สวัสดีสาวกซีรีส์บอยเลิฟ (คนโสด) ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้นะคะ เนื่องด้วยวันที่ 14 กุมภา วันวาเลนไทน์ในปี 2025 ใกล้จะเวียนมาบรรจบและผ่านไปอีกหนึ่งปี บทความนี้ครีเอเตอร์จึงมี 7 ซีรีส์บอยเลิฟจาก 3 สัญชาติมาแนะนำให้ได้รับชมกันในวันวาเลนไทน์นี้สำหรับคนโสดที่ไม่มีนัดออกไปไหนหรือเก็บลงในลิสต์ไว้เพื่อรับชมตลอดเดือนแห่งความรัก ซึ่งทุกเรื่องที่ครีเอเตอร์นำมาแนะนำรับประกันความโรแมนติกฟีลกู้ดอบอุ่นหัวใจในชนิดที่สามารถโสดได้อย่างมีความสุขเพียงแค่มีซีรีส์คอยฮีลใจ โดยทั้ง 7 เรื่องจะมีเรื่องใดบ้างไปติดตามกันได้เลยค่ะ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. Last Twilight ภาพนาย…ไม่เคยลืม (2023) นำแสดงโดย : จิมมี่-จิตรพล โพธิวิหค และ ซี-ทวินันทร์ อนุกูลประเสริฐ จำนวน 12 ตอนจบ ออกอากาศทาง GMMTV ตัวอย่างซีรีส์ Last Twilight ภาพนาย…ไม่เคยลืม ซีรีส์คุณภาพจากปี 2023 ที่คว้ารางวัลไปแล้วมากมายจากหลายงานประกาศรางวัล และใครที่ได้รับชมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นซีรีส์แห่งปีที่ควรค่าแก่การดู เรื่องย่อ Last Twilight บอกเล่าเรื่องราวของ ‘เดย์’ (รับบทโดย ซี ทวินันทร์) นักกีฬาเทนนิสทีมชาติที่กำลังจะสูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุ นั่นทำให้แม่ของเดย์จำเป็นต้องหาพี่เลี้ยงคอยช่วยดูแล แต่ไม่ว่าจะมีพี่เลี้ยงสักกี่คนก็ไม่มีใครสามารถทำงานได้เกินสามวัน จนกระทั่ง ‘หมอก’ (รับบทโดย จิมมี่ จิตรพล) เด็กช่างนิสัยห่าม ๆ ที่มีหนี้สินท่วมตัวได้ตัดสินใจสมัครงานเป็นผู้ดูแลเพื่อแลกกับเงินค่าจ้างที่คุ้มแสนคุ้ม แต่ครั้งแรกของการพบกันทั้งคู่ก็ได้ลับฝีปากอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ด้วยจากเหตุการณ์บางอย่างได้สร้างความประทับใจที่ทำให้เดย์รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แตกต่างจากคนอื่น ๆ สุดท้ายเดย์จึงตัดสินใจรับหมอกเป็นผู้ดูแลของตัวเอง วันเวลาผ่านไปทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกันและผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายด้วยกัน นั่นทำให้ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเข้าหากัน จากคุณหนูขี้วีนอารมณ์เสียกับหนุ่มหัวร้อนก็เปลี่ยนเป็นบรรยากาศผ่อนคลายขึ้น ความสัมพันธ์ของหมอกและเดย์ค่อย ๆ พัฒนาจนถึงจุดที่เกินเลยคำว่า นายจ้าง และ ลูกจ้าง พร้อม ๆ กับความจริงที่ว่าเดย์กำลังจะตาบอดสนิท รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : สำหรับ Last Twilight เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ครบเครื่องทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นความโรแมนติก ดราม่า ครอบครัว ตลอดจนการสะท้อนสังคมในด้านต่าง ๆ อาทิ มุมมองความคิด ความรู้สึกของผู้บกพร่องทางการมองเห็นที่น้อยคนจะได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตของพวกเขาจริง ๆ อีกทั้งยังคับคั่งไปด้วยคุณภาพทั้งตัวบทซีรีส์ที่มีรูปแบบการเล่าเรื่องน่าประทับใจ การกำกับ การแสดงของนักแสดง ไปจนถึงเพลงประกอบซีรีส์ดึงอารมณ์อย่าง ‘ภาพสุดท้าย’ ซึ่งร้องโดย วิลเลี่ยมจากวง LYKN ก็สามารถทำให้คนดูน้ำตาแตกได้ และสำหรับครีเอเตอร์ Last Twilight เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่สามารถบอกถึงฉากประทับได้ในทุก ๆ อีพี ใครที่ยังไม่เคยรับชมอยากให้ลองเปิดใจดูนะคะ รับประกันว่าไม่ผิดหวังและไม่ท็อกซิกแน่นอนเพราะเรื่องนี้พระเอกธงเขียวเหมือนยกป่าแอมะซอนมาไว้ที่พี่หมอกคนเดียว 2. Century of Love ปาฏิหาริย์รักร้อยปี (2024) นำแสดงโดย : ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว และ ออฟโรด กันตภณ จินดาทวีผล จำนวน 10 ตอนจบ ออกอากาศทาง One31 / Netflix ตัวอย่างซีรีส์ Century of Love ปาฏิหาริย์รักร้อยปี เรื่องย่อ เรื่องราวของ ‘ซาน’ (รับบทโดย ต้าห์อู๋ พิทยา) ชายหนุ่มผู้มั่นคงในรักที่ใช้เวลาร่วมศตวรรษในการรอคอยให้ ‘คุณวาด’ คนรักที่พรัดพรากจากกันด้วยความตายกลับชาติมาเกิดใหม่ ซึ่งการที่ซานสามารถมีอายุอยู่เป็นร้อยปีได้นั้นก็เนื่องมาจากพลังของศิลาห้าสี แต่นั่นก็ต้องแลกมากับการที่เขาต้องพบเจอความทุกข์ทรมานทางกายในทุกเที่ยงคืนของทุกวันพร้อมกับเงื่อนไขเวลาเพียงหนึ่งร้อยปี และถ้าหากครบร้อยปีเมื่อไหร่คุณวาดยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ศิลาห้าสีก็จะสาปให้เขาต้องตายชั่วนิรันดร์ ปีสุดท้ายของเงื่อนไขเดินทางมาถึงพร้อมกับการปรากฏตัวของ ‘วี’ (รับบทโดย ออฟโรด กันตภณ) ชายหนุ่มผู้มาพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์และได้รับการทำนายว่าเขานี่แหละคือคุณวาดที่กลับชาติมาเกิด นั่นทำให้ซานไม่อยากยอมรับว่าวีคือคุณวาดตัวจริงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ทั้งยังมีนิสัยตรงกันข้ามกับคุณวาดสตรีผู้สูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา ฐานะ และมีความเป็นกุลสตรีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ซานจะหนีได้จริง ๆ หรือในเมื่อเขาก็เอาแต่ฝันถึงชายหนุ่มมาดกวนคนนั้นอยู่ทุกคืน รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : Century of Love เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่า แฟนตาซีที่เคมีคู่พระนายลงตัวแบบสุด ๆ อีกทั้งนักแสดงยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดีทำให้ตลอดการรับชมไม่เกิดความรู้สึกขัดใจหรืออยากเลิกดู ใครที่ไม่ชอบแนวแฟนตาซีอยากให้ลองเปิดใจดูเรื่องนี้นะคะ เพราะในส่วนของเนื้อเรื่องมีความแฟนตาซีแบบมีที่มาที่ไป ไม่ได้เป็นการหยิบใส่จน งง หรือดูโอเวอร์เกินไป และบทซีรีส์โดยรวมอยู่ในขั้นที่น่าประทับใจมาก ๆ โดยเฉพาะในสองตอนสุดท้ายของเรื่องที่เรียกน้ำตาไปได้หลายหยดกับความรักของพระนาย แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเศร้าเกินไปเพราะมีโมเม้นฮีลใจให้ได้ยิ้มตามตลอดทั้งเรื่อง ดังนั้นใครที่ชอบความดราม่าผสมโรแมนติกคอมเมดี้ต้องเรื่องนี้ค่ะ 3. Every You, Every Me ทุก ๆ เธอที่รัก (2024) นำแสดงโดย : มิก-มณฑล วิเศษสินธุ์ และ ท็อป-ปิยวัฒน์ พงศ์คณิตานนท์ จำนวน 8 ตอนจบ ออกอากาศทาง WeTV ตัวอย่างซีรีส์ Every You, Every Me ทุก ๆ เธอที่รัก (Pilot version) Every You, Every Me ซีรีส์ซ้อนซีรีส์ที่จะได้ดูถึง 5 เรื่องในซีรีส์เรื่องเดียวจากนักแสดงคนเดียวกัน โดยต้องอธิบายก่อนว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของตัวละครหลักที่เป็นนักแสดงสองคน คือ 'รอยอินทร์' (รับบทโดย มิก มณฑล) และ 'ปัณณ์' (รับบทโดย ท็อป ปิยวัฒน์) ซึ่งทั้งคู่ได้พบกันในการถ่ายทำซีรีส์คู่เรื่องแรก (Ep.1) และมีผลงานคู่กันอีกในซีรีส์เรื่องต่อ ๆ มา ขออธิบายตามรายตอนดังนี้ ตอนที่ 1 : เรื่องราวของดลและซันที่มาในธีมเรื่อง Rain Color-verse ตอนที่ 2 : เรื่องราวความรักระหว่างประธานหนุ่มสุดเนี้ยบกับเด็กฝึกงานหน้าใสที่ไม่รู้ว่าจะได้งานหรือได้รัก (คุณปรินทร์และเฟิร์ส) ตอนที่ 3 - 4 : เรื่องราวของเอ็กซ์และน้ำปิง…เมื่อเอ็กซ์ตกหลุมรักลูกชายของคุณแม่ที่อยู่หลุมใกล้ ๆ มานานหลายปี และมีโอกาสได้เจอหน้าน้ำปิงแค่ปีละครั้งเท่านั้นในวันไหว้บรรพบุรุษ ก่อนที่ในปีนี้ความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นในใจทำให้เอ็กซ์รวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอน้ำปิงจากแม่ และดูเหมือนว่าท่านเองจะช่วยดลบันดาลให้ทั้งคู่ได้เริ่มต้นสานความสัมพันธ์กัน ตอนที่ 5 - 6 : เรื่องราวของหนุ่มนักดนตรีตกอัพที่มีความทรงจำอันแสนเจ็บปวดกับพี่ชายจอมขี้บ่นที่มาฝากน้องชายให้เรียนกีต้าร์ด้วย (เซียนและบลู) ตอนที่ 7 - 8 : เรื่องราวชีวิตรักของนักแสดงปัณณ์ และรอยอินทร์ที่เกิดปัญหาเพราะต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกัน จนจบที่มีหนึ่งคนเอ่ยปากขอเลิกแต่ทั้งคู่ยังต้องทำงานกับซีรีส์เรื่องสุดท้ายร่วมกัน และมันไม่ง่ายเลยกับคนที่เลิกกันแต่ต้องมาแสดงเป็นคนรักกัน สรุปให้เข้าใจง่ายอีกครั้งคือ ตอนที่ 1 - 6 เป็นซีรีส์ที่ปัณณ์และรอยอินทร์แสดงด้วยกัน และตอนที่ 7 - 8 เป็นเรื่องราวของพวกเขาทั้งคู่จริง ๆ และเป็นบทสรุปความรักของปัณณ์และรอยอินทร์…มาถึงตรงนี้ใครอ่านแล้ว งง โปรดติดตามชมในเรื่องเต็มนะคะ รับรองว่าไม่ งง และไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ การันตีว่าสนุกเต็มอิ่มทุกตอน รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : Every You, Every Me เป็นซีรีส์ที่สร้างความประทับใจตั้งแต่ตอนแรกด้วยบทและเคมีพระนาย แต่ดูตัวอย่างตอนที่สองแล้ว งง จนกระทั่งได้เข้าใจว่าเป็นซีรีส์ซ้อนซีรีส์ที่ทุก ๆ ตอนจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ยังคงนักแสดงคู่หลักไว้ตามชื่อเรื่อง ‘ทุก ๆ เธอที่รัก’ คือไม่ว่าจะซีรีส์เรื่องไหนทั้งคู่ก็ยังได้แสดงคู่กัน ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้รู้สึกตั้งตารอคอยที่จะได้รับชมในทุก ๆ ตอนว่าในตอนหน้าจะมีพลอตเรื่องเกี่ยวกับอะไร และนักแสดงก็ต้องเปลี่ยนบทบาทไปตามคาแรคเตอร์ตัวละครที่ได้รับด้วย บางครั้งก็ต้องสวมบทบาทสองตัวละครในคราวเดียวและมิกท็อปไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่ตอนเดียวเพราะการแสดงของทั้งคู่สามารถทำให้เชื่อว่าเป็นชีวิตของนักแสดงที่ชื่อรอยอินทร์และปัณณ์จริง ๆ ด้วยความคุณภาพของบท การกำกับ การแสดง และการถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงที่เหนือขั้นจึงอยากให้เรื่องนี้ถูกค้นพบเยอะ ๆ หวังว่า Every You, Every Me จะเข้าไปอยู่ในลิสต์ซีรีส์วาเลนไทน์ของหลาย ๆ คนนะคะ (เรื่องนี้มีการสลับโพนะคะถือเป็นจุดขายที่ทำให้แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ) 4. Unintentional Love Story ปั้นรักฉันด้วยใจนาย (2023) นำแสดงโดย : ชาซอวอน และ กงชาน จำนวน 10 ตอนจบ ออกอากาศทาง iQIYI ตัวอย่างซีรีส์ Unintentional Love Story ปั้นรักฉันด้วยใจนาย เรื่องย่อ เรื่องราวของ ‘ชีวอนยอง’ (รับบทโดย กงชาน) พนักงานหนุ่มจากแผนกธุรกิจที่กำลังถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะมีส่วนเข้าไปพัวพันเรื่องทุจริตของหัวหน้า วอนยองจึงหนีไปพักใจและร่างกายที่เมืองคังนึงเพื่อคิดหาทางออก เนื่องจากเขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อจ่ายหนี้ที่กู้ยืมเรียนในทุก ๆ เดือน จนกระทั่งได้พบกับ ‘ยุนแทจุน’ (รับบทโดย ชาซอนวอน) ช่างปั้นเซรามิคฝีมือดีและเป็นคนโปรดของประธานบริษัทที่เขาเคยทำงาน พร้อม ๆ กับที่วอนยองได้รับข้อเสนอจากผู้จัดการว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ยุนแทจุนยอมเซ็นสัญญาระยะยาวกับบริษัท โดยแลกกับการที่เขาจะได้กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง ด้วยเหตุผลนี้วอนยองจึงเริ่มหาโอกาสในการเข้าหาแทจุนโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาที่ค่อย ๆ ลดลงได้สร้างความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะถอนตัว ขณะเดียวกันก็ต้องเก็บซ่อนความลับเรื่องจุดประสงค์ในการเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อรักษาความสัมพันธ์ รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : Unintentional Love Story ซีรีส์บอยเลิฟโรแมนติกจากประเทศเกาหลีที่ไม่จำเป็นต้องมี Love scene ก็สามารถทำให้อบอุ่นหัวใจได้แบบสุด ๆ ด้วยบุคลิกพ่อไมโคเวฟของพระเอกที่แม้ในระยะเริ่มแรกจะเป็นคนนิ่ง พูดน้อย แต่เมื่อเข้าสู่โหมดเริ่มรู้ใจตัวเองก็กลายเป็นคนใส่ใจ สายเปย์ที่พร้อมซัพพอร์ตคนที่ตัวเองรักทุกอย่าง เรื่องอื่นอาจจะเอะอะจูบแต่เรื่องนี้เอะอะดึงมากอดประคองหัวให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบทะนุถนอม แต่ถึงจะอุ่นขนาดนี้ก็มีดราม่าเช่นเดียวกัน ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหวานจนเลี่ยนเพราะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีครบทุกรสชาติ การเล่าเรื่องดีกระชับ และมีบทสรุปทุกประเด็นที่ชัดเจนไม่ทำให้ค้างคา 5. Sing My Crush ปล่อยใจไปกับลม นำแสดงโดย : ซอนฮยอนอู และ จางโดยุน จำนวน 8 ตอนจบ ออกอากาศทาง iQIYI ตัวอย่างซีรีส์ Sing My Crush ปล่อยใจไปกับลม เรื่องย่อ เรื่องราวของ ‘พารัม’ (รับบทโดย จางโดยุน) นักเรียนมัธยมที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง พารัมตกหลุมรักครูสอนกีต้าร์ซึ่งเป็นรักแรกของเขา แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังจากท่าทีปฏิเสธที่ทำลายความรู้สึก นั่นทำให้เขาเลือกจะถอยออกมาจากความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้น และในวันนั้นเองเขายังได้เจอกับ ‘ฮันแท’ (รับบทโดย ซอนฮยอนอู) ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันและเป็นคนที่ทำกีต้าร์ของเขาพังในออดิชั่น และด้วยเพราะความบังเอิญหรือโชคชะตาในตอนที่พารัมกำลังร้องไห้เสียใจจากความรู้สึกมากมาย ฮันแทที่เป็นคนแปลกหน้าได้เข้ามาอยู่เคียงข้างและช่วยปลอบใจจนทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน กระทั่งวันเวลาผ่านไปพวกเขาได้ทำวงดนตรีด้วยกันและย้ายมาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ซึ่งความใกล้ชิด ความใส่ใจจากฮันแททำให้พารัมเกิดความรู้สึกพิเศษ แต่ครั้งนี้เขาพยายามที่จะเก็บซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์เป็นอย่างที่ผ่านมา รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : Sing my crush พลอตเรื่องอบอุ่นหัวใจ การเล่าเรื่องโดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์ และเน้นไปที่ตัวละครหลักเพียงอย่างเดียวเนื่องจากมีเวลาจำกัดต่อตอนที่น้อยมาก แต่ทุกอย่างออกมาครบถ้วนและสมบูรณ์ในทุกซีนอารมณ์ รวมถึงความรู้สึกของตัวละครหลักเป็นความรักที่น่าเชื่อถือแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพียงวัยรุ่นที่กำลังไล่ตามความฝัน ถือว่าเป็นซีรีย์แนวโรแมนติกอบอุ่นหัวใจอีกหนึ่งเรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้รับชม และสัมผัสไปกับความรู้สึกของการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างคอยสนับสนุนในทุกความฝันไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีหรือร้าย 6. See Your Love มองรักด้วยใจ นำแสดงโดย : จินอวิ๋น และ หลินอวี่ จำนวน 13 ตอนจบ ออกอากาศทาง WeTV ตัวอย่างซีรีส์ See Your Love มองรักด้วยใจ เรื่องย่อ เรื่องราวของ ‘หยางจื่อเซียง’ (รับบทโดย หลินอวี่) ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลร่ำรวย จื่อเซียงถูกส่งตัวมาเพื่อเจรจาธุรกิจในไต้หวันแต่ระหว่างการเดินทางกลับถูกลอบฆ่าจากศัตรู ซึ่งในเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้พบกับ ‘เจียงเซ่าเผิง’ (รับบทโดย จินอวิ๋น) หนุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยินตั้งแต่เด็กและเป็นลูกชายของครูสอนเทควันโดที่เข้ามาช่วยเหลือ และด้วยเพราะเซ่าเผิงไม่ได้ยิน จื่อเซียงจึงอยากใช้โอกาสนี้จ้างอีกฝ่ายมาทำหน้าที่ดูแลตนโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง แต่ความใกล้ชิดและแรงดึงดูดทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกต่อกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความรักต่างชนชั้นและความแตกต่างทางร่างกายจะสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ หรือไม่ เมื่อโลกของเซ่าเผิงมีเพียงแค่ความเงียบ ในขณะที่โลกของจื่อเซียงมีพร้อมทุกอย่าง รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : ซีรีส์น้ำดีจากประเทศไต้หวันอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและสะท้อนปัญหาของผู้บกพร่องทางการได้ยินออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสังคมที่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องเผชิญ ตลอดจนความพยายามที่ต้องมากกว่าคนปกติทั่วไปถึงหลายเท่า และสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดคือซีรีส์มีการใช้ภาษามือตลอดทั้งเรื่องซึ่งเป็นภาษาที่พระเอกใช้ในการสื่อสารไม่ได้มาแบบผิวเผิน และแม้ว่าพลอตเรื่องจะมาในแนวลูกคุณหนูผู้ร่ำรวยที่ต้องทำตามคำสั่งพ่อกับชายหนุ่มผู้บกพร่องทางการได้ยิน แต่เนื้อหาของซีรีส์มีความลึกซึ้งมากกว่านั้นทั้งในตัวบทและการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านการแสดง เป็นความรู้สึกที่อยากให้ทุกท่านได้ลองสัมผัสด้วยตัวเองและ See your love จะกลายเป็นซีรีส์ที่สร้างความประทับใจให้กับคนดูอย่างแน่นอน 7. Papa & Daddy รักนะครับคุณพ่อทั้งสอง (2021) นำแสดงโดย : เมลวินเซี่ย, หลินฮุ่ยหวง และ หลินข่ายอี้ จำนวน 6 ตอน ออกอากาศทาง WeTV ตัวอย่างซีรีส์ Papa & Daddy รักนะครับคุณพ่อทั้งสอง เรื่องย่อ เรื่องราวของ 'เดเมี่ยน' (รับบทโดย เมลวินเซี่ย) เจ้าของกิจการบาร์และร้านอาหารในไทเปผู้ที่ฝันอยากมีครอบครัวและลูก ซึ่งในระยะเวลาที่เดเมี่ยนคบหากับ 'เจอร์รี่' (รับบทโดย หลินฮุ่ยหวง) และต่างฝ่ายต่างรู้สึกมั่นคงต่อความรักของตัวเองทั้งคู่จึงเดินทางไปหาคนอุ้มบุญเพื่อตั้งท้อง ก่อนสุดท้ายจะคลอดลูกชายที่น่ารักออกมาได้สำเร็จโดยตั้งชื่อว่า ‘ข่ายข่าย’ (รับบทโดย หลินข่ายอี้) แต่การเลี้ยงลูกหนึ่งคนที่เกิดจากพ่อสองคนท่ามกลางสภาพสังคมที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากทุกคน นั่นทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความอยากรู้อยากเห็น รวมถึงคำพูดนินทาของเหล่าบรรดาผู้ปกครองจากโรงเรียนอนุบาล รีวิวจากมุมมองของครีเอเตอร์ : Daddy & Papa เป็นซีรีย์แนวโรแมนติกครอบครัวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตคู่ของ CEO จาก GagaOOLala ซึ่งข่ายข่ายในเรื่องก็เป็นลูกชายของทั้งคู่จริง ๆ นอกจากนี้ Papa & Daddy ยังเป็นซีรีส์ที่สะท้อนภาพของครอบครัวที่พ่อและแม่เป็น LGBTQA+ ได้อย่างใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากที่สุด เพราะไม่ได้มีเพียงความโรแมนติกอบอุ่นหัวใจเท่านั้น แต่ตัวละครยังต้องเผชิญกับปัญหาในการเลี้ยงเด็กหนึ่งคนให้เติบโตมาอย่างดีท่ามกลางสภาพสังคมที่ยังมองว่าเป็นเรื่องแปลกหรือแตกต่าง ซึ่งในหลายสถานการณ์ค่อนข้างตรงกับประเด็นที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ในส่วนของนักแสดงก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือเหมือนกับการได้ดู vlog ชีวิตของคู่รักคู่หนึ่งที่พยายามเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างดีที่สุดและมีความสุขที่สุดแม้จะมีพ่อแม่เป็น LGBTQA+ และเพราะกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทยเพิ่งมีผลบังคับใช้เลยอดไม่ได้ที่จะเพิ่มซีรีส์เรื่องนี้เข้ามาในลิสต์ให้ทุกท่านได้ลองเปิดใจรับชมกันเพื่อเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น เรื่องนี้มีซีซั่นสองต่อนะคะ เนื้อเรื่องจะเข้มข้นมากขึ้นกว่าซีซั่นแรก และทั้งหมดนี้คือ 7 ซีรีส์จาก 3 สัญชาติที่ครีเอเตอร์นำมาแนะนำให้ทุกท่านได้เพิ่มเข้าคลังซีรีส์ในการรับชมตลอดทั้งเดือนแห่งความรักนี้ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านมีความสุขและสนุกไปกับเรื่องราวของพวกเขานะคะ เครดิตภาพประกอบ ภาพปก จาก LastTwilightTH / OPENLABEL_TH / everyutheseries / unintentional_love_story / itsnew_story / seeyourlove / lin092123 ภาพประกอบ : ภาพที่ 1, 2.1,2.2, 2.3, 2.4, 2.5, 2.6 จาก LastTwilightTH / ภาพที่ 3, 4.1, 4.2, 4.3 จาก OPENLABEL_TH / ภาพที่ 5, 6.1, 6.2, 6.3, 6.4, 6.5 จาก everyutheseries / ภาพที่ 7, 8.1, 8.2, 8.3, 8.4 จาก unintentional_love_story / ภาพที่ 9, 10.1, 10.2, 10.3, 10.4 จาก itsnew_story / ภาพที่ 11, 12.1, 12.2, 12.3, 12.4, 12.5 จาก seeyourlove2024 / ภาพที่ 13 จาก lin092123, ภาพที่ 14.1, 14.2, 14.3 จาก _________mv_________ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !