รีวิวหนัง "Mufasa: The Lion King" ส่วนแผ่ขยายตำนาน ฉบับเพลย์เซฟของดิสนีย์
หนึ่งในคอนเทนท์ที่เป็นลายเส้นที่สำคัญและเด่นชัดที่สุดของวอลต์ ดิสนีย์ ก็คงจะหนีไม่พ้นตำนานเจ้าป่าที่เรืองรองครองใจผู้ชมมายาวนาน และหลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับฉบับปัดฝุ่นสร้างใหม่เป็นแอนิเมชันยุคปัจจุบัน พวกเขาก็ขอกลับมาสานต่อจักรวาลนี้อีกครั้งด้วยการแผ่ขยายตำนานออกไปให้กว้างขึ้น กลายออกมาเป็น "Mufasa: The Lion King" อันเปรียบเสมือนเป็นจดหมายเหตุเรื่องราวก่อนหน้าของต้นฉบับที่มีความเป็นมายิ่งใหญ่และเกรียงไกรไม่แพ้กัน
เมื่อ ราฟิกิ ได้รับคำร้องให้เขาช่วยเหลือในการส่งต่อตำนานของ มูฟาซา ไปสู่ลูกสิงตัวน้อยนาม เคียร่า ลูกสาวของ ซิมบ้า และ นาลา ร่วมด้วย ทีโมน และ พุมบ้า ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ กลายเป็นร้อยเรียงเรื่องราวในอดีตของ มูฟาซา ที่เป็นลูกสิงโตกำพร้า หลงทาง และโดดเดี่ยว จนกระทั่งเขาได้พบกับสิงโตนาม ทาก้า ผู้สืบทอดเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งราชวงศ์ การพบกันของทั้งคู่นำไปสู่การผจญภัยที่ไม่เหมือนใคร นำไปสู่การทดสอบสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่
โดยในเรื่องนี้ได้ผู้กำกับระดับรางวัลออสการ์ "แบร์รี เจนกินส์" มากุมบังเหียนดูแลงานสร้าง ที่น่าจะเป็นหนังระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกของเขาด้วย พร้อมกับยังคงได้ "เจฟฟ์ นาธานสัน" มือเขียนบทมือฉมังของฮอลลีวูด ที่เคยเขียนบทให้กับ The Lion King เวอร์ชันปี 2019 กลับมารับหน้าที่ปั้นบทหนังที่ขยายเรื่องราวดั้งเดิมออกไปอีกครั้ง โดยอ้างอิงมาจากบทต้นฉบับการ์ตูนดิสนีย์ในปี 1994 นั่นเอง
แน่นอนว่า Mufasa: The Lion King ก็ยังทำให้เรารู้สึกขนลุกไปกับงานสร้างซีจีไอและเทคนิคพิเศษที่ตื่นตาตื่นใจเช่นเคย นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบงานที่ยังใส่ใจและใส่รายละเอียดออกมาได้ชวนว้าวเช่นเคย ละเอียดไปทุกอนู ลงลึกไปถึงเส้นขนสิงโต นับว่าเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของหนังเรื่องนี้ไปโดยปริยาย ต้องปรบมือให้กับทีมผู้สร้างเบื้องหลังเทคนิคพิเศษนี้ทั้งหมด ที่ออกแบบออกมาได้ชวนขนลุก และดูเหมือนว่าสเกลงานจะมีความยิ่งใหญ่กว่าภาคก่อนด้วยซ้ำ
แต่ทว่าถึงจะมีงานสร้างที่งดงามเพียงใด แต่น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุด Mufasa: The Lion King ก็ยังคงเป็นชิ้นงานที่วนอยู่ในอ่างเซฟโซนแบบหากินของเก่าสไตล์ดิสนีย์เช่นเคย ในแง่ของบทหนังและสตอรี่เรื่องแรกที่ได้ทำแตกไลน์ขยายออกไปนั้น ก็ยังวนเวียนอยู่กับพล็อตและจังหวะเก่า ๆ ที่เป็นสไตล์หนังดิสนีย์โดยแท้ แน่นอนว่าเป็นพล็อตสูตรที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ชมได้มีประสิทธิภาพอยู่ แต่กลับไม่ได้มอบความตื่นเต้นใด ๆ เลย ไม่ต่างกับนั่งดูละครน้ำเน่าที่รีเมคซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะทุกช่องทางมันเดินไปง่ายเสียหมด
แม้ว่าในแง่มิติตัวละครและคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ก็ยังคงขับเคี่ยวออกมาได้โดดเด่นตามสูตรดิสนีย์เหมือนเคย แต่ต้องยอมรับว่าหนังยังไม่สามารถสร้างเสน่ห์ที่ชวนหลงใหลและประทับใจได้เทียบเท่ากับต้นฉบับ หรือแม้กระทั่งแบบที่หนังเวอร์ชันปี 2019 เคยแตะได้ถึง มันจึงกลายออกมาเป็นเพียงหนังที่พาคนดูออกเดินทางไปเรื่อย ๆ เจออุปสรรคก็แก้ เจอปัญหาก็ลุย จังหวะหนังค่อนข้างเรียบง่ายไปทั้งหมด จนแทบจะสับสนอยู่เหมือนกันว่าเด็ก ๆ จะอินกับท่วงทำนองแบบนี้หรือไม่
แล้วเมื่อว่าถึงเรื่องท่วงทำนอง Mufasa: The Lion King ก็ยังคงใส่ความมิวสิคัลสอดแทรกเข้ามาด้วยตามสไตล์ แต่น่าผิดหวังไปหน่อยเพราะกลายเป็นว่าแทบไม่มีบทเพลงไหนที่โดดเด่นและติดหูได้เลยสักเพลงเดียวในหนังเรื่องนี้ หรือไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะมาฉายต่อหลัง Wicked หนังมิวสิคัลจังหวะคล้าย ๆ กันที่ทำเอาไว้ค่อนข้างดี เมื่อมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้เป็นอรรถรสที่จืดไปสักหน่อย ราวกับความอยู่ผิดที่ผิดทางไป
จะมีก็แค่เพียง "Tell Me It's You" ในซีนเกี้ยวพาราสีที่น่าจะเสนาะหูที่สุด ที่ก็พอเหมาะที่จะติดโผเข้าชิง 1 ใน 15 เพลงสุดท้ายใน Shortlists รางวัลออสการ์ 2025 ที่เพิ่งประกาศออกมา แต่ก็ยังเกิดคำถามตัวใหญ่ ๆ เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับงานประพันธ์เพลงของ "ลิน-มานูเอล มิแรนด้า" ที่กลายเป็นว่ายุคหลัง ๆ งานของเขาไม่ค่อยปังได้เท่ากับเมื่อยุค 2010s ที่ผ่านมา หรือว่าได้ผ่านพ้นช่วงเวลาทองของเขาไปแล้วกันนะ
ทางด้านทีมนักแสดงที่มาให้เสียงพากย์ในเรื่องนี้ ก็ผสมกันระหว่างทีมชุดเก่าและทีมชุดใหม่ ที่ตัวละครหลักได้ดาราหนุ่มดาวรุ่ง "แอรอน ปิแอร์" มาให้เสียงเป็น มูฟาซา ที่น้ำเสียงของเขาถือว่าเหมาะเจาะกำลังพอดีกับตัวละครนี้เป็นอย่างดี ทั้งเสียงพากย์และเสียงพากย์ค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว นับว่าเป็นการสานต่อตำนานของ "เจมส์ เอิร์ล โจนส์" ตำนานนักแสดงอาวุโสผู้ล่วงลับที่ให้เสียงตัวละครนี้มาตั้งแต่เวอร์ชันปี 1994 และหนังเรื่องนี้ก็ได้ขึ้นอุทืศรำลึกถึงเขาอีกด้วย
ในขณะที่ "เคนวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์" กับ "ทิฟฟานี บูนน์" มาให้เสียงเป็น ทาก้า กับ ซาราบี ก็เป็นทีมที่กลมกล่อมไปด้วยน้ำเสียงที่น่าดูน่าฟังเช่นกัน "แมดส์ มิคเคลเซน" ที่มาให้เสียงเป็น คีโรส วายร้ายหลักของเรื่อง ที่มาแค่น้ำเสียงก็ชวนขนลุกและทรงพลังไม่เบาเลย "บูล ไอวี คาร์เตอร์" ลูกสาวของบียอนเซ่ ก็เดบิวต์ให้เสียงพากย์เป็นตัวละครสิงโตเด็ก ที่นับว่าเป็นการพากย์เสียงที่ทำได้ดีทีเดียว ได้พรสวรรค์มาจากแม่แท้ ๆ
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Mufasa: The Lion King อาจจะยังไม่ใช่ส่วนขยายตำนานคลาสสิกของดิสนีย์เรื่องที่สมบูรณ์แบบอะไร น่าเสียดายเล็กน้อยที่หนังยังไม่สามารถขับเสน่ห์อันทรงพลังที่พึงมีออกมาได้อย่างเปล่งประกายได้ จึงออกเป็นเพียงหนังสูตรเพลย์เซฟแบบฉบับเก่า ๆ ของดิสนีย์ ที่องค์ประกอบและจังหวะต่าง ๆ เป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี เข้าถึงผู้ชมได้ดี แต่ว่ากลับยังไม่มีจุดไหนที่ชวนให้ประทับใจได้ที่สุด ซ้ำบทเพลงในความเป็นมิลสิคัลก็ดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเทคนิคพิเศษงานสร้างซีจีจะยอดเยี่ยมเหมือนเคย แต่ก็ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้งคุณภาพภาพรวมของหนังได้มีประสิทธิผลได้สักเท่าไหร่นัก
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Mufasa: The Lion King
- ประเภท: แอนิเมชัน / ผจญภัย / แอคชัน / มิวสิคัล
- ผู้กำกับ: แบร์รี เจนกินส์
- ให้เสียงพากย์โดย: แอรอน ปิแอร์, เคลวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์, เซ็ธ โรแกน, บิลลี ไอช์เนอร์
- ความยาว: 120 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 19 ธันวาคม 2024
Movie.TrueID METRIC: Mufasa: The Lion King
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.4/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.3/10) - การพากย์เสียง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.1/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (8.8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.5/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa