รีเซต

"The Secret Garden" โรคร้ายที่ชื่อความเศร้า และการเอาชนะด้วยความเข้าใจ by Kanin The Movie

"The Secret Garden" โรคร้ายที่ชื่อความเศร้า และการเอาชนะด้วยความเข้าใจ by Kanin The Movie
Jeaneration
3 กันยายน 2563 ( 18:30 )
910

วิจารณ์ รีวิวหนัง The Secret Garden

นอกเหนือจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Mulan สัปดาห์นี้มีอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจ และอยากแชร์มุมมองความรู้สึกให้ได้อ่านกันคือ "The Secret Garden" ภาพยนตร์ ดราม่า-แฟนตาซี ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมชื่อดัง บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวที่ต้องเดินทางไปอาศัยในคฤหาสน์หลังยักษ์ของคุณลุง ภายหลังครอบครัวของเธอเสียชีวิต ที่นั่นเธอได้พบกับสวนลับที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์

ท่ามกลางความเจ็บปวดจากการสูญเสีย กฎกติกาที่กักขังเธอให้ไม่ไปไหน สวนแห่งนี้เป็นที่ๆ เธอ และเพื่อนหลบหนีความจริง มาใช้ชีวิตพร้อมๆ กับผจญภัยอย่างมีความสุข แต่ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วคิดว่านี่คือหนังครอบครัวใสๆ น่ารักๆ ก็อาจจะคิดถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะมันเป็นหนังดราม่าที่จับจ้องไปยังเรื่องมนุษย์แบบจริงจังทั้งในส่วนที่สุข ส่วนที่ทุกข์ และถ่ายทอดออกมาอย่างเข้มข้นจนน่าสนใจ

เราไม่ได้อ่านวรรณกรรมที่หนังนำมาดัดแปลง แต่ก็พอจะรู้ว่าภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างจากต้นฉบับไปพอสมควร หนึ่งในนั้นคือเซ็ตติ้งเรื่องที่เลือกจะเล่าในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คฤหาสน์ของลุงกลายเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวของทหาร มีคนตาย มีเศษซากปรักหักพัง มีประวัติศาสตร์ความรุนแรงเกิดขึ้นที่นี่ คนดูจะไม่ได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เราจะเห็นสภาพหลังจากนั้นที่ปรากฎผ่านตัวบ้าน สวนหน้าบ้าน หรือที่ชัดเจนที่สุดคือเหล่าผู้ใหญ่ที่ชีวิตมัวหมอง จมปลักอยู่กับความเศร้า อันมีพลพวงมาจากการฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบาก

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ The Secret Garden ไม่ใช่หนังที่เล่าผ่านเหล่าผู้ใหญ่ แต่พูดถึงเด็กๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ และตกอยู่ในสภาวะสับสน เพราะผู้ใหญ่ที่พวกเขาอยู่ด้วยกำลังหลงทาง เด็กสาวจากบ้านที่อินเดียมายังคฤหาสน์ที่อังกฤษเพราะพ่อแม่เธอเสียชีวิตจากโรคระบาด แต่มากไปกว่านั้น เธอมีปมฝังใจว่าแม่ไม่รักเธอ เพราะแม่ไม่เคยใช้เวลาอยู่กับเธอเลย ปิดกั้น กีดกั้น ความทรงจำที่มีความสุขมักเป็นช่วงเวลาที่เธออยู่กับพ่อ การที่แม่จากไปโดยที่ยังไม่ได้คลี่คลายเรื่องตรงนี้ ยิ่งทำให้เธอตกอยู่ในความสับสน กลายเป็นส่วนที่ต้องการการเติมเต็ม

เรื่องโดยรวมมันจึงเป็นหนังที่พูดถึงการแสวงหาความสุข หรือพื้นที่ที่จะเติมเต็มชีวิตให้กับเธอได้ ซึ่งถูกบอกเล่าผ่านสวนลับหลังบ้านที่เธอไปเจอโดยบังเอิญขณะเล่นกับน้องหมาพลัดถิ่น สิ่งที่น่าสนใจของสวนดังกล่าวคือมันมีประวัติศาสตร์ มีที่มาที่ไป และเหตุผลที่มันกลายเป็นสวนอัศจรรย์ (ตรงนี้ต้องไปดูในหนังกันเอง) มันเลยไม่ใช่หนังแฟนตาซีที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องเหนือจริงไร้เหตุผล

แต่หยิบเอาวัตถุดิบในเรื่องที่มนุษย์มากๆ อย่าง “ความสุข” และ “ความรัก” มานำเสนอเป็นตัวแทนของความวิเศษ ซึ่งแม้จะไม่ได้ใหม่ แต่ก็น่าสนใจดี น่าสนใจที่หนังหยิบมาใช้งานมากกว่าแค่ความตื่นตาตื่นใจ แต่มันกลายเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ เรื่องของคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่น ซึ่งเป็นส่วนที่เราชอบที่สุดในหนัง เรารู้สึกว่ามันเป็นหนังที่มากกว่าเรื่องของเด็ก เรื่องของผู้ใหญ่ แต่มันกำลังพูดถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตท่ามกลางความเจ็บปวด ความสับสน ในสภาวะที่ไม่อะไรยึดเหนี่ยวได้นอกจากกันและกัน

หนังเด็กหลายๆ เรื่องเรามักจะเห็นว่าผู้ใหญ่มักเป็น Mentor ในการสั่งสอน ชี้แนะแนวทางการใช้ชีวิตเพราะมันเป็นกระบวนการของการเติบโต แต่กับใน The Secret Garden เด็กๆ เหล่านี้ต้องเติบโตกันเอง ผ่านการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น ผ่านความทรงจำของคนอีกรุ่นหนึ่ง ความผิดพลาด ความเจ็บปวด และความงดงามที่เกิดขึ้น และส่งต่อมายังพวกเธอ จนเกิดเป็นเมสเสจที่น่าสนใจมากๆ เมื่อท้ายที่สุดผู้ใหญ่กลับต้องพึงพาความคิดของคนรุ่นใหม่ ต้องการความหวังจากคนรุ่นลูก (ยิ่งไปกว่านั้น ความเจ็บปวด ความสับสน ยังทำให้พวกเขากักขังชีวิตของคนรุ่นลูก สร้างปมในใจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเยียวยา)

ชอบไอเดียที่หนังเปรียบเปรยความเศร้าเป็นอาการเจ็บป่วย บอกเล่าผ่านเด็กหนุ่มลูกคุณลุงที่นอนติดเตียงมาตั้งแต่เด็ก ชอบที่ความป่วยไข้มันส่งต่อจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น แต่มันไม่ใช่ความป่วยไข้จริงๆ แต่เป็นความทุกข์ ความเจ็บปวด ที่ไม่สามารถคลี่คลายได้อย่างถูกต้อง จนปรากฎลงในรุ่นลูก เฉกเช่นปมฝังใจของเด็กสาวที่เกิดมาจากแม่เหินห่าง หนังค่อยๆ พาผู้ชมไปหาจุดเริ่มต้นของปมปัญหาสำคัญทั้งหมด เรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากมัน

ประเด็นนี้ก็อาจนับรวมไปถึงเรื่องของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นเด็ก พอรู้เรื่อง จำความได้ สงครามก็สิ้นสุด แต่ไม่ได้แปลว่ามันจบลงจริงๆ หากแต่ส่งผลกระทบมายังคงที่อยู่ในประสบการณ์ทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งหนังมอบให้คนรุ่นใหม่มีหน้าที่ในการเยียวยาเรื่องดังกล่าว แม้ว่าจะหมายถึงการต้องปลดแอกแหกกฎกติกาของคนรุ่นก่อนก็ตาม

The Secret Garden อาจจะไม่ใช่หนังที่โดดเด่นในแง่ของการเป็นหนังแฟนตาซี แต่ก็สามารถใช้ความเป็นหนังแฟนตาซีในการบอกเล่าเรื่องราวดราม่าได้อย่างน่าสนใจ เต็มไปด้วยประเด็นอันหลากหลาย ที่แม้จะพูดถึงช่วงเวลาในอดีตแต่ก็สามารถสะท้อนมาสู่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ได้ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากเนื้อเรื่อง เราประทับใจงานภาพ และการออกแบบศิลป์ของหนังนะ นอกเหนือพื้นที่ในสวนลับจะสวยงามมากๆ เราก็ชอบการสร้างบรรยากาศในคฤหาสน์ที่มัวหมอง และคอนทราสกับอีกพื้นที่มากๆ (ยังไม่นับรวมเสียงโหยหวนตอนกลางที่ชอบมากๆ อีกนิดจะคอนจูริ่งแล้ว บรื๋ออออ) ใครสนใจหนังดราม่าแฟนตาซี ถือว่าเป็นอีกโปรแกรมที่แนะนำให้ไปชมกันฮะ

----------------------------------------------------

>> ดูหนังดูซีรีส์ออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<