แคทรียา ข้องใจ เมเปิ้ล บริหารงานยังไง ใครจะบ้าให้เอาเงินตั้ง 4 ล้าน ไปเผาทิ้ง
แคทรียา ข้องใจ เมเปิ้ล บริหารงานยังไง ใครจะบ้าให้เอาเงินตั้ง 4 ล้าน ไปเผาทิ้ง
แคทรียา ข้องใจ เมเปิ้ล / หลังจากที่ แคทรียา อิงลิช นักแสดงมากฝีมือ ได้นำเงินเก็บส่วนตัว 4 ล้านกว่าบาท ร่วมหุ่นเปิดร้านทำเล็บ กับ เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์ แต่ร้านกลับไปไม่รอด จนได้ปิดตัวลงในที่สุด และได้มีการให้สัมภาษณ์กันคนละที โดย เมเปิ้ล ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจไม่ได้โกงเงินแต่อย่างใด ส่วนทางด้าน แคทรียา ก็บอกว่าไม่ได้กล่าวหาว่าโกง แต่ต้องการความชัดเจน ถึงเรื่องการเงินและขอดูบัญชีการเงินต่างๆ
ล่าสุด แคทรียา ได้ให้สัมภาษณ์ เปิดใจอีกครั้ง ถึงเรื่องที่ดังกล่าว โดย แคทรียา เผยว่า “โอนไปให้ร้าน 4 ล้านกว่า เงินที่เซ้งร้าน 4 แสนกว่าก็ไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง อุปกรณ์ที่ซื้อเป็นล้านๆ ฉันก็ออกครึ่งนึง เราตกลงกันแล้วว่าทุกอย่างคือครึ่งนึง ตอนที่เซ้งก็ไม่รู้ว่าเซ้งร้าน”
แค่ต้องการรายละเอียดว่า เงิน 4 ล้าน เอาไปใช้อะไร “ใช่ เพราะว่าถ้ารวมกัน 50/50 แคทลงทุนไป 4 ล้านกว่า แล้วเงินทั้งหมด ทั้งหมด ร้อยเปอร์เซ็นต์ เยอะอยู่นะสำหรับร้านทำเล็บ”
เมเปิ้ลบอกว่า เขาออกไปอีก 2 ล้าน “อีก 2 ล้านไม่เกี่ยวแล้ว เพราะว่าได้ออกจากการเป็นกรรมการ เพราะฉะนั้นอย่ามาโบ้ยขี้ อย่าโยนขี้ใส่ เพราะว่าคุณเป็นคนบริหารเอง จริงๆตลอดมาก็ไม่อยากจะออกมาพูดอะไร แต่ในเมื่อเขาออกมาต่อว่าเราเยอะขนาดนี้ ก็มาเคลียร์กันก่อนนะ คือหนึ่ง ที่ข่าวออกมาครั้งแรก แคทไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว แคทไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำ แล้วมาถามว่าแล้วใครเป็นคนปล่อย อันนี้อย่ามาโบ้ย ฉันไม่รู้เรื่อง เพราะฉันก็ตกใจเหมือนกัน ถ้าฉันอยากให้เป็นข่าว ฉันให้เป็นข่าวไปตั้งแต่ปีกว่าแล้ว ไม่ใช่มาตอนนี้ ตอนที่มีมาถามแคท เรื่องอักษรย่อ แคทยังขอกลับไปดูรายละเอียดก่อนแล้วกัน แต่ถามว่าใช่หรือเปล่าก็น่าจะใช่มั้ง แต่มันไมใช่มาจากแคท ใครเป็นคนปล่อยข่าว”
“แล้วมาบอกว่าต้องมาขอโทษเขา หาว่าเราบอกว่าเขาโกง แคทไม่ได้ว่าเขาโกง กลับไปดูดีๆ ไม่เคยพูดคำว่าโกง บอกว่าแคทลงทุนไป 4 ล้านกว่า อยากรู้ว่าเงินของแคทหายไปไหนหมด ไม่ใช่แค่เงินแคท เงินลงทุนทั้งหมดมันเยอะขนาดนี้ คุณเอาไปทำอะไรเยอะขนาดนั้น มีแต่คนตกใจว่าแค่ 2-3 ล้าน นี่คือหรูแล้วนะ”
“ซึ่งไม่ใช่แค่คุณลงทุนอยู่คนเดียว คือแคทโอนให้เขาอย่างเดียว แล้วบอกอีกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเปิ้ลบริหารให้เอง ถ้างั้นก็บริหารเลย เราก็ใจนะ ไม่มีเวลาจะเข้าไปดูเราก็บกพร่องเองว่าไว้ใจ และเอาใจให้เขา พี่แคทมีค่านี่ๆ เราโอนๆๆ เขาบอกว่ามีเอกสารทุกอย่าง แต่มันก็มีอะไรที่มันขาดๆอยู่ ฟังแล้วมันไม่ใช่”
ตอนนี้มีข้อสงสัยเยอะ “เยอะ เขาเอาเอกสารมาให้ ก็เนี่ยกำลังตรวจสอบอยู่ งบการเงินที่เขาเอามาให้ก็มีอะไรน่าสงสัยอยู่ในนั้นด้วย งงๆแฮะ (แต่จะมาเอาคำขอโทษจากเรา) จะขอโทษทำไมคุณบริหาร คุณบริหารยังไงให้เจ๊ง ถ้าคุณบอกว่าขาดทุนมันไม่ใช่ความผิดของฉันแล้ว เพราะฉันโอนอย่างเดียว ไม่ได้ไปบริหารกับคุณ แล้วมาบอกว่าพี่แคทตื้ออยากจะมาเป็นหุ้นส่วน มันไม่เกี่ยวว่าตื๊อหรือไม่ตื๊อ ถ้าคุณไม่ให้ฉันเป็น แล้วฉันจะทำอะไรต่อ ใครจะบ้าเอาเงิน 4 ล้าน มาให้คุณเผาทิ้ง ฉันทำงานด้วยตัวฉันเอง ฉันหาเงินมาได้ด้วยตัวฉันเอง นี่คือเงินเก็บของฉันที่ฉันแทบจะไม่มีเงินกินข้าว แล้วฉันต้องออกมาขอโทษเพราะอะไร กับคำพูดที่ฉันไม่ได้พูดออกมา อย่ามาโยนขี่ใส่ เราใจดีขนาดนี้ ยังออกมาต่อว่าฉันอีก มันไม่สมควรมากๆ”
เงิน 4 ล้านจะได้คืนไหม “ก็เดี๋ยวดู มันก็เป็นประสบการณ์เหมือนกัน กับอีแค่บอกว่าเซ้งร้าน เขาบอกว่าเซ้งร้านแต่พอไปที่ร้านเขาก็ยังมีกุญแจอยู่นะ แล้วของในร้านไม่อยู่ในนั้นหมดแล้ว บอกว่าคนใหม่เอาไปเก็บ ก็แล้วแต่ แต่ก็ไม่มีหลักฐานการซื้อขาย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะเซ้งร้าน แล้วตอนที่ขายก็ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง แคทบอกเขาแล้วว่าไม่ไหว โอนเงินอย่างเดียวแต่ไม่มีเงินกลับมาสักบาท เป็นไปได้ยังไงลูกค้าก็มี แล้วคุณบริหารเงินยังไง บริหารลูกค้ายังไง ในเมื่อต่อว่าฉันเยอะแล้ว ฉันก็ขอพูดเหมือนกัน เปิ้ลเขาเป็นคนไม่ดูแลเรื่องเงิน แม้กระทั่งโต๊ะกาแฟจะไปซื้อ หมื่นห้า จะซื้อทำไมโต๊ะหมื่นห้า มาเดี๋ยวฉันพาไปดูตัวละห้าร้อย ลับหลังก็มีไปซื้อของโดยไม่บอกแคท บางทีบอกไปซื้ออุปกรณ์ ก็เซ็นไป ไปซื้ออุปกรณ์ เราสะเพร่าเอาแหละที่ไว้ใจไง”
ก็เป็นความผิดเราส่วนหนึ่งที่ไว้ใจ “ผิดที่ไม่ละเอียด ผิดที่ไว้ใจมากเกินไป”
แต่วันนี้ยังมีเรื่องที่ติดใจ “ไม่ได้ใช้คำว่าโกง บอกว่าอยากรู้รายละเอียดที่เอ๊ะ!อยู่ตอนนี้ มันคืออะไร แต่ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจเอกสารทั้งหมด แต่ก็มีเอกสารบางส่วนที่ขอมานานมากแล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ด้วย”
เขาท้าสัมภาษณ์คู่ “ก็เอาสิ แคทบอกแล้วว่าหลักฐานก็คือหลักฐาน เราไม่เคยออกมาต่อว่า ว่าแกโกงฉันนะ ไม่เคยพูดคำนั้นเลย แค่ฉันต้องการรายละเอียด คุณเอาเอกสารมาก็เพิ่งได้เอกสารมาเมื่อไม่นานนี้เอง แล้วทนายก็กำลังดูอยู่”
อีกเรื่องที่บอกว่า เรียกประชุมทีไรก็ไม่มาประชุม “ฉันถ่ายละคร แล้วบางทีก็ไม่มีการบอกด้วย ก็มีกันอยู่ 2 คนเนี่ย คุณก็ดูตารางของฉันสิ ฉันไม่ได้อยู่เฉยๆ ฉันนอนตีพุงอยู่บ้าน วันไหนที่คุณนัด อ่อวันนี้พี่ไม่ว่าง ก็โอเคเขาก็ประชุมของเขาไป”
อุปกรณ์ที่เซ้งร้านไป คือเอาเงินมาจ่ายให้กับพนักงานที่ค้างอยู่ และเมมเบอร์ที่เคยซื้อไว้ “ก็นี่ไง คุณบริการยังไงหล่ะ ถ้าคุณจะโยนขี้ใส่ฉัน ฉันไว้ใจคุณ แล้วการบริหารหล่ะ ฉันไม่ได้แตะเลยตั้งแต่แรก”
“เอาจริงๆ ถ้าจะมาบอกว่าพี่แคทตื๊อเอง ถ้าคุณให้ฉันมาเป็น จะตื๊อแค่ไหนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ก็ได้ แค่บอกยืนยันฉันไม่เอา ถามหน่อยแคทจะไปบอกว่าต้องการขนาดนั่นหรอ เอาจริงๆ จะตื๊อสักแค่ไหน พี่แค่ในเมื่อเปิ้ลเปิดอยู่แล้ว เราก็จะได้เสริมต่อ จะได้ไม่ต้องไปเปิดร้านใหม่ ไม่อย่างนั้นฉันก็ได้เต็มๆ แสดงว่าคุณก็ต้องเห็นผลประโยชน์จากเราเหมือนกัน ที่จะยอมให้เราเป็นหุ้นส่วนด้วย”
ตอนนั้นไม่ใช่ช่วงโควิด “ใช่ ไม่ใช่ช่วงโควิด ถ้าไม่มีโควิดแล้วทำไมถึงไม่มีรายได้เข้ามาเลยสักบาท ถ้าอย่างนั่นจะโทษโควิดก็ไม่ได้ เพราะว่าคุณขาดทุนตั้งแต่โควิดแล้ว”
เหมือนเอาเงินเราไปหมุนช่วงนั้น “ใช่ แล้วก็ติดลบตลอดเลย ทั้งๆที่ลงทุนไปอีก 4 ล้านกว่า”
ณ วันนี้ไม่ได้หวังเงิน 4 ล้านคืน แค่ต้องการ “ต้องการความชัดเจน แล้วถ้าได้เงินคืนบ้างมันก็ดี แต่ ณ เวลานี้ขอความชัดเจนเถอะ แล้วมีเอ๊ะ หรืออะไร ที่มันไม่ใช่บางอย่างมั้ย มีค่ะ มันมี”
ไม่อยากให้เป็นขี่ปากสังคม “ก็ทางนี้ก็บอกไปแล้วไงว่าขาดทุน ก็ขาดทุนเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีลูกค้า คนซื้อเมมเบอร์ก็มี แล้วมันขาดทุนเพราะอะไร ไม่ใช่เมมเบอร์แค่คน 2 คนนะ เท่าที่เห็นมี 10 กว่าคน บางอย่างเขาก็ไม่ปรึกษา ลูกน้องบางคนก็บอก พี่เปิ้ลรับพนักงานใหม่เข้ามา เงินเดือนเยอะมากเลยพี่ รับมาโดยไม่ปรึกษาแคท เงินเดือนทำไมถึงยอมให้คนนี้ เพราะอะไรก็นี่ไง โต๊ะกาแฟหมื่นห้า เพื่ออะไรคุณก็ซื้อห้าร้อยสิ ฉันทำงานฉันเหนื่อยกับการหาเงิน ฉันก็เหนื่อยนะ” ฉันจะเอาเงินมาให้คุณเผาทิ้งเพื่ออะไร เลยงงว่าทำไมถึงมาบอกว่าฉันต้องขอโทษคุณ คุณต้องมาขอโทษฉันที่เอาเงินฉันไปเผาทิ้ง”