ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty-Five Twenty-One) เป็นซีรีส์สัญชาติเกาหลี เริ่มฉาย 12 กุมภาพันธ์ - 3 เมษายน 2022 เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ฉายทางช่อง tvN ในเกาหลี สามารถรับชมได้ทาง Netflix จริงๆ ซีรีส์เรื่องนี้ได้ฉายไปสักพักและดูจบไปพักหนึ่งแล้ว แต่ว่าพึ่งจะมีโอกาสได้มาเขียนรีวิว ก่อนที่จะได้ดูซีรีส์เรื่องยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty-Five Twenty-One) ไม่ได้คาดหวังไว้เลยว่าซีรีส์จะให้ข้อคิด และแนวคิดที่ดีอย่างมากมาย โดยเฉพาะกับคนที่กำลังท้อแท้ อยากจะล้มเลิกกับความฝันที่กำลังทำอยู่เรื่องย่อ โดยเรื่องราวจะย้อนไปในปี 1998 ผ่านการอ่านไดอารี่ของคิมมินแช ลูกสาวของนาฮีโดนักกีฬาฟันดาบแห่งชาติ ผู้ที่กำลังท้อแท้ในการเต้นบัลเลต์ เนื้อหาในไดอารี่เป็นเรื่องราวของนาฮีโด(คิมแทรี)เด็กสาววัย 18 ปี ผู้รักกีฬาฟันดาบเป็นชีวิตจิตใจ แต่แล้วเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ IMF ทำให้ชมรมกีฬาฟันดาบของโรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ต้องถูกยุบลงเพราะถูกตัดงบประมาณ แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ เธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้กลับมาเล่นกีฬาฟันดาบอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถกลับมาเล่นกีฬาฟันดาบได้อีกครั้ง แต่เธอก็ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกมากมาย และนาฮีโดในวัย 18 ปี ก็ยังได้รู้จักกับ แบคอีจิน (นัมจูฮยอก) ลูกชายคนโตของครอบครัวเศรษฐีที่ล้มละลายและครอบครัวแตกแยกเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ เรื่องราววุ่นๆและอบอุ่นหัวใจก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ทั้งสองได้รู้จักกัน อีกทั้งเรื่องราวก็ยังถ่ายทอดถึงความรักระหว่างนาฮีโดกับแบคอีจินและมิตรภาพอันสวยงามระหว่างเธอและเหล่าผองเพื่อนอีกด้วย ความรู้สึกหลังดูซีรีส์ บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ให้ทั้งความสนุก แง่คิด ความฟิน และมิตรภาพ บอกเลยว่าครบรสมาก ชอบที่สุดก็คือความไม่ย่อท้อต่อความฝันของนางเอก นาฮีโดพยายามอย่างหนัก แม้ใครๆจะบอกว่าเธอไม่มีพรสวรรค์ เล่นไปก็ไม่ชนะ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พัฒนาตัวเองเป็นอย่างหนัก ชอบในประโยคหนึ่งของนางเอกมาก " ความสามารถพัฒนาแบบขั้นบันได ไม่ใช่เนินเขา " ซึ่งเป็นสิ่งพ่อนาฮีโดสอนกับนาฮีโดไว้ว่า ความสามารถน่ะ ไม่ได้พัฒนาขึ้นเหมือนเนินเขา แต่ไต่ขึ้นเหมือนขั้นบันได ที่ทุก ๆ ขั้นบันไดเราก็มีอารมณ์อยากจะยอมแพ้อยู่เสมอ จนไม่รู้เลยว่าขั้นบันไดถัดไปอาจจะมีพัฒนาการที่ยิ่งใหญ่รออยู่ เป็นคำสอนที่กินใจมาก บางคนที่เมื่อพัฒนาตนเองมาถึงจุดหนึ่งแล้วมันกลับหยุดนิ่ง ก็ขอให้อย่าพึ่งย่อท้อ พยายามสู้ต่อไป แม้ความสำเร็จมันจะใช้เวลา แต่ถ้าคุณไม่ล้มเลิก สักวันมันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอนค่ะ ชอบในความให้กำลังใจของนางเอกและพระเอก พระเอกจะคอยให้กำลังใจนางเอกเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกๆที่นางเอกจะต้องไปแข่งขัน เธอรู้สึกประหม่าไม่มีความมั่นใจ แม่ของเธอก็ไม่ค่อยให้กำลังใจเธอมากนัก ก็ได้พระเอกคอยเป็นกำลังใจให้ ส่วนพระเอก บ้านล้มละลาย ที่บ้านเป็นหนี้สิน ต้องลาออกระหว่างเรียน ทำงานหาเงินมาชดใช้หนี้สิน จากคุณชายบ้านรวย ก็ต้องตกอับ ทำงานอย่างยากลำบากเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เมื่อรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ก็จะมีนางเอกเป็นแรงบันดาลใจ เป็นพลังใจในการสู้ต่อไปเป็นอย่างมาก ทั้งคู่ต่างคอยเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้แก่กันและกันมาโดยตลอด ชอบในความมิตรภาพของเหล่าผองเพื่อน ทั้งนาฮีโด โกยูริม จีซึงวาน อีจูมยอง แม้ในตอนแรก นาฮีโดและโกยูริม จะมีทีท่าว่าไม่ถูกกัน แต่ภายหลังพอทั้งคู่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในแชทที่ติดต่อและสื่อสารผ่าน Nownuri ซึ่งคอยคุยกันให้กำลังใจกันมาโดยตลอด ทั้งคู่ต่างก็ปรับความเข้าใจ และกลายเป็นเพื่อนซี้สุดปึก อีกทั้งยังพ่วงเพื่อนสองคนอย่าง จีซึงวาน หัวหน้าห้องนักเรียนหัวดีและเป็นที่ 1 ของโรงเรียน และ อีจูมยอง หนุ่มหล่อเป็นที่หมายปองของสาวๆ ฉายา ไอ้น่ารักห้อง 7 เพื่อนร่วมห้องมาให้อยู่ด้วยกันอีกต่างหาก และในกลุ่มเหล่าผองเพื่อนก็ยังมีแบคอีจิน คอยมาร่วมแจมวงอยู่ด้วยเสมอ ชอบเวลาที่กลุ่มนี้ไปไหนไปกันมากๆเลยค่ะ แลดูสดใส มีความสุขกันมากๆเลยล่ะ แสง สี เสียง บรรยากาศในเรื่องก็คือดีมากๆ ชอบบรรยากาศที่ย้อนไปในยุค 80 ของเรื่องนี้มาก หนังคือเหมือนพาให้เราย้อนเวลากลับไปในยุคนั้นจริงๆเลยค่ะ ตั้งแต่เรื่อง Reply 1988 ก็ไม่เคยชอบซีรีส์เรื่องไหนในโทนยุค 80-90 เท่านี้มาก่อนเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำเนิดคำคมที่เป็นวลีฮิตอยู่หลายประโยคเลยค่ะ ประโยคที่เป็นวลีฮิตติดปากที่สุดก็คงเป็น "สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับใช่ไหม" เป็นประโยคฮิตติดหูที่ชาวเน็ตแห่กันเอาไปทำมีมกันอย่างมากมายเลยล่ะ ประโยคข้างต้นเป็นประโยคตอนที่นาฮีโดแข่งชนะโกยูริม และได้เหรียญทองในการแข่งขันเอเชียนเกมส์มา แต่ทว่าโกยูริมดันบอกว่าเธอเร็วกว่า เธอต่างหากที่เป็นคนชนะ สื่อมวลชนได้เข้าข้างโกยูริม และต่างก็บอกว่ากรรมการตัดสินผิด คนที่ควรจะชนะจริงๆควรจะเป็นโกยูริมต่างหาก พอนาฮีโดได้ยินอย่างนั้น เธอก็รู้สึกหมดกำลังใจ และก็ว่ากล่าวด้วยความน้อยใจต่อหน้าสื่อมวลชน ส่วนแม่ของเธอเองก็ได้ประกาศข่าวออกไปเป็นทำนองเข้าข้างโกยูริม มันจึงทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเธอได้เข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอได้เห็นข่าวของเธอที่แม่เธอเป็นคนประกาศข่าวออกมา เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจ ลุงที่อยู่ในร้านอาหาร ก็จำได้ว่าเธอคือนาฮีโดนักกีฬาฟันดาบที่กำลังตกเป็นข่าว แต่ผิดคาด ลุงคนนั้นไม่ได้ต่อว่าเธอแต่อย่างได้ ทั้งยังพูดปลอบใจเธอด้วยประโยคที่ว่า "โถ่ยัยหนู คงปวดใจมากสินะ สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับใช่ไหม" ประโยคนี้ก็คงไปโดนใจใครหลายๆคนเลยล่ะ แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน เราอดทนพยายามมากมายเพื่อให้ประความสำเร็จ และก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว แต่ชีวิตดันเล่นตลก ดันมีอุปสรรคมากีดขวาง ทำให้ความพยายามทั้งหมดที่เราทำมา พังทลายไปต่อหน้าต่อตา และถึงแม้ว่าตอนจบในเรื่องนี้จะไม่ถูกใจกับหลายๆคน แต่นักเขียนเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจและพอใจสำหรับตอนจบมาก เพราะถึงแม้ว่านาฮีโดและแบคอีจิน จะเคยคบเป็นแฟนกัน และรักกันมาก แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ก็ไม่สมหวังในความรัก เหมือนกับในชีวิตจริง ที่รักแรกของใครหลายคนก็ไม่สมหวังดั่งใจคิด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง ก็คือความทรงจำอันสวยงามในรักแรกคะแนน : 9 / 10 ( การให้คะแนนเป็นการให้คะแนนตามความชอบของผู้เขียนเองนะคะ )ภาพและวิดีโอประกอบบทความภาพปก จาก tvNภาพประกอบ : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 เครดิตภาพทั้งหมดจาก Facebook : tvN drama วิดีโอ : ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflix จาก Youtube : NetflixThailandเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ 'ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี'คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565