป็นกำลังใจให้อิตาโดริ ยูจิได้ในมหาเวทย์ผนึกมารฉบับนิยาย เล่ม 1 คิมหันต์ผันผ่าน สารทหวนคืน ตอนที่ 5 นะคะ บอกเลยว่าตอนนี้สนุกมาก ได้เห็นโกะโจ ซาโตรุ ในบทบาทของการเป็นอาจารย์ในแบบที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อย ๆ เท่าไหร่ด้วย อาจารย์โกะโจเท่มาก!บทความแนะนำรีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร 2 (Jujutsu Kaisen Season 2) EP.1 สนุกมาก เนื้อหาจัดเต็มกว่ามังงะ มีคำบอกใบ้ในเพลง OP-ED ด้วย?ทำความรู้จัก ตัวละคร มหาเวทย์ผนึกมาร (Jujutsu Kaisen) ซีซั่น 210 Fun Facts เรื่องน่ารู้ ก่อนดู มหาเวทย์ผนึกมาร 0 (ไม่มีสปอยเนื้อเรื่อง)เครดิตภาพภาพปก : พื้นหลัง by Geoimages / นิยายมหาเวทย์ผนึกมาร / ภาพรวมFacebook Siam Inter Comics : ภาพที่ 1 Twitter @Jujutsu_Kaisen_ : ภาพที่ 2 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 / ภาพที่ 14 / ภาพที่ 15 / ภาพที่ 16 / ภาพที่ 18 / ภาพที่ 19 / ภาพที่ 20 / ภาพที่ 21 / ภาพที่ 22 / ภาพที่ 23 / ภาพที่ 24Twitter @yomiuriland_com : ภาพที่ 3ภาพที่ 6 / ภาพที่ 17 : ภาพโดยเจ้าของบทความ บันทึกภาพจากนิยายมหาเวทย์ผนึกมาร เล่ม 1 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !