รีวิว "Jojo Rabbit" สงคราม ความชั่วร้าย และเด็กไร้เดียงสา by Kanin The Movie
วิจารณ์ รีวิวหนัง Jojo Rabbit ต่ายน้อยโจโจ้
ท่ามกลางเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ที่กำลังปกคลุมชีวิต ณ ช่วงนี้ คงไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะเหมาะสมแก่การชมไปมากกว่า "Jojo Rabbit" หรือ ต่ายน้อยโจโจ้ ภาพยนตร์ ดราม่า-คอมเมดี้ ที่พาเราไปสำรวจแง่มุมหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านชีวิตของหนุ่มน้อยยุวชนฮิตเลอร์ที่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองภายหลังได้พบกับสาวชาวยิวที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล นี่คือผลงานล่าสุดของ ไทกา ไวติติ ผู้ฝากผลงานคุณภาพเอาไว้ใน Thor: Ragnarok, Hunt for the Wilderpeople และ What We Do in the Shadows
หนังเล่าเรื่องของ โจโจ้ หนุ่มน้อยชาวเยอรมันที่มีเพื่อนในจินตนาการเป็น อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ ผู้เป็นเหมือนต้นแบบชีวิตของเขา โจโจ้ ทุ่มเททั้งกายและใจให้กับนาซี เข้าฝึกฝนในการเป็นยุวชนฮิตเลอร์ที่ต้องผ่านบททดสอบมากมาย แต่แล้วอุดมการณ์ที่เคยแสนมั่นคงก็ถูกทดสอบ เมื่ออยู่ๆ วันหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวชาวยิวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้หลังคาจากความช่วยเหลือของแม่ตนเอง
แม้แรกเริ่ม โจโจ้ ต้องการจะกำจัดเธอออกไปเพราะคำสั่งสอนที่ถูกปลูกฝังจากนาซี แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้พบความจริงหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับชาวยิว ค่อย ๆ ได้รับสารจากฝั่งอื่นที่ทำให้เขาต้องชั่งน้ำหนัก จนเกิดเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ และมิตรภาพต่างชาติ และวัยที่ทำให้ได้เรียนรู้ และเข้าใจโลกใบใหญ่ที่เขาอาศัยอยู่นี้มากยิ่งขึ้น
หนังพาเราไปพบกับโลกของนาซีในเยอรมันช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านมุมมองอันไร้เดียงสาของเด็กคนหนึ่งที่เติบโตมากับสภาพแวดล้อม และการถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีในชาติของตนเอง การเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนาซีคือความยิ่งใหญ่ กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่พวกเขาเต็มใจฝ่าฟัน และพยายามไม่ต่างจากความฝันที่มนุษย์ทุกคนมี
สิ่งที่น่าสนใจคือหนังเข้มข้นในเรื่องนี้ด้วยการพูดถึงบริบทล้อมอย่างตรงไปตรงมาผ่านเหล่าตัวละครผู้ใหญ่ที่ช่วยเติมเต็มโลกของหนังให้ชัดเจนขึ้น ทั้งการพูดถึงยิว ฮิตเลอร์ อุดมการณ์ และชุดความคิดต่างๆ ที่ค่อยๆ ซึมซับเหล่าเด็กๆ ที่เชื่อและคิดในแบบนั้น แม้ว่าวิธีสื่อสารดังกล่าวจะออกมาในรูปแบบที่ตลกหรรษา แต่ก็เพราะความเฮฮาของมันนี่แหละที่แสนน่ากลัว แนบเนียนไปกับชีวิตของเด็กๆ รวมถึงประเด็นเนื้อแท้ของหนังอย่างน่าสนใจ
เอาจริงๆ ตอนดูก็รู้สึกเหวอ เพราะหนังไม่ได้อ้อมค้อมนัก เพียงแต่ถูกเล่าด้วยน้ำเสียงที่เสียดสี เย้ยหยัน และกวนประสาทเสียมากกว่า โดยเฉพาะการพูดถึงชาวยิวในฐานะปีศาจ เป็นความชั่วร้ายของโลกที่ต้องถูกกำจัด หนังเล่าประเด็นนี้ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ของเด็กชายกับสาวยิว ที่กลายเป็นเหมือนการเติบโตของเขาและเธอ มันออกมาทั้งน่ารัก และพาให้หดหู่ในเวลาเดียวกัน
หนึ่งในส่วนที่ขับเคลื่อนเรื่องได้ดีมากๆ คือเพื่อนจินตนาการของ โจโจ้ อย่าง อดอลฟ์ ที่มักจะคอยโผล่มาให้คำปรึกษาของเขาเสมอๆ ให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตไปได้ แรกเริ่มการมีอยู่ของเขาราวกับตัวละครซัพพอร์ทที่คอยสนับสนุน และผลักดันตัวละครเอกให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การมีอยู่ของเขาก็ค่อยๆ ถูกทดสอบจากตัวเด็กที่เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ
แน่นอนว่า อดอล์ฟ เป็นมากกว่าแค่เพื่อนในจินตนาการของเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง แต่มันกลับถูกนำเสนอด้วยความเป็นนาซีที่อยู่ในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง เด็กที่เจริญรอยตามเขาด้วยความเชื่อฟังมาโดยตลอด สถานะของ อดอล์ฟ ที่ไม่มีใครมองเห็น แต่กลับปรากฎตัวทุกหนแห่งที่ โจโจ้ อยู่อาจเป็นปลายทาง หรือผลลัพธ์ของการปลูกฝังแบบล้างสมองอย่างแท้จริง ซึ่งเราชอบที่หนังไม่ได้เล่าประเด็นนี้โดยชัดเจนนัก ไม่ได้กล่าวว่า อดอล์ฟ ปรากฏตัวตั้งแต่ตอนไหน และอย่างไร เพราะสิ่งที่สำคัญคือการเติบโตไปข้างหน้าของ โจโจ้ ต่างหาก
แม้ Jojo Rabbit จะแลดูเป็นภาพยนตร์เฮฮาหรรษา แต่แท้จริงแล้วนี่คือโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายไม่ใช่น้อย ไทกา เลือกผสมผสานระหว่างความเป็นหนังเด็กน่ารัก กับความจริงที่หดหู่เข้ากันอย่างลงตัว ออกมาเป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวอยู่เรื่อยๆ ยอมรับเลยว่าความเป็นลูกกวาด(อาบยาพิษ)ของมันนี่แหละที่เราอินที่สุด เพราะมันทำให้เราได้ตระหนักถึงโลกสงครามภายนอกที่โหดร้าย
โดยในขณะเดียวกันความไร้เดียงสาของเด็กคนหนึ่งก็กลายเป็นเรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออกเช่นเดียวกัน ความน่ารักแต่ไม่ประนีประนอมนี่เองที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังใจร้าย แต่ก็เพราะใจร้ายเช่นเดียวกันที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมางดงามเมื่อมันพูดถึงเสรีภาพ การเป็นอิสระในมุมที่แตกต่างกันไป ทั้งความเป็นเด็ก การเป็นยิว หรือกระทั่งการถูกล้างสมอง ถูกฝังความคิดอันแสนชั่วร้ายที่ค่อยๆ เติบโตกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในตัวเราอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งเอาจริงๆ มันสามารถผูกเข้ากับบริบทหลายๆ อย่างได้ และอาจไม่ต้องมองไปไหนไกลมากเสียด้วยซ้ำ
เราชอบที่ ไทกา สามารถดึงบาลานซ์ความโปกฮาในตอนแรกให้กลายเป็นหนังที่ซีเรียสจริงจังในช่วงหลังได้อย่างแม่นยำ ผ่านเหตุการณ์สำคัญที่น่าจะกลายเป็นสุดยอดโมเมนต์ประจำปีของใครหลายคนแน่ ๆ เรารู้สึกว่ายิ่งดูไปยิ่งกลัว เพราะมันคือเรื่องราวของการทำลายความไร้เดียงสา การที่เด็กต้องเผชิญหน้ากับสงครามในแบบที่พวกเขาไม่ควรเลยสักนิดเดียว ทุก ๆ ฉากที่เพื่อนของ โจโจ้ ปรากฎตัวจึงทั้งน่ารักและเจ็บปวด ความเข้าใจในโลกที่ยังไม่เพียงพอ และการเติบโตบนเส้นทางของผู้ใหญ่ที่กำหนดไว้ให้ ทำให้พวกเขาหล่อเลี้ยงชีวิตตัวเองด้วยบางสิ่งที่ไม่ควร หนึ่งในนั้นคือนาซี
โดยรวม Jojo Rabbit เป็นหนึ่งในหนังที่เราเซอร์ไพรซ์มาก ๆ เพราะตอนดูตัวอย่างครั้งแรกมันกลายเป็นหนังที่เราสนใจน้อยที่สุดในสายรางวัล แต่ทำไปทำมา เสน่ห์บางอย่างของหนังทำให้เราชอบ และรักไปกับเรื่องราวของสงครามและความไร้เดียงสาได้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งต้องชื่นชมไปถึงการแสดงของทีมแคสต์ที่ดีมาก ๆ ด้วย รวมไปถึงงานโปรดักชั่นดีไซน์ที่ถูกใจเรามากๆ ทั้งการออกแบบภายใน และสถานที่ภายนอก
Jojo Rabbit เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ แม้จะล่วงเลยเทศกาลออสการ์มาสักพัก แต่เจ้าของรางวัลบทดัดแปลงยอดเยี่ยมเรื่องนี้ก็ยังเป็นโปรแกรมที่ทุกคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงอยู่ดี
----------------------------------------------------