The Batman อีกหนึ่งปฐมบทของจักรวาล Batman ซึ่งถูกนำเสนอผ่านทางวิสัยทัศน์ และมุมมองของ Matt Reeves (Cloverfield, Dawn of the Planet of the Apes) โดย Matt Reeves ได้พยายามที่จะนำเสนอ Batman ในฉบับที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด และได้ฉีกออกจากแนวหนัง Superhero ดั้งเดิม ให้เป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนฆาตกรรม ซึ่งมีกลิ่นอายคล้ายกับภาพยนตร์แนวอาชญากรรมในยุค 70s เพราะฉะนั้นสิ่งที่ Matt Reeves ต้องการนำเสนอจึงไม่ใช่ Batman ที่สวมชุดปราบปรามเหล่าร้าย ผดุงความยุติธรรมเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็น Batman ในฉบับที่ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทค มีบาดแผลจากการต่อสู้ทางร่างกาย และบาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา รวมไปถึงความสับสนวุ่นวาย ความต้องการล้างแค้น ที่ได้นำเสนอผ่านความรุนแรง ที่แฝงอยู่ในตัวตนของ Batman ตลอด 3 ชั่วโมง ในจอภาพยนตร์ รับชม The Batman (2022) ได้แล้วที่ TrueIDBatman ในแบบฉบับของภาพยนตร์สืบสวน ผ่านเบื้องหลังสังคมอันเน่าเฟะของ Gotham City บท และการดำเนินเรื่อง ของ The Batman นั้นถือว่าทำออกมาได้ดี เห็นได้ชัดเจนว่า Batman ฉบับนี้ได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนในตำนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chinatown (1974), Taxi Driver (1976) และ ภาพยนตร์สืบสวนในยุค 70s อีกมากมาย รวมไปถึงตลอดทั้งเรื่องที่มีกลิ่นอายของภาพยนตร์ในตำนานอย่าง Se7en (1955) ของ David Fincher ซึ่งภาพยนตร์เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่หล่อหลอมให้ Matt Reeves ได้รังสรรค์ The Batman ในฉบับนี้ขึ้นมา ซึ่งจุดสำคัญที่ Matt Reeves ได้พยายามที่จะนำเสนอให้เห็นในภาพยนตร์ คือเรื่องราวของการสืบสวน การแก้ไขปริศนาของการฆาตกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการหาคำตอบในตัวตนของ Batman ผ่านการกระทำต่าง ๆ การต่อสู้ การแสดงออก และการพูดคุย เพราฉะนั้นตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง เราจะได้เห็น Batman อยู่ในทุก ๆ ฉาก จึงทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราได้รับชมอยู่ คือการพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของ Batman อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ การพยายามที่จะสื่อสารผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ผ่านเมือง Gotham ทั้งในเรื่องของแสงสี ผู้คนในเมือง บรรยากาศต่าง ๆ ที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงอาชญากรรม ความเน่าเฟะของสังคมในเมือง Gotham ที่เกินจะเยียวยา การคอร์รัปชั่นของชนชั้นปกครองในเมือง รวมไปถึงชนชั้นล่าง ที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสร้างภาพ และหาเงินของคนรวยเพียงเท่านั้น Gotham จึงไม่ใช่แค่เมืองที่เป็นเพียงพื้นหลังการต่อสู้ระหว่าง Batman กับวายร้ายเหมือนฉบับที่ผ่านมา แต่ Gotham ในฉบับนี้ จะเป็นเหมือนตัวละครสำคัญในเรื่อง ที่เป็นเครื่องมือชั้นดี ในการหล่อหลอมการกระทำของผู้คนในเมือง รวมไปถึงตัวตนของ Batman ในฉบับนี้เช่นกัน Gotham ใน The Batman จึงเป็นเสมือนเครื่องมือสำคัญที่ Matt Reeves ใช้นำเสนอถึงทิศทางที่ชัดเจนของตัวภาพยนตร์เอง ว่าควรจะไปในทิศทางใด รวมไปถึงงานภาพจาก Greig Fraser ผู้กำกับภาพที่ได้ฝากผลงานภาพอันยอดเยี่ยมไว้ในภาพยนตร์เรื่อง Dune (2021) เพลงประกอบจาก Michael Giacchino มือประพันธ์ชื่อดังที่ได้ฝากผลงานการประพันธ์ไว้ในภาพยนตร์มากมาย ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าทั้งงานภาพ และเสียงของ The Batman ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม ที่ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงทิศทางของโทนภาพยนตร์ใน The Batman ได้อย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นตัวบท ในบางจุดก็ยังมีจุดที่สามารถตำหนิได้ โดยต้องยอมรับว่าในช่วงแรกของ The Batman นั้น ทั้งในเรื่องของปริศนาต่าง ๆ ความพยายามในการค้นหาตัวตนของ Batman หรือตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องสามารถสะกดเราให้รู้สึกตื่นเต้น และลุ้นตามได้ตลอดเวลา แต่ด้วยความยาวของภาพยนตร์ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 55 นาที ทำให้เรารู้สึกว่าความรู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรกหายไปหมด และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องตำหนิเลยคือสถานการณ์ของตัวละคร ด้วยความที่ Matt Reeves ได้พยายามที่จะนำเสนอ Batman ในฉบับที่มีความสมจริง และมีความเป็นมนุษย์มากที่สุด ทำให้ในบางสถานการณ์ หรือในบางฉาก เรายังคงได้กลิ่นอายของภาพยนตร์ Superhero อยู่ จึงทำให้เรารู้สึกขัดแย้งกันกับโทนของภาพยนตร์ที่ Matt Reeves ต้องการนำเสนอ แต่ถึงอย่างนั้นภาพรวมต่าง ๆ ใน The Batman ก็ยังคงอยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตัวภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตัวละครในภาพยนตร์ ที่นำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน ทำให้เรารู้สึกว่าช่วงเวลาที่ภาพยนตร์กำลังฉายกลับไม่ได้มีความน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ทุกฉากมีความสำคัญหมดตัวละครทุกตัวมีความโดดเด่น และมีความสำคัญกับทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์ ในเรื่องของนักแสดงนั้น นักแสดงแต่ละคนสามารถนำเสนอ ความชัดเจนของตัวละครออกมาได้อย่างดี โดยเฉพาะ Robert Pattinson (Twilight, Tenet) ที่ได้นำเสนอบาดแผลในใจจากการสูญเสียพ่อแม่ในวัยเด็ก ของ Bruce Wayne รวมไปถึงความกลัว และตัวตนของ Batman ได้อย่างชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า Batman ในฉบับนี้จะไม่ใช่ฮีโร่ในแบบที่เคยเป็นมา แต่จะเป็น Batman ในฉบับที่ใช้ความกลัว และความแค้น เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่ใช้ข่มขวัญเหล่าอาชญากร ซึ่งในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าการแสดง ของ Robert Pattinson ที่พยายามนำเสนอให้เห็นว่า Bruce Wayne ในฉบับนี้ไม่ใช่เศรษฐี นักบุญการกุศล ที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็น Bruce Wayne ที่รู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวังอยู่ตลอดเวลา และ Bruce Wayne ที่ยังคงใช้ชีวิตในอีกตัวตนหนึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่อยู่ภายใต้หน้ากาก เพราะฉะนั้น Batman ในฉบับนี้ จะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความกระหายในการล้างแค้นของตัว Bruce Wayne เอง ซึ่งจะเห็นได้จากร่องรอยของ Eyes Shadow สีดำ ที่ยังคงทิ้งคราบอยู่รอบบริเวณดวงตาของเขาตลอดเวลา แม้จะถอดหน้ากากแล้วก็ตาม Batman ฉบับนี้ จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า Batman ฉบับนี้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากฉบับที่ผ่านมาอย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมีตัวละครอื่นอีกมากมาย ที่เรียกได้ว่าสำคัญกับทุกองค์ประกอบของเรื่อง และมีความสำคัญกับทุกเรื่องราวในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นZoë Kravitz รับบท Selina Kyle (Cat Women) หญิงสาวที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากเมืองที่เน่าเฟะอย่าง GothamJeffrey Wright รับบท James Gordon นายตำรวจ ซึ่งถือได้ว่าเป็นคู่หูนักสืบของ Batman ซึ่งในฉบับนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า James Gordan มีความสนิท กับ Batman เป็นอย่างมาก ซึ่งจะต่างจากฉบับอื่น ที่ทำให้เห็นถึงความต่างอย่างชัดเจน ระหว่างมนุษย์กับฮีโร่ ในฉบับนี้ James Gordon จึงเป็นเสมือนเครื่องมือที่ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของ Batman อย่างชัดเจนAndy Serkis รับบท Alfred Pennyworth ในฉบับนี้ Alfred Pennyworth จะไม่ใช่เพียงพ่อบ้านที่รับใช้ และดูแล Bruce Wayne อีกต่อไป แต่เป็น Alfred Pennyworth ในฉบับที่มีความเป็นพ่อ มีความห่วง Bruce Wayne อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งไม่ต่างจากฉบับอื่น ๆ มากนักThe Riddler และ Penguin ในแบบฉบับของ Matt Reeves สิ่งไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือตัวร้ายหลักอย่าง The Riddler ซึ่งรับบท Paul Dano ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น The Riddler ในฉบับที่แตกต่างจากฉบับที่ผ่านมา เหตุการณ์ฆาตกรรมในแต่ละเหตุการณ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความโรคจิต ความเจ้าเล่ห์ และความอันตรายภายในจิตใจ ซึ่งถูกหล่อหลอมมาจากสังคมในเมือง Gotham แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแสดงออกของ The Riddler นั้นก็ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็น Joker อยู่ ถึงแม้จะมีบางฉากที่เราได้เห็นการแสดงของ Paul Dano ในตอนที่ไม่ได้ใส่หน้ากาก และต้องยอมรับว่า Paul Dano ทำได้ดีมาก โดยเฉพาะการแสดงสีหน้าท่าทาง จึงทำให้เสียดายว่า เราได้เห็นการแสดงของ Paul Dano ใน The Riddler เวอร์ชั่นไร้หน้ากากน้อยเกินไป อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของ The Batman คือ Oswald Cobblepot หรือ Penguin รับบทโดย Colin Farrell ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นตัวละครที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งภูมิหลัง หรือการกระทำต่าง ๆ ของตัวละคร ถึงแม้ว่า Penguin ในฉบับนี้จะไม่ได้มีบทบาทมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น แต่ละฉากที่เขาปรากฏตัวออกมา ก็สามารถทำให้เรารู้สึกสนใจตัวละครนี้ได้ตลอดเวลา ซึ่งต้องยอมรับว่าการ Make up ของทีมงาน รวมไปแสดงของ Colin Farrell ได้ถ่ายทอด และนำเสนอความเป็น Penguin ในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างน่าสนใจ โดยภาพรวมแล้ว The Batman ถือว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ควรค่าแก่การดู แต่ต้องบอกก่อนว่า ด้วยระยะความยาวของภาพยนตร์ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 55 นาที รวมถึงโทนของภาพยนตร์ที่มีความจริงจัง และค่อนข้างเฉพาะทาง ซึ่งอาจทำให้คนที่ไม่ใช่ชอบภาพยนตร์แนวสืบสวน ฆาตกรรมโรคจิต หรือจิตวิทยา อาจจะรู้สึกเบื่อ หรือไม่ได้ประทับใจเท่าที่ควร แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์ แนวสืบสวน สอบสวนคดีฆาตกรรม และจิตวิทยา หรือสำหรับผู้ที่แฟน Batman ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฉบับที่ไม่ควรพลาด :)รับชม The Batman (2022) ได้ผ่านที่ TrueIDป.ล. สำหรับใครที่เป็นแฟนเพลง Nirvana ห้ามพลาดเช่นกัน เพราะ Bruce Wayne ฉบับนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Kurt Cobain รวมไปถึงเพลงประกอบอย่าง Something In The Way รับประกันได้เลยว่าเพลงนี้จะเล่นซ้ำ ๆ อยู่ในหัวของคุณไปอีกสักพักเลยTHE BATMAN (2022)Director: Matt ReevesWriting Credits: Matt Reeves Peter CraigBill Finger - Batman createdBob Kane - Batman created byCast: Robert Pattinson - Bruce Wayne / BatmanZoë Kravitz - Selina KyleJeffrey Wright - Lt. James GordonColin Farrell - Oz / The PenguinPaul Dano - The RiddlerAndy Serkis - Alfred PennyworthJohn Turturro - Carmine FalconeIMDB - 8.6/10Metascore - 73Rotten Tomatoes - 85%Photos:The BATMAN Official Pages : Cover / 1 / 2 / 3 / 4 / 5Video TrailerTHE BATMAN – Main Trailer Facebookuneverwatchuneverknowเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายบน TrueID โหลดเลย ฟรี