โรงหนังยักษ์ใหญ่แบนหนัง "ยูนิเวอร์แซล" งอน "Trolls World Tour" ฉายออนไลน์แล้วปัง
ข่าวสารวงการหนัง
ในขณะที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางความพยายามของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทั่วโลกที่จะยับยั้งโรคระบาดนี้ลง แต่ก็เกิดเหตุร้อนระอุขึ้นในวงการภาพยนตร์โลกขึ้นมา หลังจากที่ผู้บริหารโรงหนังยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ที่มีเครือข่ายสาขาไปทั่วโลก ได้ออกมาประกาศบอยคอต พร้อมกับขู่จะไม่ฉายหนังจากค่ายยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ อีกต่อไป
The Hollywood Reporter รายงานว่า "อดัม อารอน" ซีอีโอของโรงภาพยนตร์ AMC โรงหนังเครือยักษ์อันดับที่ 1 ในอเมริกา รวมทั้งยังมีเครือข่ายสาขาอีกหลายแห่งทั่วโลก ได้ออกจดหมายติดผนึกส่งไปถึง "ดอนนา แลงลีย์" ผู้บริหารจากค่ายหนัง ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เพื่อแสดงจุดยืนและขอปฏิเสธที่จะฉายหนังจากสตูดิโอแห่งนี้อีกในอนาคต เนื่องจากการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจในระยะยาว
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ซีอีโอโรงหนัง AMC รู้สึกไม่พอใจและออกจดหมายติดผนึกส่งไปเช่นนี้ ก็เพราะว่าผลลัพธ์ของ "Trolls World Tour" หนังแอนิเมชั่นภาคต่อจาก ดรีมเวิร์ค แอนิเมชั่น ที่เดิมมีกำหนดเข้าฉายในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่เพราะสถานการณ์ของโรคระบาด ทำให้ ยูนิเวอร์แซล ตัดสินใจนำร่องนำหนังเปลี่ยนไปฉายในระบบสตรีมมิ่ง และ PVOD แทน
กระทั่งผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นไปอย่างงดงามเกินที่คาดเอาไว้ ตามรายงานระบุว่า Trolls World Tour ทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญในสหรัฐอมเริกา หลังจากที่ปล่อยฉายทางออนไลน์มา 3 สัปดาห์ และยังคงเป็นหนังดังติดชาร์ตอยู่ต่อเนื่อง และผลลัพธ์ของหนังเรื่องนี้เองได้กลายเป็นสัญญาณและความหวังใหม่ของวงการหนัง ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงหนังในการนำเสนอผลงานของตัวเองอีกต่อไป
ในขณะที่ธุรกิจโรงหนังทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ โรงหนังหลายแห่งในสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการล้มละลาย เนื่องจากการปิดกิจการชั่วคราว และยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกเมื่อไหร่ เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จของ Trolls World Tour จึงทำให้บรรดาผู้ประกอบการโรงหนังต่างไม่พอใจ โรงหนังในเครือ AMC จึงเป็นแห่งแรกที่ออกมาประกาศจุดยืนและบอยคอตค่ายหนังยักษ์ใหญ่เป็นรายแรก
อดัม อารอน ซีอีโอโรงหนัง AMC ได้ระบุในจดหมายติดผนึกอย่างชัดเจนว่า เขาจะไม่นำผลงานหนังใหม่ของยูนิเวอร์แซล ออกฉายตามโรงหนังในอเมริกา รวมทั้งอีกหลายแห่งในภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งให้เหตุผลว่า การกระทำของสตูดิโอหนังยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในทางธุรกิจ และทอดทิ้งพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ อย่างเห็นแก่ตัวในช่วงเวลายามวิกฤต
การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวที่เกิดขึ้นในวงการหนังฮอลลิวูดในขณะนี้ นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์มองว่า นี่คือ "New Normal" ที่เป็นคำศัพท์ที่ถูกใช้บ่อยครั้งหลังจากที่ COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน และภาคธุรกิจก็ต้องปรับตัวเข้าหา กระทั่งกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งเมื่อหันกลับมามองจะพบว่าแตกต่างไปจากวิถีเดิมที่เคยมีมาก่อน
ในขณะที่ ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ก็ออกมาชี้แจงแบบทันควัน โดยระบุว่า การตัดสินใจฉายหนัง Trolls: World Tour ในรูปแบบออนไลน์นั้น ก็เพื่อเป็นตัวเลือกความบันเทิงให้กับผู้คนที่ไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนได้ตามปกติ ในช่วงที่สถานการณ์ของโรคระบาดวิกฤตอยู่เช่นนี้ และเชื่อว่าเป็นการดำเนินธุรกิจในที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการประคับประคองภาคธุรกิจและลูกจ้างภายในสตูดิโออีกด้วย
นอกจากนี้ ยูนิเวอร์แซล ยังระบุว่า รู้สึกผิดหวังกับจดหมายติดผนึกจากเครือโรงหนัง AMC เป็นอย่างมาก ที่ออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ โดยยืนยันว่าสตูดิโอหนังยังไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแนวทางการส่งออกผลงานไปสู่ระบบออนไลน์ในอนาคต ผลงานเรื่องต่อไปของบริษัทก็ยังต้องพึ่งพาโรงหนังในการเข้าฉายอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ในอนาคตอันใกล้ ก็ยังคงมีผลงานหนังจากสตูดิโอหนังใหญ่ๆ บางเรื่อง ที่ตัดสินใจโยกมาย้ายในรูปแบบสตรีมมิ่งแทน เช่น "Scoob!" ของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส หรือ "Artemis Fowl" ของ วอลต์ ดิสนีย์ ที่โปรแกรมหนังใหม่เหล่านี้ อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในวงการหนังทั่วโลก
หากเครือโรงหนังยักษ์ใหญ่ระดับโลกนี้ทำการแบนไม่ฉายหนังจาก ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ตามเจตนารมณ์ดังกล่าวนั้น เท่ากับว่าหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่อง เช่น The Fast Saga, หนังชุด Jurassic World หรือ หนังเขย่าขวัญจาก Dark Universe อาจจะสูญเสียรายได้ไปมหาศาลเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการบอยคอตฉายหนัง Trolls World Tour ในหลายแห่งทั่วโลก แต่ในประเทศไทยยังคงมีกำหนดเข้าฉายในโรงหนังเช่นเดิม ภายหลังจากที่มีมาตรการปลดล็อกธุรกิจโรงหนังเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
----------------------------------------------------