Short CommentKingmaker (2022)ยอดเยี่ยมจนไม่ควรพลาดกับความเข้มข้นระทึกพลิกผันเร้าใจในหนังที่พูดกันทั้งเรื่องการก้าวเข้ามาของความสะดวกสบายในการเสาะหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตได้สร้างทางเลือกมากมายในการเสพข่าว เช่นเดียวกันดูไปบ่นไปจำไม่ได้แล้วว่าหยิบหนังสือหรือนิตยสารมาอ่านเมื่อไหร่เพราะส่วนใหญ่ก็อ่านจากโซเชียลมีเดียของสำนักข่าวต่างๆ ยิ่งคนในรุ่นถัดมาอย่างลูกๆของผู้เขียนที่โตมากับการซื้อหนังสือให้อ่านจนกระทั่งปัจจุบันทั้งสองคนหันมาอ่านอีบุ๊ค แน่นอนโลกปัจจุบันทำให้เกิดความระลึกถึงความคลาสสิคเมื่อกาลก่อนเช่นเดียวกับหนังเรื่องที่ผู้เขียนกำลังจะบ่นให้อ่านในวันนี้นั่นคือนี่คือหนังที่ถูกความหลากหลายของตัวเลือกทางความบันเทิงกลบฝังให้ถูกหลงลืมไว้ในซอกหลืบความจำ เพราะเดิมทีผู้เขียนกะว่าจะดูเมื่อเห็นลงสตรีมใหม่ๆแล้วแต่การที่ทางเลือกด้านความบันเทิงมีมากสวนทางกับเวลาหนังที่อยากดูเลยถูกหลงลืมมิใช่มองข้าม ซึ่งเรื่องประมาณนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นหากเป็นสมัยที่ผู้เขียนไปยืนดูโปรแกรมหน้าที่ไต้ถุนโรงหนังเมื่อครั้งอดีต แน่นอนของบางอย่างไม่มีวันกลับมาเหมือนเก่าเช่นเดียวกับความจำของคนที่เริ่มอายุมากที่ถูกเวลากัดกร่อนแต่อย่างน้อยก็จำได้และกลับมาดูเพื่อที่จะรู้ว่าไม่น่าพลาดเลยเปิดมาที่เภสัชกรซอชางแด (อีซอนคยุน) กำลังให้คำแนะนำกับคนเลี้ยงไก่กับวิธีจัดการหัวขโมยที่มีอิทธิพลด้วยวิธีที่ไม่มีทางพลาดแต่อาจไม่ถูกใจนัก วันหนึ่งซอชางแดได้ฟังการปราศรัยของคิมอุนบอม (ซอลคยองกู) ผู้สมัครสมาชิกสภาแห่งชาติเกาหลีที่ไม่เคยชนะแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างตรงกับอุดมการณ์ของตัวเอง ซอชางแดจึงเขียนจดหมายไปหาคิมอุนบอมและรอพบสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานกัน แน่นอนเรื่องก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าวิธีการจัดการบางอย่างของซอชางแดเป็นวิธีที่ได้ผลชะงัดแต่ก็ไม่ใช่วิธีที่สะอาดนัก ซอชางแดจึงเป็นได้แค่คนที่อยู่เบื้องหลังลับๆหลังจากที่คิมอุนบอมได้รับเลือกจนกระทั่งคิมอุนบอมต้องสู้ในสนามเลือกตั้งที่ยากขึ้นและเต็มไปด้วยกลโกงที่หนักขึ้นจนไม่เห็นทางชนะ คิมอุนบอมจึงเลือกที่จะตามซอชางแดมาจัดการอีกครั้งแล้วซอชางแดก็ไม่ทำให้คิมอุนบอมผิดหวังเมื่อสามารถเอาชนะและกลายเป็นสมาชิกสภาดาวรุ่งได้ กระทั่งเมื่อพรรคที่คิมอุนบอมสังกัดกำลังสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีและหนึ่งในผู้ถูกสรรหาคือคิมอุนบอม แล้วในสนามที่ยากขึ้นวิธีการของซอชางแดจะยังได้ผลหรือไม่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์และบุคคลจริงแต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เมื่อหนังออกตัวแบบนี้ก็เท่ากับเร่งพลังให้สูงตั้งแต่ต้นด้วยบทภาพยนตร์ของบยอนซังฮยอนร่วมกับคิมมินซูที่สร้างความรู้สึกว่าต้องมีอะไรตั้งแต่บทสนทนาแรก และก็เป็นเช่นนั้นเมื่อเรื่องเริ่มต้นเล่าด้วยเรื่องของอุดมการณ์ เป้าหมาย วิธีการและผลลัพธ์ที่สามารถแปรผันสลับสับเปลี่ยนกันได้อย่างสมเหตุสมผล หนังจึงเดินหน้าด้วยพลังของหนึ่งอุดมการณ์แต่คำนึงถึงวิธีการกับอีกหนึ่งอุดมการณ์แต่คำนึงถึงผลลัพธ์ ทำให้เป็นทางแยกเมื่อคนดูถูกกดอารมณ์ให้เอาใจช่วยคนสองคนทั้งที่รู้ว่าวิธีการและผลลัพธ์มักแปรผกผันกันด้วยการทยอยใส่สถานการณ์วัดใจและผลักคนดูแบ่งฝ่ายชัดตั้งแต่เริ่มจนนาทีสุดท้าย สิ่งที่ตามมาคือความยอดเยี่ยมบนความเข้มข้นในมุมของเกมการช่วงชิงที่อุดมการณ์อาจไม่ได้ทำให้ชนะแต่หากชนะก็จะทำอะไรก็ได้กระทั่งการสานต่ออุดมการณ์...แล้วอะไรกันแน่ที่ใช่ ทำให้วิธีการที่มาระหว่างทางกลายเป็นตัวแปรแห่งความพลิกผันจนเดาทางไม่ถูกส่งผลต่ออารมณ์ที่คุกรุ่นจนไฟลุกในตอนท้ายเมื่ออะไรที่คิดไม่เป็นอย่างที่คิดคุณรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้คนเราโกรธมากที่สุด...การถูกหักหลังโดยคนที่เราเชื่อใจไงล่ะ เมื่อมีแสงย่อมมีเงาเมื่อหนึ่งอุดมการณ์แต่มีทางแยกเรื่องของวิธีการและผลลัพธ์เบื้องหน้าที่อยู่ท่ามกลางแสงก็มีเงาที่อยู่เบื้องหลัง แต่ทุกคนย่อมไม่มีทางหนีพ้นเงาเมื่อได้รับแสงทว่าวันหนึ่งเงาอาจอยากมีตัวตนของตนเองบ้างใครเล่าจะรู้เท่าเงาเอง ที่ว่ามาคือผู้เขียนกำลังจะสื่อว่าหนังฉลาดมากที่สร้างความไว้ใจบนความไม่ไว้ใจให้หนึ่งคนแต่สร้างความไว้ใจเต็มร้อยให้กับอีกหนึ่งคน ด้วยบทภาพยนตร์ที่สร้างมิติเชิงลึกให้เห็นตั้งแต่ต้นว่าหนึ่งคืออุดมการณที่ต้องมีทิศทางและใสสะอาดแต่อีกหนึ่งคือต้องชนะก่อนแม้ว่าจะใช้วิธีการที่สกปรกเพราะผู้ชนะจะทำอะไรก็ได้แม้กระทั่งสร้างโลกใหม่ตามอุดมการณ์ คนดูจึงรู้สึกว่าหนึ่งที่มีตัวตนอยู่ท่ามกลางแสงกำลังใช้เงาเพื่อบรรลุผลโดยมีเบื้องหน้าใสสะอาด และคนดูยังรู้สึกว่าเงาก็เต็มใจเป็นเงาที่จะสร้างราชาขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนโลกด้วยวิธีที่เงาเชื่อและจงรักภักดีอย่างไม่มีเงื่อนไข จนเมื่อความภักดีขาดสะบั้นเพราะอีกฝ่ายไม่เชื่อใจเงาจึงต้องสูญสลายเมื่อยามที่ไม่มีแสงแต่คนดูกลับไม่รู้สึกว่าเงาเป็นฝ่ายผิด เยี่ยมอีกแล้วสุดท้ายนี่คือเกมของใคร ด้วยความพลิกผันไปมาและการเชือดเฉือนระดับไม่มีผ่อนเพราะหนังขยันให้คนดูคิดแล้วซ้อนแผนให้ไม่เป็นอย่างที่คิดคือเป็นอย่างที่คิดแต่ซ้อนไปหลายตลบเลยกลายเป็นไม่เป็นอย่างที่คิดจากสมองและกลเกมของซอชางแด และนั่นคือหลุมที่ขุดไว้ให้คนดูตกลงไปโดยไม่รู้ตัวนั่นเพราะคนดูเชื่อในวิธีการเชื่อในสมองและเชื่อมั่นในตัวซอชางแดว่าเป็นอย่างที่คิด แต่เมื่อถึงบทสรุปคนดูจึงรู้ว่าสิ่งที่คิดไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกมหรือเป็นเกมของใครแต่ที่แน่ๆคือคนดูยังเชื่อในตัวของซอชางแด เพราะเมื่อถึงจุดสุดท้ายสิ่งที่คนดูคิดก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อได้รู้ว่าเขาถูกทำร้ายด้วยการที่คนที่เขาเชื่อสุดหัวใจไม่เชื่อในตัวเขา ทำให้ผู้เขียนต้องย้อนกลับไปดูฉากนั้นที่ทรงพลังเหลือหลายและส่งผลมาถึงตอนท้ายที่อาจไม่ได้ถึงกับบอกตรงๆ แต่คนดูก็รู้แล้วว่าเงาถูกความไว้ใจทำร้ายอย่างสาหัสจนเป็นสิ่งที่คนดูไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น กระนั้นเมื่อถึงเวลาที่รู้ความจริงหนังก็ยังเปิดปลายให้คิดว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวร้ายเมื่อต่างคนก็ต่างมีนายให้ภักดีและต่างคนก็ต่างมีอุดมการณ์เพียงแต่อยู่คนละด้านเท่านั้นเดินเรื่องด้วยการแสดงที่เข้มข้นทำให้ทวีความเข้มขลัง ด้วยบทภาพยนตร์ที่เข้มข้นเต็มไปด้วยชั้นเชิงและความพลิกผันสิ่งที่ต้องทำให้ได้คือการถ่ายทอดพลังกดดันนั้นให้คนดูรู้สึก และถ้าตัดนักแสดงสมทบที่เป็นองค์ประกอบให้หนังออกมาสมบูรณ์จึงเหลือผู้เล่นหลักอยู่สามคนคือตัวละครคิมอุนบอมของชอลคยองกูกับตัวละครซอชางแดของอีซอนคยุนและตัวละครเลขาอีของโจอูจิน แล้วด้วยมาตรฐานของทั้งสามคนที่มีเครดิตการทำงานภาพยนตร์มากกว่าซีรีส์และยิ่งซอลคยองกูด้วยแล้วคือไม่มีงานซีรีส์เลยจึงทำให้พลังของหนังเดินหน้าไปอย่างเข้มข้นเป็นเท่าทวีด้วยการแสดงของพวกเขา เพราะทุกครั้งที่คนทั้งสามไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต้องเผชิญหน้ากันคนดูจะรู้สึกไม่ต่างจากการดูการห้ำหั่นกันด้วยอาวุธที่แหลมคม ทำให้ทุกความพลิกผันที่บทภาพยนตร์ที่ดีเยี่ยมอยู่แล้วอยู่ในระดับที่คนดูเชื่อทั้งใจจนกระทั้งคิดตามไปว่าตกลงแล้วใครที่เป็นคนสร้างเกมนั้นๆและใครเป็นคนคุมเกมเพราะอย่างที่บอกไว้ว่า เมื่อถึงบทสรุปคนดูจะคิดไม่ตกว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะใครอยู่ในเกมของใครและแม้จะคิดได้ก็อาจจะยังไม่ยอมเชื่อเพราะการแสดงก็เยี่ยมพูดกันทั้งเรื่องแต่เป็นความเร้าใจในความพลิกผันยากแท้สุดหยั่งถึง ซึ่งการแบ่งฝ่ายชัดแบบนี้ที่ต้องต่อสู้ตอบโต้กันด้วยวิธีการที่สกปรกไม่ต่างกันแบบนี้ก็คล้ายกับหนังแอ็กชันดีๆสักเรื่องที่สาดกระสุนใส่กันอย่างเมามัน เพียงแต่กระสุนที่สาดใส่กันนั้นคือวิธีการที่จะชิงความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งที่คล้ายขายวิญญาณให้ซาตาน หนังจึงออกมาเร้าใจเต็มที่พลิกผันไปมาสุดจะคาดเดาเพราะนี่คือการสู้กันด้วยสมองของมนุษย์ที่จิตใจสุดจะหยั่งถึง แล้วหนังก็ออกมาบันเทิงเต็มที่ทั้งที่เต็มไปด้วยความกดดันอึดอัดเพราะเส้นแบ่งทางศีลธรรมคนดูทุกตัดจนขาดสะบั้นแต่นั้นคือเรื่องราวที่ถูกเล่าในยุค 60-70 ที่บางอย่างที่เห็นเป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่นั้นก็คือผลดีที่ทำให้อารมณ์คนดูอยู่ในบรรยากาศมาคุและไม่อาจลุกจากที่นั่งได้เพราะถูกการเดินหน้าไปของหนังตรึงอยู่กับที่ทั้งที่มีแต่พูดกันทั้งเรื่อง และความยอดเยี่ยมนั้นก็ทำให้หนังเข้าชิงในเวที 58th Baeksang Arts Awards ถึงแปดสาขาและคว้ามาได้สามรางวัลคือผู้กำกับยอดเยี่ยม "บยอนซังฮยอน" ,นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม "ซอลคยองกู" และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม "โจอูจิน" มาเป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.kr ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้รีวิวจัดเต็ม Night In Paradise : คืนดับแดนสวรรค์ (2021) "จัดการความรู้สึกด้วยความเรียบง่าย ซึมลึกทางอารมณ์"รีวิวจัดเต็ม The Handmaiden เล่ห์รักนักล้วง (2016) หนังเรื่องแรกของ "คิมแทรี" ที่หลอกซ้อนหลอก เยี่ยมซ้อนเยี่ยม สมราคารางวัลด้วยชั้นเชิงและความแรงของเนื้อหาในความทรงจำ 1987: When the Day Comes (2017) "เล่าเรื่องจริงให้ออกมาเป็นภาพยนตร์ในระดับที่ต้องโค้งคำนับ บีบคั้น รุนแรง และต้องจดจำ"รีวิวจัดเต็ม Forgotten ความทรงจำพิศวง (2017) "ความเหนือชั้นของการเล่าเรื่องและชั้นเชิงที่พาให้คิด...แต่ไม่มีสิทธิ์คาดเดา"ความเห็นหลังชม Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ (2022) ลุ้นระทึกลืมหายใจที่มีหัวใจ พลิกผันในใจไม่ใช่ที่เหตุการณ์ เป็นงานดีที่ต้องดูความเห็นหลังชม Hunt ล่าคนปลอมคน (2022) ดุเดือดระห่ำระทึกเร้าใจในหนังสายลับที่มีให้ทุกอย่างทั้งคุณภาพและความบันเทิงเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!