รีวิว Beef (คนหัวร้อน) ซีรีส์ของคนหัวร้อนที่พล็อตเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยแง่คิดและสะท้อนชีวิตของมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Beef (คนหัวร้อน)ซีรีสฺ์เรื่องนี้เป็นผลงานออริจินัลของ Netflix ภายใต้การโปรดักชั่นของ A24 ค่ายหนังอินดี้เจ้าของผลงานรางวัลออสการ์อย่าง Everything Everywhere All at Once (2022) โดยตัวซีรีส์จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Danny Cho (รับบทโดย Steven Yeun) ชายหนุ่มชาวเกาหลีที่ชีวิตประสบปัญหามากมาย ทำให้เขาต้องแบกรับความเครียดมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลกเพราะเขาได้ไปบังเอิญเจอกับ Amy Lau (รับบทโดย Ali Wong) หญิงสาวหัวร้อนที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวหวังจะเป็นเศรษฐีเงินล้านด้วยตัวเองเนื่องจากเธอเคยลำบากมาก่อน ซึ่งเธอก็แบกรับความกดดันไม่แพ้กัน ทั้งคู่ได้บังเอิญมีเหตุกระทบกระทั่งกันในลานจอดรถ แต่เมื่อคนเครียดกับคนหัวร้อนมาเจอกัน เหตุการณ์เล็กๆ มันจึงบานปลายเป็นเรื่องใหญ่จนเกิดการขับไล่ล่ากันบนท้องถนน และเหตุการณ์นี้เองที่จะนำไปสู่เรื่องราววุ่นวายมากมายที่จะตามมาเนื่องจากทั้งคู่ต่างแก้แค้นกันไปกันมา ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวนี้จะไปจบลงที่ตรงไหนทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Beef (คนหัวร้อน) มีทั้งหมด 10 ตอน รับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง Beef (คนหัวร้อน)รีวิว Beef (คนหัวร้อน)สำหรับซีรีส์เรื่องนี้นั้นได้ทำการเปิดตัวออกมาซักพักแล้ว ทว่าผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูจนจบเมื่อไม่นานมานี้ โดยส่วนตัวแล้วต้องบอกเลยว่าผม "ค่อนข้างชอบ" ซีรีส์เรื่องนี้พอสมควร แต่ก็มั่นใจว่าน่าจะมีผู้ชมอีกหลายคนเหมือนกันที่อาจจะไม่ชอบและเกลียดซีรีส์เรื่องนี้ไปเลย อันนี้แล้วแต่รสนิยมจริงๆ เนื่องจากตัวซีรีส์มันเล่าคอนเซปต์ง่ายๆ ด้วยเรื่องของคนหัวร้อน 2 คน ที่ดันบังเอิญขับรถปาดหน้ากันและเกิดทะเลาะจนเลยเถิด คือแก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมา ซึ่งหากใครที่ได้เห็นตัวอย่างมาก่อนและคาดหวังว่าจะได้เห็นการทะเลาะวิวาทอันดุเดือดปนฮาต้องบอกเลยว่าอาจจะผิดหวังซะหน่อย คือแน่นอนว่ามันมีความคอเมดี้ผสมอยู่เหมือนกันเพื่อตัดอารมณ์ แต่ประเด็นสำคัญของซีรีส์มันไม่ใช่จุดนั้น เพราะจุดแข็งมันคือความเป็นมนุษย์ มิติและเหตุผลของตัวละครทุกตัวในเรื่อง เขาวางปมและสิ่งเหล่านี้มาโคตรดี ดังนั้น หากคุณเป็นสายดราม่าชอบเนื้อเรื่องเข้มๆ บทดีๆ ถ้าเป็นแนวนี้คุณก็จะหลงรักซีรีส์เรื่องนี้เหมือนผม บทเขาเขียนมาให้เหมือนเราได้เห็นชีวิตคนจริงๆ และบางคนอาจจะเอาเหตุการณ์ในเรื่องนี้เปรียบเทียบกับชีวิตตัวเองได้ คือมันไม่ใช่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่มันยังแฝงแง่คิดที่อาจจะมาเปลี่ยนความคิดเราไปตลอดกาลเลยก็ได้อย่างที่บอกว่าเขาวางปมตัวละครมาได้ดี ดังนั้น เหตุการณ์ในเรื่องมันจึงสมเหตุสมผลไปหมด มันจริงอยู่ที่ในชีวิตจริงคนส่วนใหญ่ที่แค่ปาดหน้าชูนิ้วกลางให้กันบนถนนอาจจะไม่ได้เดือดดาลจนต้องไล่ล้างแค้นกันแบบนี้ แต่อย่าลืมว่าโลกนี้ยังมี "คนบางคน" ที่สามารถทำอะไรเหล่านี้ได้ ซึ่งเขาเขียนบทมาให้ตัวละครทั้งคู่มีปมมาก่อน อย่างพระเอกคือเขาสิ้นหวังในชีวิตแบบที่ไม่มีอะไรจะเสีย ส่วนนางเอกก็รู้สึกไม่เป็นตัวเองเวลาอยู่กับครอบครัว มีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ และกดดันตัวเองอย่างหนักเกี่ยวกับการหาเงิน พอคน 2 คนที่แบกภาระและความเครียดสะสมได้มาระเบิดอารมณ์ใส่กัน เรื่องมันจึงบานปลายมาได้ไกลขนาดนี้ แถมความเจ๋งคือเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเชื่อมโยงกับตัวละครอื่นๆ ได้อย่างลงตัวไปหมด แถมทุกเหตุการณ์เหล่านี้ยังแฝงไปด้วยแนวคิด อาทิ ความคิดของตัวละคร Danny ที่มีความเป็นลูกชายคนโตชาวเอเชียสุดๆ คือเชื่อฟังทุกอย่าง ได้รับความเผด็จการจากพ่อแม่ และมาส่งต่อมันยังน้องชาย สุดท้ายเขาจึงไม่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกับใครได้ ส่วนตัวละคร Amy เองก็ไม่ต่างกันนัก เพราะเธอเป็นลูกสาวชาวเอเชียที่ถูกเลี้ยงมาให้ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเธอจึงเหมือนตัวคนเดียวเช่นกันสุดท้ายเมื่อคน 2 คนที่ต้องเสแสร้งทำตัวแข็งแกร่งตลอดเวลาได้มาเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์ จึงเป็นเหตุให้พวกเขาระเบิดอารมณ์ใส่กันและแก้แค้นกันไปมา คือตลอด 10 ตอนตัวซีรีส์จะพาเราเข้าไปดูในจิตใจของ 2 ตัวละครหลักว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นเช่นนี้ ตัดสลับไปกับการแก้แค้นกันไปมาแบบแสบๆ คันๆ คือไม่ได้ร้ายแรงแต่เน้นปั่นประสาทเป็นหลัก จนท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่าคนที่เกลียดกันที่สุดดันกลายเป็นคนที่เข้าใจกันมากที่สุด เพราะพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน เก็บกดเหมือนกัน นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนจบนางเอกถึงกอดพระเอก เพราะมันเหมือนกับว่าคุณได้เจอกับคนที่มีอะไรเหมือนๆ คุณ ซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตและการเป็นมนุษย์แล้ว ส่วนตัวผมยอมรับเลยว่าจังหวะการเล่าเรื่องนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก มันพอเหมาะพอดี ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลย ใครที่เคยดูผลงานของ A24 หรือชอบผลงานของค่ายนี้ก็น่าจะหลงรักซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก บวกกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากๆ ของ Steven Yeun และ Ali Wong คือทั้งคู่แสดงดีแบบรัศมีทัดเทียมกัน สามารถเอาคนดูได้แบบอยู่หมัด ส่วนในด้านงานภาพและการโปรดักชั่นก็ยอดเยี่ยมมากไม่แพ้กัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพลงประกอบที่เพราะทุกเพลง ส่วนตัวผมชอบเพลง Drive ของ Incubus ที่ตัวละคร Danny ร้องไว้ในตอนจบของตอนที่ 2 มากๆ เอาเป็นว่า ไปหาดูกันเถอะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง: Beef (คนหัวร้อน)ประเภท: ดราม่า, คอเมดี้ความยาว: 10 ตอนระบบเสียง: เสียงไทยและบรรยายไทยช่องทางการรับชม: Netflixช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว The Boys ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่สุดดิบเถื่อนที่ทุกคนไม่ควรพลาด! ดูได้พร้อมพากย์ไทยทาง Prime Videoรีวิว John Wick: Chapter 4 (จอห์น วิค แรงกว่านรก 4) ภาคต่อที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหนังแอ็คชั่น โคตรเดือด โคตรมันส์ทะลุปรอท!รีวิว Hunger (คนหิว เกมกระหาย) หนังไทยยอดฮิตติดกระแสที่มีทั้งดีและแย่ปะปนกันไปรีวิว Murder Mystery 2 (ปริศนาฮันนีมูนอลวน 2) ภาคต่อที่เล่นใหญ่กว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่นัก [มีพากย์ไทย ดูได้ทาง Netflix]รีวิว Kill Boksoon (คิลบกซุน) นักฆ่าสาวแม่เลี้ยงเดี่ยวจากเกาหลี เริ่มต้นได้ดีแต่เรื่องราวดันยืดเยื้อ [มีพากย์ไทย ดูได้ทาง Netflix]แหล่งที่มาภาพปก: ภาพที่ 1 จาก Twitter: Netflix Malaysiaภาพประกอบ: ภาพที่ 1 จาก Twitter: Netflix Indonesia / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Twitter: NetflixTHวิดีโอ: คนหัวร้อน (BEEF) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ จาก Youtube: Netflix Thailand จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !