“ใบเตย” ตัดขาดโซเชียล ขอเดินหน้าสร้างความสุข เผย “ดีเจแมน” ถามถึงลูก
“ใบเตย” ตัดขาดโซเชียล ขอเดินหน้าสร้างความสุข เผย “ดีเจแมน” ถามถึงลูก
ผ่านมรสุมชีวิตที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนัก นักร้องสาว “ใบเตย อาร์สยาม” หรือ “ใบเตย สุธีวัน” ทุกวันนี้เดินหน้าขอมูพออน เริ่มต้นใหม่ด้วยสิ่งที่ตัวเองรักและได้กำลังใจดีๆ จากครอบครัวและคนรอบข้าง งานนี้สาว “ใบเตย” ได้อัปเดตชีวิตให้ฟังว่า...
“ได้เปิดใจก็เต็มที่ได้เล่า ดีใจที่หลังจากรายการจบไป เราก็รู้สึกโอเค เราพอแล้ว ไม่อยากเศร้าแล้ว อยากมูฟออน พอมีเพลงใหม่ออกมา หน้าที่ของเราก็คือสร้างความสุขให้กับทุกคน เพราะฉะนั้นเราต้องมีความสุข เราจะเศร้าเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนมายเซ็ตใหม่ประมาณหนึ่ง เพื่อลูกด้วย ถ้าเราเศร้าเขาก็จะได้รับพลังเศร้าๆ เราก็อยากให้เขามีความสุข เราต้องสร้างความเข้มแข็ง เพราะอาชีพเราคือหน้าที่มอบความสุขให้แฟนเพลง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีความสุข ไม่งั้นคนรอบตัวก็จะเศร้า จะแย่กันไปหมดเวลาที่เราไปทำงาน เอาจริงๆ ก็ยากลำบากอยู่นะชีวิต แต่ความเข้มแข็ง ความสตรองก็ต้องเป็นใบเตยที่สตรองคนเดิม ถ้าเอาพลังจริงๆ ให้เกินร้อยเกินล้าน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังมีหลายๆ อย่างที่บางทีอยู่คนเดียว ก่อนนอนก็ยังมีมุมคิดถึงความเศร้า ยังรับอะไรไม่ค่อยได้บ้าง แต่พอตื่นก็ต้องทำงาน
ตอนนี้หมดทุกประเด็นแล้ว จบ เรารู้สึกว่าโอเคแล้ว ได้คุย ได้พูดหลายๆ อย่างที่เราก็ไม่ได้พูดมาหลายปี คือเราเป็นคนของประชาชนเนอะ ถ้าอันไหนที่คิดว่าโอเค พูดไปแล้วมันทำให้เราได้ปลดปล่อย คือความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เราเป็นคนตรงมาแต่ไหนแต่ไร พูดความจริงมาตลอด เพราะฉะนั้นคิดว่าพออะไรที่เป็นความจริง ทุกคนก็จะได้ยินจากปากใบเตยแน่นอน
ไม่เช็กโซเชียลเลย ทุกวันนี้เอาให้มีเวลานอนก่อน คือมันคงเจออะไรที่มากกว่าโซเชียลแล้ว คอมเมนต์ต่างๆ หรืออะไรมันไม่มีผล กระทบต่อความเป็นใบเตยเลย เพราะชีวิตจริงมันหนักกว่านั้นเยอะ และเราก็แก้ปัญหาทุกๆ อย่าง และมองทุกอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นมา สิ่งไหนเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ วันนี้พิสูจน์ทุกอย่างด้วยผลงานดีกว่า
กำลังใจที่สำคัญคือน้องเวทมนต์ทุกวันนี้ก็เพื่อเขาทุกอย่างเลย และเขาก็โคลนนิ่งเรามาเต็มๆ ความน่ารักทุกๆ อย่าง มองเห็นเขาแล้วก็อยากเติบโตไปพร้อมๆ กับเขา และอยากให้เขาเห็นว่าแม่ของเขาสู้แค่ไหนในวันนี้ที่ต้องดูแลเขาคนเดียวเขาเป็นเด็กที่เข้มแข็ง เขามีความสุข เชื่อว่าได้รับความสุขเต็มเปี่ยม เพราะทุกๆ คนรอบตัวให้ความสุขเขาเต็มเปี่ยม คิดว่าน่าจะเหมือนใบเตยที่เป็นเด็กไม่งอแง ไม่ค่อยมีความเศร้าใดๆ เลย ร่าเริง ไม่เคยร้องไห้เลยเวลาไปโรงเรียน เขาจะเอ็นจอยด์กับเพื่อน เอ็นจอยด์กับทุกๆ วัน บางทีในวัยเขาแค่พาไปกินของอร่อย พาไปเล่นในสิ่งที่เขาอยากเล่นก็คือความสุขเขาแล้ว
เขาเพิ่ง 4 ขวบ ยังอยู่ระหว่างคาบเกี่ยวระหว่างความรู้เรื่องกับไม่รู้เรื่อง รู้จักกับไม่รู้จัก ต้องใช้เวลา แต่ใบเตยเชื่อว่าเด็กสมัยนี้เป็นยุคติ๊กต็อกเกอร์เนอะ เพราะฉะนั้นพัฒนาการเขาและการรู้สึกนึกคิดทุกอย่างใบเตยว่าเขาเข้าใจความเป็นธรรมชาติสิ่งที่พบเห็นพอเจอทุกวัน และเราก็ค่อยๆ สอนเขา ค่อยๆ ปลอบประโลมเขาด้วยการพูดที่ดี หรือให้เขาถามมาและเราก็จะอธิบายด้วยเหตุผลทุกอย่าง ใบเตยใช้แบบนี้ ณ วันนี้ มีถามถึงพ่อ เราก็จะบอกว่าคุณพ่อไปทำงานต่างประเทศนะ เดี๋ยวก็จะกลับมา ณ วันนี้คือสิ่งที่เขารับรู้ พี่แมนก็ได้ทราบหลายๆ อย่างจากโลกภายนอก ก็ทราบพี่แมนก็เข้มแข็งเพราะถ้าเรากับลูกเข้มแข็ง เขาก็เข้มแข็ง
มันเป็นเรื่องที่ก็ต้องสร้างพลังให้กับทั้งครอบครัว ที่ผ่านมาเรามองแต่ความโชคร้ายของตัวเอง แต่บางทีเราลืมมองความโชคดี ที่ ณ วันนี้เรายังมีครอบครัวอยู่ครบ ใบเตยยังมีคุณพ่อคุณแม่ที่แข็งแรง และพร้อมดูแลซัพพอร์ตทุกอย่าง และยังมีน้องลุกส์ เราก็ต้องมองตรงนี้ว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ครอบครัวเรายังอยู่กับครบ ถ้าวันหนึ่งเราสูญเสียใครคนใดคนหนึ่งไปอีก อันนี้หนูคงแย่กว่าเดิมเยอะ ก็รู้สึกว่าครอบ ครัวแข็งแรง เข้มแข็ง และเมื่อเขาได้เห็นเรากลับมาทำงาน ก็คือความปลื้มใจของพ่อและแม่ของเราอยู่แล้ว เขาก็ภูมิใจในตัวลูกสาวนี้มาตลอดในวันที่เราประสบความสำเร็จในเรื่องของการเป็นนักร้อง วันนี้ก็ดีใจที่มีเพลงใหม่ออกมา
เหมือนนับหนึ่งใหม่ หมายถึงหลายๆ อย่าง ตั้งแต่โควิดเลยที่ใบเตยหยุดทำหลายๆ อย่างเกี่ยวกับธุรกิจเพลง วันนี้ก็นับหนึ่งใหม่มากๆ ในเรื่องของการทำเพลง ซ้อมเต้น ในวัย 36 ที่ต้องทำทุกอย่างเหมือนอายุ 16 จริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดี และเราก็ดีใจ มันก็ฮีลใจเราให้ผ่านไปได้ทุกๆ วัน รักแฟนเพลง วันนี้ได้โอกาสก็ดีใจมากแล้ว ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส เป็นกำลังใจ และทุกเจ้าภาพที่จ้างงานเรา ให้โอกาสเราในทุกช่องทาง ทุกคนคือผู้มีพระคุณมากๆ ในชีวิต ทุกอย่างจริงๆ อยู่ที่ใจเราเลย ณ วันนี้ก็อยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาในชีวิตค่อนข้างล้มเหลว หรือเจออะไรที่มันแย่ที่สุดในชีวิต จะบอกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตมีขึ้นมีลง ฟ้าลิขิต ชีวิตมันกำหนดมาแบบนี้แล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้ สุดท้ายแล้วมันก็คือเราต้องเดินหน้าอย่างเดียว ไม่กลับไปมองอดีต ชีวิตคนนี้วันนี้ พรุ่งนี้และมะรืนนี้ เพราะฉะนั้นอดีตไม่มีแล้ว แก้ไขได้แต่วันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้น อนาคตยังแก้ไขได้เสมอ”...