"บีม พลังใบ" รับห่วง! มือใหม่สายเขียว ใช้กัญชาอันตรายถึงชีวิต
หลังจากปลดล็อก กัญชาเสรี ทำสายเขียวได้เฮ แต่จะนานแค่ไหน มีกฎหมายควบคุมอย่างไรบ้าง และมือใหม่ ควรปรับตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดโทษบาง รายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต!!
คนบันเทิง อย่าง หนุ่มบีม ศรัณยู ประชากริชหรือ “บีม พลังใบ” เป็นหนึ่งคน ที่อดห่วงคนไทยไม่ได้หากจัดหนักเกินไปเพราะขาดความรู้และคึกคะนอง “ในต่างประเทศต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง พอประชาชนเริ่มมีความรู้ในการใช้ คุมประพฤติตัวเองได้ และมีวุฒิภาวะพอเขาก็สามารถเปิดเสรี แต่ในบ้านเราพอปลดล็อก สายเขียวบางคนยังแยกไม่ออกว่า กัญชาไทยมีค่า THC หรือ CBD อย่างไร กัญชานอกสายพันธุ์ต่างๆ ใช้ในทางการแพทย์ หรือสันทนาการ ปรับจิตใจ และสารในสมองนั้นใช้อย่างไร เลยทำให้เกิดเหตุเสียชีวิตหรือว่าเสพเกินขนาด ไม่ว่าจะด้วยการกิน การสูบ หรือว่าการหยดก็ตาม จึงอยากให้ทำความเข้าใจ หาความรู้ วิธีการใช้ เริ่มตั้งแต่ 1 ไม่ใช่ข้ามขั้นไปที่ 10 เลย
เรื่องการเสรีกัญชานั้น แน่นอนว่าสายเขียวจะต้องเฮกันแน่นอน เพราะว่าเป็นธุรกิจที่ขึ้นมาบนดินแล้ว สามารถต่อยอดได้ เรียกได้ว่าทัดเทียมต่างชาติ เพราะตอนนี้มีเพียง 5 ประเทศที่เปิดเสรีอย่างนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น
ทั้งนี้ การที่นำไปประกอบอาหาร โดยไม่มีการควบคุม หรือเขียนระบุอย่างชัดเจนเลย ตนมองว่าเหมือนเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเลย เพราะกัญชามีฤทธิ์ทำให้คนตายได้ หลายคนบอกกัญชาไม่ทำให้คนตาย มันไม่จริง ความต้านทานของแต่ละคนไม่เท่ากัน ด้วยธรรมชาติของแต่ละคน บางคนทานเข้าไป หรือมีการใช้เข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น บางทีอาจจะทำงานไม่ได้ไปทั้งวัน
ตอนนี้เห็นมีซื้อขายกันแล้ว มีเป็นคาเฟ่ให้เราได้เข้าไปเลือกแต่ละสายพันธุ์ให้เข้ากับตัวเอง ทางร้านก็จะแนะนำให้ แต่ที่ไม่แนะนำเลยคือคนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะทางจิตผิดปกติ และคนที่เป็นแพนิกง่าย เพราะหากใช้แล้ว จะยิ่งกังวลยิ่งกว่าเดิม เราต้องรู้ประมาณตัวเอง การจะใช้ช่อดอกหรืออะไรก็ตาม โดยเมื่อก่อนในไทยจะเป็นกัญชาอัดแท่ง ในนั้นมีทั้งสารเคมีต่างๆ ไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพ จึงทำให้เกิดอาการมึน และอาเจียนได้ แต่กัญชานอกมันมีสายพันธุ์ มีการวิจัย มีเครื่องตรวจคุณภาพ เขารู้ข้อมูลกันตั้งแต่เมล็ดเลยว่าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์คืออะไร ทีนี้คนที่อยากลองควรจะเริ่มจาก THC ที่น้อย ไม่เกิน 0.2% ซึ่งเป็นพวกกัญชง ตรงนี้สามารถใช้ได้ในการเริ่มต้น
ด้าน ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ออกมาเผยเกี่ยวกับกัญชา ให้ความรู้ว่า "แบ่งผู้ใช้ ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เสพอยู่แล้ว กลุ่มนี้คงไม่ได้ไปควบคุมเขาแล้ว เพราะเขาคงใช้เป็น แต่จากสิ่งที่เห็นจากข่าว ว่ามีอันตราย มีโทษจากกัญชา
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่สอง คือกลุ่มเฉยๆ ไม่ได้บวกไม่ได้ลบ แล้วไปเจอปัญหาจากกัญชา กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กังวลมากที่สุด เพราะขาดความรู้ อีกกลุ่ม คือ กลุ่มอยากลอง กลุ่มนี้มีแน่นอน เพราะตอนปลดล็อกตอนแรกที่ใช้ในการแพทย์ ก็มีคนอยากลองน้ำมันกัญชา แต่ล่าสุดก็อยากลองสูบ ทีนี้การสูบมันจะออกฤทธิ์เร็ว มันจะเมาแล้วจะมีปัญหาตามมา
แต่จะมีอีกอย่างที่น่ากลัวกว่า คือการกิน การกินจะออกฤทธิ์ช้า แต่เมานานมาก บางรายเมาไปหลายวันเลยทีเดียว แล้วแก้ปัญหายากมาก ดังนั้น ควรจะแยกการควบคุมแต่ละกลุ่ม อย่างไรก็ตามการปลดล็อกกัญชานั้น อยากให้ช่วงเวลา 2 เดือนก่อนที่จะมีการออกพ.ร.บ.มาควบคุม แทนที่จะมีออกมาร้องเรียนกัน เราออกมาให้ความรู้กันดีกว่า เพราะจะมีกลุ่มเปราะบางด้วย พวกที่เป็นโรคหัวใจ โรคประจำตัวต่างๆ หรือคนตั้งท้อง ให้นมลูกอยู่ อันนี้ไม่ควรใช้กัญชาอย่างยิ่ง ต้องบอกสายเขียวด้วยว่า คุณใช้ของคุณตามกฎหมาย แต่คุณต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น"
การนำประกอบอาหาร ถ้าทำกินเองที่บ้าน ทำไปไม่มีใครว่าอะไร ทำเองกินกันเอง แต่เมื่อใดก็ตามที่ทำไปขาย คุณต้องบอกผู้บริโภคว่าใส่อะไรไปบ้าง ใส่ใบ หรือ ใส่ช่อดอก สาร THC คนละระดับเลย และวิธีการปรุงถ้ามีน้ำมัน กับเนยเข้ามาเกี่ยวข้องสาร THC จะยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
ร้านอาหารต้องรู้ ! ใส่กัญชาได้มาก-น้อยแค่ไหน?
1.แสดงข้อมูลว่าเป็นร้านที่ใช้กัญชา
2.แสดงรายการอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา
3.แสดงข้อมูลปริมาณการใช้กัญชาในอาหาร
4.แสดงข้อแนะนำ เพื่อความปลอดภัยในการกินอาหาร
5.แสดงคำเตือนให้แก่ผู้บริโภคที่มีความเสี่ยง
6.ห้ามโฆษณาสรรพคุณในการป้องกันหรือรักษาโรค
ส่วน เรื่องการสูบ หากสูบในบ้านตัวเอง แล้วกลิ่นไม่ได้ไปรบกวนคนอื่น ข้อนี้ไม่ผิดเพราะกฎหมายไม่ได้เขียนห้ามไว้ แต่กฎหมายก็ยังไม่ครอบคลุม ยังมีช่องว่างอยู่ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเองไม่ให้รบกวนคนอื่น
ข้อมูลจาก : รายการถกไม่เถียง