นับว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของแฟรนไชส์ Spider-Man อย่าง Spider-Man No Way Home ที่ออกฉายครั้งแรก ในปี 2021 แต่ก็นำกลับมาฉายใหม่ในเดือน กันยายน 2022 ที่ผ่าน เป็นฉบับพิเศษที่ต้องบอกว่าพิเศษเพราะ มีฉากที่ถูกตัดออกจากต้นฉบับเขามาฉายใหม่ในรอบนี้หลายฉาก แต่นั้นยังไม่สะใจเท่าการที่ภาพยนตร์ใช้คำว่า แฟนเซอร์วิส ได้ถูกที่ถูกเวลามากๆ จากภาพยนตร์ต้นฉบับ 2021 ความยาวแค่ 148 นาที ฉายรอบพิเศษนี้ 2022 ความยาว 157 นำกลับมาฉายบนจอใหญ่เพียงแค่ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์เต็ม ตั้งแต่วันที่ 15-28 กันยายนซึ่งมันก็ผ่านมาแล้วซึ้งตัวผู้เขียนก็ไม่พลาดอยู่แล้ว ที่บอกว่าแฟนเซอร์วิสคงไม่เกินจริงเพราะได้ตัวนักแสดงจากภาคเก่าๆมาเพียบไม่ว่าจะเป็น เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ / เซนดายา / ทอม ฮอลแลนด์ / TOBEY MAGUIRE / ANDREW GARFIELD / เจคอบ บาตาลอน และผู้กำกับอย่าง จอน วอตส์ (Jon Watts) ไม่ใช้แค่นี้เหล่าตัวร้ายก็มาให้เราเหล่าคนดูเห็นกันแบบจัดเต็มเอาแบบให้หายคิดถึงกันไปเลยเล่าย่อๆเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกำลังวินาศสันตะโรเมื่อตัวจริงของสไปเดอร์-แมนกำลังถูกเปิดเผย คนทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่าเขาเป็นใคร ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ นั้นคือชื่อของเขาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาปิดเป็นความลับมาโดยตลอดก็ถูกเปิดออกจนได้ แต่แล้วความวายป่วงที่มากกว่านั้นก็คือเขาและเพื่อนๆที่กำลังจะไปต่อที่ MIT ก็ถูกปฏิเสธผ่านทางจดหมาย เขาจึงตัดสินใจที่จะกระทำเรื่องบางอย่างนั้นก็คือ ให้ทาง ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ช่วยลบความทรงจำของทุกคนที่รู้จักเขาออกให้หมดแต่ผลก็ไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ และความวินาศสันตะโรครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เขาจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงเขาจะช่วยทุกคนได้ไหมต้องติดตาม“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / เป็นการลอยคอที่ผู้เขียนตั้งหน้าตั้งตารอคอย อันที่จริงก็ดูมาแล้วละตั้งแต่ปี 2021แต่มาดูในฉบับพิเศษความจริงก็ไม่ได้มีอะไรใหม่มากแค่มีฉากเพิ่มเข้ามานิดหน่อยแค่ 10 นาทีก็ไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไหร่ ฉากต่างๆในภาคนี้ดูจะมีความประเดประดังมากเกินไป เอาง่ายๆก็คือภาพยนตร์มันดึงเราเหล่าคนดูให้เข้าสู่ความสนุกของภาพยนตร์เร็วเกินไปจนทำให้ภาพยนตร์ขาดลายละเอียด ในบางส่วนไปเปิดตัวกับการถูกเปิดเผยตัวจริงแล้วก็ตัดสลับฉากมาที่การอุ้มแฟนสาวนี้จะพวกประชาชน และก็มาที่บ้านที่ตอนนี้แฮปปี้กับป้าเมย์กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องบอกว่าเป็นฝางเส้นสุดท้าย ถึงแม้ภาพยนตร์จะเร่งรัดในส่วนของเนื้อเรื่องช่วงแรกๆ แต่พอมาตอนกลางๆภาพยนตร์กลับดูเนิบช้าจนทำให้เราเหล่าคนดูเบื่อ แฟนเซอร์วิสที่ผู้เขียนต้องใช้คำนี้เพราะว่าภาพยนตร์นั้นทำออกมาได้ดีมากๆ2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / บทภาพยนตร์ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวส่งเสริมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจ ถึงแม้จะมีตัวละครที่หลากหลายแต่ภาพยนตร์ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเพราะทุกตัวละครในเรื่องนี้มีบทกันทุกตัวละคร แต่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเพราะบางตัวละครมีความสำคัญกับตัวละครอื่นๆแต่ไม่ค่อยจะมีบทผู้ (นั้นก็คือไม่เด่นพอ) หากใครพอจะผ่านหูผ่านตามาบ้างกับคอมมิกส์ จะรู้เลยว่าในคอมมิกส์เรื่องนี้ทุกตัวละครที่ สแตน ลี (สแตนลีย์ มาร์ติน ลีเบอร์ Stanley Martin Lieber) เขียนมันขึ้นมานั้นมันจะมีความสำคัญและมีบทในทุกตัวละคร แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้บทภาพยนตร์จะอ่อนแต่ตัวภาพยนตร์เองก็ไม่ได้ทิ้งบทที่สำคัญๆไป เพราะตัวละครหลักในเรื่องนี้ที่น่าจะเป็นตัวหลักจริงๆ อย่าง ตัวปีเตอร์ ป้าเมย์ และ หมอแปลกอย่าง ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ นั้นก็ยังคงตกผลึกบทภาพยนตร์ได้อย่างน่าสนใจเหมือนเดิม 3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นประเภทเจ็บไม่จำ โดนมาซ้ำๆก็ทำเหมือนเดิมซ้ำๆ นั้นคือความตั้งใจที่ สแตน ลี เขาตั้งใจสร้างตัวละครแบบนี้ขึ้นมา เอาจริงๆมันก็เป็นเรื่องดีน่าที่เราจะได้เห็น ความพยายามของตัวละครในแต่ละตัว อย่างที่ป้าเมย์ชอบทำแม้ตัวเองจะเสียงตายแต่แกก็ยังทำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้จะมีออกมาหลายภาคแต่ทีมผู้กำกับก็ยังพยายามใส่ความดีความชอบแบบพระเอกเข้ามาให้กับภาพยนตร์ ตัวละครในเรื่องนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นจากจุดเดิมแต่ตัวละครจะหยิบจับสิ่งต่างๆรอบตัวของตัวละครเองมาเป็นการเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้า อย่างภาคนี้ที่ ปีเตอร์ ตัดสินใจทอไรบางอย่างเพื่อนให้เขาและเพื่อนๆสอบติด MIT แต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาตั้งใจจนทำให้เรื่องวายป่วงต่างๆเกิดขึ้นและเขาก็จึงตัดสินใจที่จะแก้มันแม้ต้องเสียทุกอย่างไป นั้นคือการเติบโตของตัวละครที่ไม่ได้ก้าวกระโดดแต่ค่อยๆเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองและไต่ขึ้นไปเรื่อยๆนั้นเป็นเรื่องดีเพราะภาพยนตร์จะได้แฝงความหมายได้มากตามขึ้นไปอีก4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” ประโยคเด่นๆที่เราจะได้ยินมาโดยตลอดในแฟรนไชส์ Spider-Man ทั้งจากปากลุงเบนและจากปากของป้าเมย์ แต่มันเป็นได้มากกว่าคำปลุกใจที่จะทำให้ตัวละครในเรื่องนั้นกับมาสู้ได้ เพราะความเป็นจริงแล้ว ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ นั้นไม่ได้มีพลังที่เหนือมนุษย์มาตั้งแต่แรกแต่ตัวเขาต้องมาถูกแมงมุมกัดจึงได้รับดีเอ็นเอของแมงมุมนั้นมา แม้เขาจะไม่ได้มีพลังที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับฮีโร่ตัวอื่นๆในจักวาลเดียวกันแต่ตัวเขาก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ที่เล็กๆน้อยๆในฐานะฮีโร่ได้ดีไม่แพ้คนอื่น แต่ตัวผู้เขียนกับมากต่างออกไปอีกแบบ คำนี้น่าจะใช้กับป้าเมย์หรือลงเบนมากกว่า เพราะคนที่แสนจะธรรมดาที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้แต่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่บนเหตุผลของความถูกต้อง นั้นก็คือคนที่แสนจะธรรมดาพวกนี้แหล่ะ นั้นจึ้งเป็นประเด็นตกผลึกที่ตัวผู้เขียนได้มาจากภาพยนตร์เรื่องนี้แต่เอาเข้าจริงๆคนเราที่จะอยู่รวมกันในสังคมแบบนี้ ถ้าหากว่าทุกคนไม่ทำอะไรเลยรอแต่ผู้ทีมีพลังผู้ที่มีอำนาจลงมาทำสังคมมันจะเป็นแบบไหนกันนะอยากรู้จริงๆ เอาเป็นว่าความรับผิดชอบไม่ได้มาพร้อมกับพลังหรอก แต่มันมาจากความรับผิดชอบร่วมกันมากกว่าผู้เขียนมองว่าอย่างนั้น5 “คัท !!!!”การปรากฏตัวขึ้นของเหล่าร้ายจากทุกภาคของแฟรนไชส์มารวมกันในที่เดียว อย่าง กรีน ก๊อบลิน ปรากฏตัวใน Spider-Man (2002) และ The Amazing Spider-Man 2 (2014) แต่ใน Spider-Man No Way Home ใช้ตัวละครจากปี (2002) ดร.อ็อคโต อ๊อคตาเวียส ปรากฏตัวใน Spider-Man 2 (2004) แซนด์แมน ปรากฏตัวใน Spider-Man 3 (2007) เดอะ ลิซาร์ด ปรากฏตัวใน The Amazing Spider-Man (2012) อิเล็กโตร ปรากฏตัวใน The Amazing Spider-Man 2 (2014) จัดได้ว่าเป็นแฟนเซอร์วิสที่ดีมากๆสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ อีกทั้งความหมายและประเด็นตกผลึกที่เราเหล่าคนดูได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้มันก็มากมายเกินพอแล้ว ถึงแม้ภาพยนตร์จะนำเราเหล่าคนดูเข้าสู่ฉากแอ็กชันต่อสู้มันหยดเร็วจนเกินไปจนทำให้ตัวภาพยนตร์เสียอรรถรสและลายละเอียดในบางช่วงบางตอนไปมากก็ตามแต่มันก็คุ้มค่ากับฉากเหล่านั้นที่ภาพยนตร์ใส่เข้ามาให้เราได้ดูกัน สรุปง่ายๆคือสนุกกับฉากพิเศษ 10 นาทีที่เพิ่มเข้ามากราฟิกต่างๆก็ทำออกมาได้ดี Mood & Tone ก็ดีไม่แพ้ใคร แสงสีเสียงของภาพยนตร์ก็ยิ่งเป็นตัวชูโรงให้ภาพยนตร์น่าสนใจมากขึ้นและรวมถึงประเด็นตกผลักที่น่าสนใจอีกด้วยชอบ Dialog นี้ของ mj อย่าง If you expect disappointment, then you can never really be disappointed. ถ้าเราคิดว่าจะผิดหวังอยู่แล้ว เราก็จะไม่ผิดหวัง(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก Spider-Man - ปก / 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !