หากจะว่าด้วยภาพยนตร์ Long Take ถ่ายยาว ๆ ล่ะก็ อาจจะนึกถึงภาพยนตร์ฝรั่งจากฮอลลีวูดอย่างเช่น 1917, Birdman เป็นต้น จนอาจจะลืมภาพยนตร์จากประเทศอื่น ๆ ไปที่มีศักยภาพทำเทคนิคดังกล่าวได้เหมือนกัน ในกรณีทางฝั่งภาพยนตร์ญี่ปุ่นเอง ถือว่ามีความสามารถมากพอที่จะทำหนัง Long Take ได้แถมยังสอดแทรกความตลกและความคิดสร้างสรรค์สุดบรรเจิดเข้าไปด้วย One Cut of the Dead เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าภาพยนตร์จากแดนซามูไรก็ได้รับการยอมรับ สามารถกวาดรางวัลในระดับสากลได้เหมือนกันOne Cut of the Dead หรือชื่อภาษาไทยว่า วันคัท ซอมบี้งับๆๆๆ มันจะเป็นเรื่องราวของกองถ่ายหนังทุนต่ำแห่งหนึ่งที่มีพล็อตเรื่องหนีซอมบี้ โดยพวกเขาเลือกโรงงานร้างเป็นสถานที่ถ่ายทำ แต่ขณะที่ถ่ายไปก็พบว่าดันเกิดเหตุการณ์ประหลาดทำให้มีซอมบี้โผล่มาจริง ๆ จากนี้พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป จะยกเลิกกองถ่ายหรือเดินหน้าถ่ายทำต่อไปทั้งอย่างงั้นหรือไม่ ก็ต้องมาดูกันใน One Cut of the Deadสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีทั้งความฮาตลกแบบตัวโยน ผสมกับความน่าทึ่งในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ของการถ่ายทำ ชนิดที่ว่ามันสามารถทำไปเป็น Case Study ให้กับนักเรียนสายทำภาพยนตร์ศึกษากันได้เลย โดยหนังเรื่องนี้มันจะสามารถแบ่งได้เป็นสองพาร์ทหลัก ๆ ครับ ซึ่งส่วนแรกจะเป็นการถ่ายหนังแบบ Long Take ยาวถึง 37 นาที จะเป็นเรื่องราวการหนีซอมบี้ที่ทุนต่ำเกรด B จนดูแล้วรู้สึกธรรมดาน่าเบื่อไปแต่นั่นก็เป็นแค่อารัมภบทครับเพราะในส่วนที่สองของหนังนี่แหละจะเป็นการเปิดฉากความสนุกที่แท้จริง โดยในช่วงครึ่งหลังนั้นมันจะเผยเบื้องหลังการถ่ายหนังของส่วนแรกครับ เราจะได้เห็นการทำงานของทีมงานภาพยนตร์กองหนึ่งที่ค่อนข้าง "เรียล" มากทีเดียว เนื่องจากการทำงานหลายคนย่อมมีความขัดแย้ง มีความไม่พอใจกันเป็นธรรมดา เราจะได้เห็นผู้กำกับถูกบรีฟให้ทำงานยากขึ้นจนไม่มีโอกาสแก้ตัว นักแสดงที่งอแงเรื่องมาก ทีมงานตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกโขกสับจากหัวหน้า รวมไปถึงปัญหาที่อยู่ในใจแต่ละตัวละครอีกทำให้ One Cut of the Dead ก็มีความดราม่าอยู่บ้างและมันก็สะกิดใจเข้าใจความรู้สึกคนดูพอสมควรเลย ขณะเดียวกันตัวหนังก็เสิร์ฟความตลกให้เราได้ฮากันตลอดในช่วงครึ่งหลัง โดยมุกตลกมันก็ล้อกับหนังที่ถ่ายในช่วงครึ่งแรกครับ เนื่องจากว่าในเบื้องหลังที่เราดูจะได้เห็นสิ่งที่ไม่ปรากฏในหนังช่วงแรก ยังทำให้เราเข้าใจได้อีกว่าการกระทำของตัวละครด้วย ซึ่งมันมีเหตุมีผลของมันยังไม่พอความต่อเนื่องของหนังก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมลงตัว การใช้กล้องตามถ่ายตัวละคร "นายวิ่งไปไหน เราก็ไปทางนั้น" ทำให้รู้สึกลุ้นตื่นเต้นไปด้วยกัน ได้เห็นกระบวนการต่าง ๆ ของการถ่ายหนัง อาจจะเรียกได้ว่า One Cut of the Dead คือ "หนังซ้อนหนัง" อย่างแท้จริงเสริมด้วยมุกตลกในเรื่อง จะเป็นมุกตลกแบบธรรมชาติไม่ได้มีการเตี๊ยมกันมาก่อน เหมือนเราได้ดูตลกด้นมุกสด ซึ่งในหนังก็จะให้อารมณ์ทำนองนั้นครับ เพียงแต่พวกเขาจะแสดงออกด้วยการกระทำ สำหรับใครที่เส้นตื้นหัวเราะง่าย บอกเลยครับว่างานนี้มีขำตัวโยนแน่นอนทางด้านนักแสดงก็เช่นกันครับ ทุก ๆ คนแสดงได้สมบทบาทดูสมจริงกันมาก อาจจะเป็นข้อดีด้วยที่เลือกนักแสดงหน้าใหม่ ทำให้เราไม่ยึดติดกับภาพจำ ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาคือทีมงานกองถ่ายตัวจริงเสียงจริงกันเลยทีเดียว ก็ถือว่าแคสนักแสดงได้ดี รวมถึงตัวของผู้กำกับด้วยครับ (Shin'ichirô Ueda) ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้ดีมาก ๆ ถึงแม้ตัวหนังจะอัดแน่นความฮา แต่เนื้อหาของมันก็สื่อให้เห็นถึงการทำงานในชีวิตจริงด้วยครับ แม้ว่างานจะยาก มันเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยคำว่า "มืออาชีพ" เราก็ต้องทำมันต่อให้สำเร็จให้ได้ อีกทั้งมันอาจจะทำให้คนที่เราห่วงใยหรือครอบครัวภูมิใจก็ได้ รวมถึงการทำงานเป็นทีมที่ไม่ว่าจะขัดแย้งกันอย่างไรก็ต้องร่วมมือกัน ฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางหน้าให้ได้ครับเหตุนี้เลยทำให้ One Cut of the Dead เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ได้รับคำชมอย่างมากจากนักวิจารณ์ แถมยังกวาดรางวัลมาหลายรายการ ด้วยความเป็นหนังซ้อนหนัง มีการถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครได้ดี เชื่อมต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในหนังได้ลื่นไหล มีมุมกล้องแปลก ๆ น่าสนใจ บวกกับไอเดียสุดสร้างสรรค์ ที่คนทำงานสายภาพยนตร์ควรจะดูเป็นตัวอย่าง หากใครที่ไม่ใช่สายภาพยนตร์ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เตรียมตัวรับความฮาก็พอแล้วที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4