Short CommentAngel Flight (2023)เล่าเรื่องความตายอย่างงดงามมีความหมายกับชีวิตที่จะคิดถึงใครสักคน โศกแต่อบอุ่นไม่ฟูมฟายถ้าท่านผู้อ่านติดตามดูไปบ่นไปมาพอประมาณก็จะพอทราบว่าผู้เขียนนิยมดูละครหรือซีรีส์หรือจะเน้นๆเข้าไปอีกคือดูงานเกาหลีเป็นหลักคือดูทุกวันเรื่องต่อเรื่องและอาจเพราะหาดูได้ง่ายหลายช่องทางก็มีส่วน แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคืองานจากญี่ปุ่นที่ผู้เขียนมักไม่ปฏิเสธแต่บางครั้งก็นึกน้อยใจว่าหาดูไม่ง่ายหรือถ้ามีงานใหม่ก็จะไม่ค่อยทราบเพราะไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์ที่มากพอ กระนั้นในปัจจุบันเมื่อสตรีมมิ่งมีการแข่งขันก็สูงงานจากญี่ปุ่นก็มีมาให้ดูมากขึ้นแม้จะยังไม่เท่าเกาหลีแต่อย่างน้อยก็ยังดีที่มีให้ดูโดยเฉพาะงานใหม่ๆ อย่างเรื่องนี้สารภาพว่าผู้เขียนดูเพราะนักแสดงเรียวโกะ โยเนคุระที่ผู้เขียนติดตามดูเธอมาจาก Doctor-X ทั้งเจ็ดซีซันมีซีรีส์เรื่องอื่นบ้างก็พยายามดู กับอีกคนที่ผู้เขียนชอบการแสดงของเธอจาก Love Like the Falling Petals (2022) คือโฮโนกะ มัตสึโมโตะ แล้วเมื่อสองคนนี้มาเจอกันในงานซีรีส์ดราม่าที่ว่าด้วยเรื่องของการเรียนรู้ชีวิตและการเปลี่ยนผ่านทางทัศนคติ โดยมีเรื่องเล่าจากความตายหรือคำพูดของร่างของผู้เสียชีวิตที่เป็นแนวที่ผู้เขียนชอบเพราะมันคือเรื่องชีวิตจริงแบบนี้มีหรือจะไม่รีบเปิดดูแองเจิลฮาร์สคือบริษัทที่รับงานบริการขนส่งร่างผู้เสียชีวิตข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ และเมื่อร่างผู้เสียชีวิตมาถึงก็มีหน้าที่ตกแต่งร่างที่ไร้วิญญาณนั้นให้กลับสู่สภาพที่ใกล้เคียงกับตอนมีชีวิตที่สุดแล้วจึงขนส่งร่างนั้นให้กับญาติเพื่อบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป และน้องใหม่ในบริษัทที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่คือทาคาคิ ริงโกะ (โฮโนกะ มัตสึโมโตะ) ที่ไม่คิดว่าจะต้องมาทำงานกับศพเพราะคนส่วนใหญ่มักจะรังเกียจและกลัว แต่ไม่ใช่กับคนในแองเจิลฮาร์สโดยเฉพาะประธานอิซาวะ มาอิ (เรียวโกะ โยเนคุระ) ที่มีทัศนคติที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อส่งผู้เสียชีวิตกลับบ้านเพื่อการร่ำลาครั้งสุดท้าย ซึ่งริงโกะเองก็เหมือนมีปมในใจเรื่องแม่ที่เข้ากันไม่ได้และการพยายามอยู่กับแองเจิลฮาร์สอาจเพราะต่อต้านแม่แต่เมื่อผ่านไปริงโกะที่ได้ทำงานร่วมกับมาอิหลายเคสเข้าก็ได้เรียนรู้ เพราะทุกร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกปฏิบัติด้วยการให้เกียร์ติและเคารพไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครจะมีเรื่องเล่าอยู่ที่เป็นกระจกสะท้อนชีวิตอยู่เสมอ แต่เบื้องหลังทัศนคติที่ดีต่องานของมาอิที่จะหล่อหลอมทัศนคติของริงโกะก็มีปมบางอย่างที่มาอิไม่สามารถปล่อยวางได้เล่าเป็นตอนจบในตอนแบบซีรีส์ญี่ปุ่นทำให้จับใจหลากหลายแง่มุม ในความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ส่วนมากจะเล่าเป็นตอนๆจบในตอนแยกภารกิจชัดทำให้มีเนื้อหาที่หลากหลายมาให้จับใจในหลายแง่มุม ซึ่งจากทุกเรื่องที่เล่าก็ครอบคลุมทุกมิติทางใจที่สักวันหนึ่งชีวิตคนเราก็ต้องพบเจอทั้งเรื่องของของครอบครัวความรักในหลากหลายแง่มุมเรื่องมิตรภาพและชนชั้นและความเสมอภาคเพราะร่างผู้เสียชีวิตก็คือความเสมอภาคเมื่อมนุษย์สิ้นชีพทุกอย่างก็เท่าเทียม โดยที่มีเรื่องหลักคือเรื่องของชีวิตของตัวละครสองคนที่มีปมในใจที่เก็บไว้ต่างกันและความจริงเห็นชัดว่าเค้าลางของโครงเรื่องเทไปทางตัวละครที่ต้องเรียนรู้และยอมรับทั้งเรื่องชีวิตและการทำงานของโฮโนกะ มัตสึโมโตะ ทว่าบทกลับเทไปให้ตัวละครของเรียวโกะ โยเนคุระที่รับบทพี่เลี้ยงและเป็นคนที่ทัศนคติต่องานที่ไม่มีใครอยากทำแบบนี้ดีที่สุดและเธอก็มีเหตุผลของตัวเองและมีขื่อคาที่ต้องแบกที่น่าค้นหา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเรื่องกลับไม่เสียทรงแต่ดูมีเหตุผลและมีพัฒนาการทำให้เมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็ลงตัวจับใจแต่กับคนบางคนกลับไม่ได้รับการปลดเปลื้องจนอยากให้มีซีซันต่อไป ไม่มีที่ที่เป็นของเราหรอกมันต้องสร้างเองทั้งนั้น แก่นของเรื่องที่เล่าเรื่องจากความตายในหลากหลายแง่มุมผ่านตัวละครที่ต้องฝืนทำหน้าที่แบบนี้โดยมีพี่เลี้ยงคอยปรับเปลี่ยนทัศนคติด้วยเหตุผลที่ว่า "การดูแลความตายคือการดูแลชีวิตคนเป็น คนที่เหลืออยู่จะต้องมีชีวิตต่อไปให้ดีให้ได้ เพื่อการนั้นอย่างน้อยก็ช่วยให้ได้บอกลากันครั้งสุดท้ายให้ได้เสียใจอย่างเต็มที่" และอาจไม่บังเอิญที่ไปพ้องกับงานหนังอย่าง Departures (2008) เต็มที่เมื่อที่ที่เป็นของเราอาจไม่ใช่สิ่งที่มีเพื่อเราแต่เราอาจต้องปรับทิศทางชีวิตให้อยู่ในที่ที่เราจะอยู่ได้เหมือนกับทาคาคิ ริงโกะที่ต้องปรับจูนตัวเองผ่านคนที่สร้างที่ของตัวเองแล้วคืออิซาวะ นามิ กระทั่งเรื่องที่เล่ามาเรื่องย่อยก็ยังมีเจตนาทำนองนี้บอกไว้ที่อาจไม่ใช่ความโศกบนความหม่นแต่เป็นความโศกที่งดงามเมื่อที่ที่บอกลาผู้เสียชีวิตในขณะเดียวกันก็เป็นที่ที่ยอมรับการจากไปด้วย จึงเห็นได้ถึงความเคารพในการทำงานเพื่อฟื้นคืนสภาพของผู้เสียชีวิตให้กลับมาใกล้เคียงกับตอนมีชีวิตที่สุด เพื่ออะไรก็เพื่อปลอบประโลมจิตใจของผู้อยู่หลังเพื่อที่จะเข้าใจแล้วปล่อยวางและใช้ชีวิตให้ดีต่อไปคนเราจะรู้สึกตัวก็ต่อเมื่อสูญเสียไปแล้ว แม้มีอารมณ์โศกอยู่ในทุกตอนแต่ทุกเรื่องที่เล่าก็งดงามมีความหมายเพราะเรื่องเล่าจากผู้จากไปธำรงจิตใจให้ผู้อยู่ข้างหลังเสมอ กับบางอย่างที่ไม่มีโอกาสได้พูดหรือบอกความจริงออกไปหรือมีอะไรที่ค้างคาใจต่อกันที่ไม่ได้เฉลย แน่นอนการที่ยังอยู่ก็อาจมีบางอย่างที่ฉุดรั้งไว้ไม่ให้เอ่ยมันออกมาและบางคราก็ต้องเล่าออกมาด้วยความรำลึกถึงเมื่อเวลาที่ใครคนนั้นต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะเรื่องความรักความห่วงใยมิตรภาพและความขุ่นเคืองได้หล่อหลอมเข้ากับชีวิตในทุกลมหายใจสิ่งที่ตามมาคือทิฐิที่มาบังตาไม่ให้มองเห็นคุณค่าของการอยู่ด้วยกัน จนเมื่อต้องจากไปความคิดถึงที่เข้ามาเกาะกุมทุกความทรงจำที่ดีหรือช่องว่างในหัวใจที่ได้ถูกทิ้งไว้ให้กันก็เปิดออกมา สิ่งที่ตามมาคือจะมองเห็นแค่ความสวยงามของความทรงจำที่มีให้กันและเมื่อออกมาแบบนี้ทุกเรื่องก็กัดกินหัวใจจนยากจะกลั้นน้ำตาเพราะว่าบางอย่างกว่าจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรก็ได้สูญเสียไปแล้ว แน่นอนเมื่อมองผ่านทุกเรื่องที่เล่าไม่มีทางที่คนดูจะไม่คิดถึงใครสักคนในชีวิตเพราะชีวิตคนเราต้องเจอเรื่องแบบนี้กันทุกคนการแสดงที่โดดเด่นเล่นได้ทุกอารมณ์ที่เป็นลักษณะเด่นของชนชาติ เมื่อเล่าด้วยความโศกแบบนี้สิ่งที่ต้องทำให้ดีคือการสื่อถึงความโศกเสียใจและการยอมรับที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ดูจงใจ ซึ่งความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่จะไม่เล่นอะไรเกินเบอร์ในเรื่องที่ต้องการจับใจคือค่อยๆเล่าให้เกาะกุมหัวใจแบบนี้คือส่วนที่ดีที่สุด และเรียวโกะ โยเนคุระก็คู่ควรได้รับการยกย่องเมื่อเธอยังคงเป็นเธอที่บางครั้งก็ดูเหมือนบุคลิกเดิมๆที่คุ้นตา แต่เมื่อต้องมาแสดงออกเชิงทัศนคติก็กลายเป็นไร้ที่ติจนทุกครั้งที่เธอครุ่นคิดหรือเธอเศร้าคนดูก็จะเป็นไปตามนั้น ส่วนที่ต้องเชิดชูอีกคนคือโฮโนกะ มัตสึโมโตะที่มีปมในใจเป็นปริศนาหลักของเรื่องและมีแววของความไม่ประสีประสาในตอนต้นจนกลายมาเป็นทัศนคติที่มีต่องานเต็มเปี่ยมในตอนท้ายเพื่อรับผิดชอบอารมณ์คนดูในภารกิจสุดท้ายได้อย่างไร้ที่ติเช่นกัน เรื่องนี้จึงเดินเรื่องด้วยอารมณ์ของคนสองคนโดยมีนักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยมที่ถ่ายทอดลักษณะเด่นของคนญี่ปุ่นออกมาได้อย่างมีพลังจนกลายเป็นว่านักแสดงสมทบที่เป็นคนต่างชาติกลายเป็นจุดอ่อนให้สังเกตได้ชัด จนเมื่อดูจบยังอยากให้มีต่อเพราะมิติของตัวละครบางคนครองใจคนดูไปเรียบร้อยนี่คือคือซีรีส์ที่มีอะไรให้สัมผัสแทบตลอดเวลาขนาดแค่เพลงกับภาพยังขมในลำคอ สำหรับเรื่องนี้บอกเลยว่าเพลงสะกดอารมณ์อย่างที่สุดเพราะแค่ภาพกับเพลงประสานกันคนดูก็อาจต้องหยิบผ้าเช็ดหน้า ไม่นับเรื่องย่อยๆที่เล่าเรื่องของเรื่องเล่าของร่างผู้เสียชีวิตไม่ใช่ศพที่จะมีความโศกเศร้าในตัวเพราะมิติของเรื่องเล่าได้แล้วจึงไม่ต้องเล่นใหญ่ ปล่อยให้ภาพและเพลงสื่อสารอารมณ์ก็สัมผัสได้จนขนลุกขอบตาอุ่นชื้นแม้จะยังไม่รู้ว่าเรื่องที่เล่าจะมีบทสรุปยังไงแต่ก็รู้ว่าทุกเรื่องที่เล่าจะต้องมีอะไรงดงามตามมาและก็เป็นเช่นนั้นจริง แต่ก็ใช่ว่าจะตั้งท่ามามอบบทเรียนชีวิตผ่านความโศกสลดท่าเดียวยังมีอารมณ์ขันให้มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เหมือนกับจะบอกกับคนดูว่าการจากไปของคนหนึ่งหาใช่วันโลกสลายแต่ต้องยอมรับและอยู่ต่อไปก็น่าจะเป็นเช่นนั้น น่าเสียดายที่เมื่อเรื่องเล่าเป็นตอนย่อยๆมีเวลาเล่าตอนละประมาณห้าสิบนาทีแต่เรืองแบบนี้บางครั้งก็ละเอียดอ่อนจึงมองเห็นริ้วรอยบ้างประปราย กระนั้นที่น่าสนใจคือมีช่องมากมายที่จะบีบดราม่าแต่ก็เลือกที่จะเล่าไปตามสไตล์งานจากญี่ปุ่นจนทำเรื่องออกมาโศกแต่งดงามและไม่ฟูมฟายดูไปบ่นไปชมตัวอย่างซับไทยได้ที่นี่https://www.youtube.com/watch?v=VTjDGnZ8Skkขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 จาก Instagram ryoko_yonekura_0801ภาพที่ 4,5,6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instageam primevideojpVDO ตัวอย่าง จาก YouTube Prime Video Thailand ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/y1dMl6lymW6Vhttps://entertainment.trueid.net/detail/BR2Gp6eozjgvhttps://entertainment.trueid.net/detail/DvRQW2nwAo3dเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!