รีเซต

รีวิวหนัง "Nosferatu นอสเฟอราตู" ปัดฝุ่นตำนานแดรกคูลาคลั่งรัก ที่ไม่จำเป็นต้องนอนตะแคงดู

รีวิวหนัง "Nosferatu นอสเฟอราตู" ปัดฝุ่นตำนานแดรกคูลาคลั่งรัก ที่ไม่จำเป็นต้องนอนตะแคงดู
Jeaneration
19 กุมภาพันธ์ 2568 ( 12:00 )
1.8K

ว่ากันว่าการหยิบเอาอสุรกายระดับตำนานกลับมาสร้างสีสันวาดลวดลายบนจอใหญ่ในเวอร์ชันใหม่ ๆ อาจจะไม่ใช่วิถีที่แปลกใหม่อะไรสำหรับการสร้างผลงานในฮอลลีวูด แต่สำหรับการปัดฝุ่นเอาตำนานแวมไพร์ หรือ แดรกคูลา สุดคลาสสิกมาบรรเลงใหม่ด้วยฝีมือของ "โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส" ในครั้งนี้ กลายเป็นสีสันที่ค่อนข้างสะดุดและน่าสนใจ กลายออกมาเป็น "Nosferatu นอสเฟอราตู" ที่เสมือนชุบชีวิตให้กับตำนานให้ได้กลับมามีชีวิตและโลดแล่นบนจอได้อย่างมีมนต์ขลังอีกครั้ง

เรื่องราวในช่วงศตวรรษที่ 19 หญิงสาวที่ชื่อว่า เอลเลน ต้องเผชิญหน้าและทนทุกข์กับบางสิ่งบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ มันคอยรบกวนและหลอกหลอนเธอตั้งแต่ครั้งแตกเนื้อสาว ทำให้เธอมีภาวะอาการประหลาด ๆ แบบไม่รู้สาเหตุ กระทั่งเธอได้พบรักกับสามีหนุ่ม ธอมัส อาการต่าง ๆ กลับทุเลาหายไปอย่างน่าประหลาด จนกระทั่งเขาได้รับมอบหมายให้ออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ที่ตั้งสันโดษของท่านเคานต์โอร์ล็อก ดูเหมือนว่าภาพบรรยากาศความหลอนและความสับสนต่าง ๆ ได้กลับมาเยือนชีวิตของเอลเลนอีกครั้ง และครั้งนี้มันน่าสยดสยองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส ยังคงรับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยฝีมือของเขาเอง ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากต้นฉบับหนังเงียบสุดคลาสสิก Nosferatu: A Symphony of Horror ในปี 1922 ที่เป็นการหยิบบทประพันธ์สยองขวัญระดับตำนานของ แบรม สโตกเกอร์ มาสร้างสรรค์นั่นเอง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก่อนที่จะเข้าไปสัมผัสและชมหนังเรื่องนี้ มีการเตรียมตัวเตรียมใจอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะหากดูผลงานก่อน ๆ ของผู้กำกับรายนี้ ชิ้นงานของเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแง่การตีความกับตะแคงตัวดู แต่ปรากฏว่า Nosferatu กลายเป็นหนังที่ให้ผลลัพธ์ที่ดูง่ายกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย

ในส่วนงานดัดแปลงเขียนบทจากฝีมือผู้กำกับเอง ต้องยอมรับว่าเอ็กเกอร์สยังคงแพรวพราวในการรังสรรค์ใส่เครื่องปรุงในงานเขียนบทหนังของเขาได้อย่างคมคาย ถึงแม้ว่าเขาจะยังค่อนข้างประคับประคองและเคารพความเป็นต้นฉบับเอาไว้อย่างมีชั้นเชิง แต่กลายเป็นว่าบทหนังของเขาสรรค์สร้างออกมาให้ผู้ชมย่อยได้ง่ายกว่าที่คิด อาจจะคงสำนวนภาษาโบราณที่สวยงามเอาไว้เป็นกิมมิก แต่นี่คือการร้อนเรียงเรื่องราวที่ครบทุกอรรถรสภายใน 2 ชั่วโมงอย่างได้เต็มอิ่ม อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความขลังในมนต์เสน่ห์ของเรื่องราวนี้

ขณะที่ทิศทางและแนวทางในงานสร้างนั้น เอ็กเกอร์สก็ยังคงลายเส้นของเขาเอาไว้ได้อย่างชัดเจน นับว่าเป็นงานค่อนข้างเข้าทางเขาอยู่ไม่เบา ดีไซน์งานสร้างที่มีลูกเล่นในการใช้แสงและสีผนวกเข้ากับการเล่าเรื่องราวไปด้วย และงานออกแบบโปรดักชันในหนังของเอ็กเกอร์สเป็นสิ่งที่เราไว้วางใจได้แบบชิล ๆ ได้เลย เพราะเขาถือนักสร้างหนังที่ค่อนข้างพิถีพิถันในการลงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ร้อยเรียงงานสร้างควบคู่กับการเล่าเรื่องได้อย่างมีมิติ และ Nosferatu เวอร์ชันนี้ก็คือความเป็นซินีมาที่จับต้องได้และเปี่ยมล้นไปด้วยงานเทคนิคที่กำลังกลมกล่อมพอดี

Nosterafu เป็นหนังที่มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2025 ทั้งสิ้น 4 สาขารางวัล ได้แก่ การออกแบบโปรดักชั้นยอดเยี่ยม, งานออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, การแต่งหน้า-ทำผมยอดเยี่ยม และ การถ่ายภาพยอดเยี่ยม จากฝีมือของ "จาริน แบลชค์" ช่างภาพคู่บุญของเขาที่ร่วมงานกันมาแทบจะทุกผลงานของเอ็กเกอร์ส ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสาขาที่หนังติดเข้าชิงออสการ์นั้น ก็สมราคาและคู่ควรที่จะได้เข้าชิงจริง ๆ

งานถ่ายภาพของ จาริน แบลชค์ ทำออกมาไดไหลลื่น เพราะเขาก็ทำงานกับเอ็กเกอร์สมาต่อเนื่อง ทำให้รู้จักสไตล์และมุมมองที่ผู้กำกับต้องการอยากจะถ่ายทอดออกมาอย่างดี เช่นเดียวกับ การออกแบบเสื้อและแต่งหน้าทำผมในหนังเรื่องนี้ นับว่าเป็นอีกการฟอร์มทีมระดับคุณภาพมาทำงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพ สามารถเซ็ทองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกมาได้อย่างโดดเด่น เก็บรายละเอียดแห่งยุคสมัยออกมาได้อย่างเลอค่าอีกเรื่องจริง ๆ

และอีกไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือทีมนักแสดงใน Nosferutu ที่บอกได้คำเดียวว่า..ปังมาก เพราะนี่คือแคสติ้งระดับคุณภาพที่เหมือนเป็นการคืนกำไรให้กับคนดูได้อย่างแท้จริง เรียกได้ว่าไม่มีนักแสดงคนไหนยั้งมือให้กันเลย แต่ที่ต้องลุกขึ้นปรบมือให้ดัง ๆ ก็คือ "ลิลลี่-โรส เดปป์" ที่ใส่เต็มมาก ๆ กับการแสดงที่ระเบิดพลังพรั่งพรูที่ต้องให้เรายอมรับฝีมือของเธอเลย ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการขับอินเนอร์ออกมาได้ปะทุเดือดทางการแสดงขนาดนี้

ขณะที่ "นิโคลัส เฮาลต์", "แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน", "วิลเลม เดโฟ" หรือ "เอ็มมา คอร์ริน" ก็จัดเต็มในพาร์ทการแสดงและบทบาทของพวกเขาอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน กลายมาเป็นการดูผลงานที่นักแสดงเขาใส่เกียร์เดินหน้าแบบคุ้มคาอีกเรื่อง และอีกคนที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ "บิล สการ์สการ์ด" ที่เขาบียอนด์ตัวเองอีกแล้วกับการสวมวิญญาณเป็นอสุรกาย ที่มงลงจนแทบลืมตัวตนและความหล่อเหลาภายใต้เอกเฟ็กต์น่าสยดสยองบนร่างเขาไปเลย แสดงได้ดีทะลุกรอบคอสตูมมาก ๆ

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Nosferatu เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้ กลายเป็นความสยองขวัญแฟนตาซีที่ส่งมอบถึงคนดูได้แบบครบทุกอรรถรส ยิ่งได้มาอยู่ในมือของนักสร้างที่เต็มไปด้วยแพสชันและลูกเล่นในการทำหนังอย่างมีสไตล์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หนังล้นไปด้วยมิติที่ขับความเพลิดเพลินออกมาอย่างคาดไม่ถึง เพราะเดิมตั้งใจเตรียมใจว่าจะต้องเป็นหนังอินดี้ที่ต้องคิดเยอะ แต่กลายเป็นคอนเทนท์ที่ย่อยได้ง่าย มาพร้อมด้วยองค์ประกอบงานสร้างที่ทำได้ทุกแทบจะทุกส่วน ประกอบเข้ากับการแสดงของทีมแคสติ้งระดับเทพ มันกลายออกมาเป็นความหลอนใหม่ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่คืนกำไรให้กับผู้ชมได้เป็นเท่าตัวจริง ๆ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Nosferatu นอสเฟอราตู

  • ประเภท: สยองขวัญ / แฟนตาซี / ลึกลับ
  • ผู้กำกับ: โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส
  • นำแสดงโดย: ลิลลี-โรส เดปป์, นิโคลัส เฮาลต์, บิล สการ์สการ์ด, แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน
  • ความยาว: 132 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 20 กุมภาพันธ์ 2025

Movie.TrueID METRIC: Nosferatu นอสเฟอราตู

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.5/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.2/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (8.8/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.6/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.1/10)

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa