รีเซต

"นก พงศกร" ย้อนมรสุมชีวิต หนี้ท่วม - เกือบยุบวง เล่าเส้นทางก่อนมาเป็นหมอลำชื่อดัง

"นก พงศกร" ย้อนมรสุมชีวิต หนี้ท่วม - เกือบยุบวง เล่าเส้นทางก่อนมาเป็นหมอลำชื่อดัง
EntertainmentReport2
4 กุมภาพันธ์ 2567 ( 13:40 )
110

“นก พงศกร” พระเอกหมอลำเสียงที่หก หัวหน้าวงสุดหล่อ วันนี้ขอเปิดใจ หลังผ่านมรสุมชีวิต ที่เกือบยุบคณะหมอลำหลายครั้ง โดนชาวเน็ตแซะแรง เป็นหมอลำกะโหลกกะลา เล่าปาฏิหาริย์พญานาค ที่ทำให้กลายเป็นพระเอกหมอลำเงินล้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

"นก พงศกร" ย้อนมรสุมชีวิต หนี้ท่วม - เกือบยุบวง เล่าเส้นทางก่อนมาเป็นหมอลำชื่อดัง


เป็นหัวหน้าหมอลำที่เด็กที่สุด เจอมรสุมชีวิตมาเยอะมาก?

“ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นดราม่าหลาย ๆ วิกฤตโควิดต่าง ๆ”


อายุน้อยและมาตั้งคณะหมอลำ หลายคนก็ปรามาสว่าไม่มีทางทำได้หรอก?

“ก็มีคำสบประมาทเยอะครับ ไปไม่รอดหรอก หมอลำกะโหลกกะลา เลิกทำไปเถอะ ยุบวงไปดีกว่า มีคอมเมนต์เยอะมากที่บั่นทอนใจเรา ตอนนั้นเราก็ยังเด็กด้วย ไม่รู้จะจัดการยังไง นอนไม่หลับคิดถึงคำที่เขาว่าเรา ตอนนั้นอายุย่าง 25 ปี ก็คิดว่าทำไมคำพูดบางคำมันรุนแรงไป”

 

 
คำไหนที่คิดว่าแรงที่สุด?

“เลิกทำไปเถอะ ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยุบวงไปเลยดีกว่า ตอนนั้นเรายังเด็ก กว่าเราจะทำวงได้ กว่าเราจะมีวันนี้ เราต้องหาเงินเป็นสิบๆ ล้านเพื่อมาลงทุน เราก็แคร์คำคน แต่เวลาผ่านไป เราก็มีกำลังใจจากคนรอบข้างเยอะ ไม่ว่าจะคุณพ่อคุณแม่ หรือคนในองค์กร เอฟซีหลายคนที่ให้กำลังใจ แล้วเราจะไปฟังคำลบๆ ทำไม คิดว่าไม่มีประโยชน์เลยคำลบๆ เหล่านี้ มีแต่บั่นทอนกำลังใจเรา พอมีคนว่าเราก็ไม่ตอบโต้ ก็ปล่อยผ่าน”

 
เคยคิดฟ้องมั้ย?

“เคยฟ้องด้วย แต่เสียเวลาทำมาหากินครับ”
 

คำที่ฟ้องคือคำว่าอะไร?

“ด่าหยาบคาย ด่าหลายอย่าง ด่าพ่อแม่ ด่าวงหมอลำก่อแต่เรื่องไม่ดี เราฟ้อง แล้วรอกระบวนการทางตร.ที่ต้องใช้เวลา กว่าจะส่งศาล กว่าจะนัด แต่เราไม่ว่างแล้ว เรามีงานทุกวัน ก็กลายเป็นว่าไม่ได้เจอคู่กรณีสักที”

 

อันที่ทนไม่ไหว ด่ากลับสวนกลับก็มีเหมือนกัน?

“อย่างมาด่าวงว่าหมอลำวงนี้ไม่ดีเลยนะ เครื่องเสียงอย่างนั้น รำอย่างนั้นอย่างนี้ บอกให้เลิกทำไปเลยดีกว่า ถ้าไม่มีคำนี้เราจะไม่ตอบโต้ ถ้าติว่ารำไม่ดีนะ เครื่องเสียงไม่ดี เราอ่านแล้วจะบอกลูกน้องเรา แต่นี่เล่นยุบไปเลยดีกว่าต่อไปก็ไม่มีงาน เราก็ต้องกลับไปว่าเสือ_ ถ้าได้เจอหน้าก็อยากนั่งทานข้าวกับเขา อยากถามไปเรื่อยๆ เขาคิดยังไงถึงเมนต์ว่าเรา มันเสียหาย เสียความเชื่อถือด้วย กว่าเราจะทำได้ คนสร้างต้องใช้เวลา แต่คนทำลายใช้เวลานิดเดียว บางคนไม่เคยติดตามเร เพิ่งติดตามพออ่านเมนต์เขาก็เชื่อ”

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บ Show

 

กว่าจะเป็นหมอลำได้ เราเป็นเด็กยกของมาก่อน?

“ใช่ครับ ตอนนั้นยังร้องยังรำไม่เป็น แต่ชอบเส้นทางนี้ เป็นคอนวอยซ์อยู่ปีสองปี พี่ชายเจ้าของวงดนตรีก็บอกว่าเดี๋ยวมีโอกาสขึ้นเวที เอามั้ย นกก็บอกว่าอยากมีนะ ให้เขาแต่งตัว ขึ้นไปยืนเฉยๆ ก็ได้ เรามีโอกาสก็คว้าก่อน เราก็ขึ้นไปเต้นกับเขาแต่ไม่ได้ร้องไม่ได้รำอะไรทั้งนั้น หลังจากเราขึ้นเวทีเราก็มีความฝัน เราต้องพัฒนานะ เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็เริ่มจากการเป็นแดนเซอร์หมอลำ บอกให้พี่ชายพาไปสมัครวงหมอลำ เขาก็พาไปสมัครวงหมอลำเพชรอีสาน หนุ่มธงชัยที่อุดรฯ นกก็เรียนไปด้วย ไปเป็นแดนเซอร์หมอลำด้วย ทำงานไปด้วย เพราะฐานะทางครอบครัวก็ยากจน เราก็ไปเป็นแดนเซอร์ที่เพชรอีสาน เรียนแล้วก็รำ”

ได้เป็นหมอลำจริงๆ อายุเท่าไหร่?

“หมอลำเพชรอีสานเป็นวงขนาดกลาง งานก็ไม่ได้เยอะ พอเรียนจบก็เคว้งคว้างเพราะพ่อแม่ก็อยากให้เราไปหาเงินที่ต่างประเทศ แต่เราไม่ชอบ อยากขอทำงานในประเทศไทยก่อน ก็เลยทำงานประจำ ขายหนังสือ เราเป็นคนขยันทำงานก็คืองาน แต่มันเหนื่อย เวลาเหนื่อยทำไมท้อกว่าตอนเป็นหมอลำ มันได้เป็นเดือนก็จริงแต่เราไม่ได้ชอบ ก็เลยปรึกษาผู้จัดการว่าอยากขอออกจากงาน ได้เงินตอนนั้นประมาณหมื่นต้นๆ พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ออก ก็เลยปรึกษาหัวหน้าวงที่นกเคยอยู่ บอกเขาว่านกอยากเติบโตสายนี้ เขาเป็นคนที่เมตตานก สนับสนุนให้ลูกศิษย์ก้าวไปข้างหน้า เลยตัดสินใจไปอยู่กับวงหมอลำศิลปินภูไท ตอนนั้นนกก็ไปเป็นแดนเซอร์ แต่ก็มีเหตุการณ์ทำให้นกได้ร้องเพลง ได้ร้องได้รำ อยู่มาสองปี เราอยากเป็นหมอลำขอนแก่น นกเลยมีโอกาสได้รู้จักกับพ่อเอ๊ะ ระเบียบวาทะศิลป์ เลยได้มาอาศัยใบบุญพ่อเอ๊ะ พ่อถามว่าอยากเป็นพระเอกหรือตัวร้าย เราก็บอกว่าตัวร้าย เขาบอกคนเกลียดเยอะนะ ไม่เหมือนพระเอกนะ พระเอกมีแต่คนรัก ก็บอกว่าไม่เป็นไร จะพยายามเรียนรู้จากพ่อ ขนาดพ่อคนยังไม่เกลียดเลย อยู่กับพ่อเอ๊ะ 5 ฤดูกาล เป็นแดนเซอร์ด้วย แล้วก็รำแทนพ่อจนสว่าง ยาวเลย มันเหนื่อย ทีนี้ก็เลิกเต้น พ่อสงสาร บอกว่าไม่ต้องเต้นก็ได้ มารำอย่างเดียว ก็ได้เป็นหมอลำเต็มตัว มีชื่อเสียงอยู่วงระเบียบวาทะศิลป์”

 

จิตวิญญาณอยากเติบโตกว่านั้น อยากมีวงของตัวเอง วันที่ต้องลาจากพ่อเอ๊ะเป็นยังไง?

“ตอนนั้นทุกข์มากเลยครับ ความรู้สึก ความผูกพัน ความรักที่มีต่อองค์กร เพราะเราอยู่ตรงนั้น เราอบอุ่นมาก พ่อก็ดูแลเราดีมากเหมือนลูกชายคนนึง เราคิดเยอะมาก ไม่รู้จะบอกยังไง ไม่รู้ว่าเราพูดไปแล้วจะถูกหรือผิด ก็ตัดสินใจพิมพ์ไปบอกคุณพ่อว่าอยากออกมาทำวงเล็กๆ ของตัวเอง อยากมีโอกาสได้อยู่บ้าน เพราะตอนอยู่กับระเบียบฯ ฤดูกาลละ 200 กว่างาน ไม่มีโอกาสได้กลับมาหาคุณพ่อคุณแม่ พอเขาป่วยก็ไม่ได้มาดูแล เขาช็อกเข้ารพ. ก็ได้แค่โทรศัพท์ ไม่ได้มาดูใจเขาเลย ก็เลยคิดว่าถ้าเราทำวงหมอลำ เราอาจโฟกัสได้ เพราะตอนนั้นเราเป็นตัวเด่น เรามีโอกาส กว่าจะได้โอกาสนั้น ถ้าเราขาดทีนึงแล้วโอกาสไปเป็นของคนอื่นล่ะ เราก็ไม่สามารถลาได้”

 

สุดท้ายไปตั้งวงเอง แต่เป็นหนี้เป็นสิบล้าน?

“ใช่ครับ ตอนนั้นกว่าจะลาพ่อได้ก็ยาว พอได้มาทำของตัวเอง ไม่เหมือนที่ตัวเองคิด การที่จะทำอะไรสักอย่าง อาจเป็นความโลภในใจเรา ไหนๆ ทำแล้ว แดนเซอร์ต้องแบบนี้ ใช้จ่ายเกินตัว เต็มที่ไปเลย เราคิดว่า 4-5 ล้านน่าจะพอแล้วมั้ย สุดท้ายหมดไปเป็นสิบกว่าล้าน”

กลายเป็นหนี้ท่วม?

“ใช่ครับ ลงทุนไปแล้ว เราไม่เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน ค่าใช้จ่ายต่อวันมากกว่าค่าจ้าง ต้องรับผิดชอบ 300 ชีวิต แล้วเจอวิกฤตโควิดออก ออกงานแป๊บเดียว โควิดมา ชะงัก ขาดทุน ได้หยุดวง ตอนนั้นเราติดลบอยู่แล้ว ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนให้ลูกน้อง ให้คนในวงที่เรายังติดค้างเขาอยู่ เป็นหนี้ลูกน้อง ไปกู้หายืมเงินมาช่วยอัดทั้งหมด”

 

ในวิกฤตก็มีโอกาส ช่วงโควิดปิดวงกันหมด วงคุณปิ๊งไอเดียว่าไลฟ์?

“เป็นปีแรก ปีที่สองเราก็สู้ต่อ หาเงินมาลงทุนอีก ทั้งที่เป็นหนี้ ก็เป็นหนี้เพิ่มไปอีก ปีสองนี่แหละออกวงไปปุ๊บเราเจอพายุถล่มแล้วมาเจอโควิดซ้ำ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เหมือนวิ่งออกกันมาหมด เวทีถล่ม ช่วงนี้แหละที่คนเริ่มมาติดตามเราเยอะมาก คนดูเราจาก 400-500 เป็น 3-4 พัน พี่ๆ แม่ๆ ก็เมตตาสงสาร ช่วยซัปพอร์ต ได้ทำเวทีใหม่ภายใน 1 วัน ออกงานไปสักพักเจอโควิดระลอกสอง ก็อยู่บ้านแล้วได้ไอเดียว่าเราทำไลฟ์สดดีมั้ย แฟนๆ ไม่ได้เจอเราเลย ก็เลยทำไลฟ์สดออนไลน์ ได้พวงมาลัยออนไลน์ แม่ๆ น่ารักมาก ซัปพอร์ต เราเห็นคนอื่นทำไลฟ์สดกลุ่มปิด เก็บบัตรออนไลน์ เราก็เลยเริ่มทำ ผลตอบรับเกินคาดครับ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสเลย สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้และบริหารไปได้ พอฤดูกาลที่สามพักปุ๊บ เราก็ต่อเนื่องฤดูกาลที่สี่เลย ตอนนั้นทำสตูฯ ที่บ้าน ลงทุนไปเยอะมาก แต่ผลตอบรับไม่เท่าไหร่ ไปได้ยากมาก เป็นสายทุ่ม (หัวเราะ) นกมีโอกาสได้ไปเจอลูกบุญธรรมไปรับเขามาอยู่ด้วย ก็เลยเกิดกระแส พี่ๆ แม่ๆ ติดตามเพิ่มขึ้น หลายอย่างดีขึ้น พลิกเลย”

 

ก่อนเจอลูกบุญธรรม มีการเปลี่ยนชื่อวง?

“ฤดูกาลปีที่ 3 จากเดิมชื่อหมอลำนามวิหคนก พงศกร ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมอลำเสียงวิหค นก พงศกร”

 

ทำไมรับลูกบุญธรรมคนนี้เข้ามาแล้วเปลี่ยนไปหมด เกิดอะไรขึ้น?

“นกมองว่าคนดูเขาได้เห็นตั้งแต่แรกก่อนไปรับลูก ลูกอยู่กับย่าที่ป่ามันบ้านหลังเล็กๆ ที่เขาให้อาศัยอยู่ นกไปเจอคลิปที่เขาส่งมา ทักไปหาพี่ชายว่าหานางเอกให้สักคนมั้ย เขาส่งมาเล่นๆ ว่าคนนี้มั้ย ร้องดีนะ แต่เขาเด็กน้อย 11 ปีเอง ดูไปดูมา เราเอ็นดู เราเห็นแววตาเขาเราเอ็นดู ยิ่งเห็นชีวิตครอบครัว ความเป็นอยู่ของเขา ก็อดไม่ได้ ก็เลยบอกว่าย้ายมาอยู่กับพ่อมั้ย มาเรียน มาดูแลเหมือนลูกตัวเองเลย ทีนี้ก็เกิดกระแสตอบรับที่ดีจากพี่ๆ แฟนๆ ที่เมตตา มีคนชมมากขึ้นไปปิดวิกได้คนดูมากขึ้นจากกระแสตรงนี้”

มีกระแสว่าน้องอ๊ะอายเป็นลูกเรา?

“มีบางคนหาว่าเราไปแอบมีเมีย แล้วมาทำเป็นคอนเทนต์หรือเปล่า เพื่อเอาลูกเข้ามา แต่จริงๆ ไม่ใช่ เมียก็ไม่มี (หัวเราะ) น้องเป็นลูกบุญธรรม ก็ทำให้เรามีความสุขขึ้นมาก เหมือนเรามีคนข้างๆ คอยให้กำลังใจตลอด ทำให้พ่อมีรอยยิ้มมากขึ้น มีความสุขตลอด”

 

ผ่านมรสุมลูกใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เคยปรึกษาใครมั้ยที่ทำให้เรากลับมามีพลัง?

“เคยปรึกษาแล้ว แต่มันอยู่ที่ใจเรา นกใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนตัวเองว่าแต่ก่อนเราอยู่กับดิน ใช้ชีวิตกับท้องไร่ท้องนาอยู่กับพ่อ เห็นพ่อเราไปปลูกข้าว ทำไมเรามีความสุขจังเลย จริงๆ แล้วชีวิตเราไม่มีอะไรมาก เราหาทุกวันสุดท้ายความสุขเราคือตรงนี้ที่สุด แล้วเราจะไปสนใจอะไร เราเคยตัดพ้อและโทษตัวเองตลอดว่าเป็นเพราะเราบริหารไม่ดีเอง แต่สุดท้ายโทษตัวเองมากเกินไปก็ไม่ดี”

 

ตอนนี้บริหารเก่งหรือยัง?

“ต้องไปถามลูกน้อง (หัวเราะ) ก็ดีขึ้นครับ ลูกน้องเรามีอยู่มีกินมีใช้ ทำงานเขาได้เงินคือดีสุดแล้ว เขาตั้งใจทำงานของเขาให้ดีที่สุด ผลงานออกมาดี เงินดี อันนี้น่าจะดี”

 

ได้บทเรียนอะไรจากที่ผ่านมา ?

“ได้จากตัวเองเลยคือเป็นคนใจเย็นขึ้น เมื่อก่อนใจร้อน คิดอะไรก็ตอบโต้เลย ทุกวันนี้ใจเย็น มีสติมากขึ้น เรารับฟังทุกคน รับฟังทุกปัญหาจากทุกคน ปัญหากับน้องๆ มีนิดๆ หน่อยๆ แต่นกจะไม่โพสต์ด่าอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เกินไป ที่ร้องไห้เป็นเหตุการณ์ปิดวิก แล้วได้คนดู 100 คน ตอนนั้นลูกน้องทะเลาะกันแล้วนินทาเรา เราก็รู้สึกน้อยใจว่าทำไมเขาไม่รักเรา ทั้งที่เราทำทุกวันนี้ก็เพื่อเขา ทำไมเขาเอาเรื่องส่วนตัวเราไปติฉินนินทา ไปเล่าให้แฟนคลับฟัง มันทำให้เราน้อยใจร้องไห้ เพราะเราไม่เคยพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดี เราเซฟลูกน้องทุกคน เพื่อให้ภาพลักษณ์ออกมาดีที่สุด”

 

มีเหตุการณ์ที่น้อยใจลูกน้องอีกอย่าง คือเวลาลูกน้องไปแล้วไม่ลา ?

“มันจุกๆ พูดไม่ออก เราอึ้ง เราดูแลเขามา เช่นน้องๆ แดนเซอร์ บางคนไปไม่ลาเลย ไปไม่บอกไม่กล่าว เราก็ให้ความรักความอบอุ่นเขาด้วยซ้ำ อยู่ๆ เขาไปไม่มีสัญญาณด้วยซ้ำ ไปเลยไม่บอก ไปไม่ลามาไม่ไหว้ นกนำคำสอนของพ่อเอ๊ะ จากพ่อเบียบ ระเบียบวาทะศิลป์ นกนำมาสอนลูกน้องด้วย อยู่ให้เขาว่าดี หนีให้เขาเสียดาย ตายให้เขาคิดฮอด เราก็เลยเอามาบอกทุกคนในวงให้ปฏิบัติแบบนี้เพื่อเป็นศิลปินที่ดี ไม่พอใจไปเป็นโขยงก็มี แต่เขาก็คงมีเหตุผลของเขา”

เรื่องช่องว่างระหว่างอายุกับลูกน้อง มีมั้ย?

“ช่วงทำแรกๆ ก็มี ไม่เคารพ ก็ยากอยู่นะครับกว่าจะผ่านมาได้ เขาเห็นความเหนื่อย ความทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อพวกเขามาเรื่อยๆ ใช้เวลา 4-5 ปี เขาก็เริ่มเห็น และเริ่มรักเรา เริ่มเชื่อฟัง”

 

คนในวงทะเลาะกันเอง เราจัดการยังไง?

“นกจะแรงใส่เลยเหมือนกัน ถ้าไม่หยุดมาตีกับกู มันก็จะหยุดเอง พอหยุดก็สงบสติอารมณ์ เรียกขึ้นห้องก่อนว่าจะเอายังไง”

 

เคยมีปัญหากับวงอื่นมั้ย?

“ไม่เคยมีครับ เรื่องสัญญาคนที่ออกไป วงหมอลำทุกวงจะให้เกียรติกันอยู่แล้ว หัวหน้าวงจะคุยกัน ว่าคนนี้จะมานี่ คนนี้จะไปนั่นเป็นยังไงบ้าง บางทีเราคุยอะลุ่มอล่วยกัน”

 

เวลาปรี๊ดลูกน้อง ดุประมาณไหน?

“นกดุแต่มันขำกัน เพราะเราน่ารักกับทุกคน เราเข้าหาลูกน้องทุกคน บางทีดุจนหัวสั่นแต่มันขำ แต่ก็ยังดีที่ยังฟังกัน”

 

แฟนคลับยังเรียกแม่ยกอยู่มั้ย?

“เรียกพี่ๆ แม่ๆ ครับ”

 

เขาเปย์สุดๆ เลย มากสุดพอบอกได้มั้ยว่าเท่าไหร่?

“พวงมาลัยประมาณล้านนึงครับ เขารวมๆ กัน เป็นบ้านหลายๆ หลังที่เขารวมกัน นกก็ไม่คิดว่าจะมีบุญวาสนาได้เยอะขนาดนี้จากพี่ๆ แม่ๆ มีเซอร์ไพรส์ให้รถตู้ ให้รถบ้าน ล่าสุดนกได้รถบ้านมาด้วย”

ได้รถบ้านเพราะลูกบุญธรรม เขาอยากให้อยู่อย่างสบาย?

“ใช่ครับ”

 

มีเรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับเรื่องพญานาค เกิดอะไรขึ้น?

“ตอนนั้นนกอายุ 14 ปี ตอนเป็นคอนวอยซ์ก่อนเป็นหมอลำ ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปคำชะโนด แต่คำชะโนดยังไม่ดัง นกได้ยินแค่เรื่องผีจ้างหนัง ก็เลยคิดว่าอยากไป ให้พี่กับน้องพาไปคำชะโนด บังเอิญวันนั้นมีแค่นก พี่ชาย และน้อง แค่สามคนที่ไป เงียบมาก ด้วยความศรัทธา เราไม่รู้หรอกว่ามีจริงหรือไม่มีจริง เราเข้าไปข้างใน บรรยากาศเย็นไม่เหมือนโลกของเรา เราก็เอ๊ะ ขอพรดีมั้ย บนดีมั้ย เราเป็นเด็ก ลองพูดดูดีกว่า ก็ขอให้ตัวเองได้เป็นพระเอกหมอลำมีชื่อเสียง มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง ขอให้คำที่อธิษฐานเป็นจริงด้วย นกอธิษฐานแล้วไปลูบฆ้อง ว่าถ้าจะดังจริงๆ ขอให้มันดัง เขาก็ดังท่วมคำชะโนดเลย นกก็ตกใจว่าทำไมถึงดัง เริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองขอต้องได้แน่ๆ พอเดินออกมากับน้อง นกได้กลิ่นคาวที่มือ คาวเหมือนสัตว์น้ำ ได้กลิ่นอยู่คนเดียว”

 

กี่ปีได้เป็นพระเอกหมอลำ?

“อาทิตย์นึง ก็ได้ใส่ชุดเพชรเลยครับ”

 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama