รีเซต

เอสเธอร์ เปิดร้าน2 ปี มีแต่ควักทุน เจอล็อกดาวน์ฟาดแลบ ถึงกับไปไม่เป็น

เอสเธอร์ เปิดร้าน2 ปี มีแต่ควักทุน เจอล็อกดาวน์ฟาดแลบ ถึงกับไปไม่เป็น
ข่าวสด
28 มิถุนายน 2564 ( 17:21 )
175

เอสเธอร์ เปิดร้าน2 ปี มีแต่ควักทุน เจอล็อกดาวน์ฟาดแลบ ถึงกับไปไม่เป็น

หลังจากที่รัฐบาลสั่งล็อดดาวน์กรุงเทพ-ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ ตอนตี 1 ครึ่ง อนุญาตร้านอาหารเปิดได้ แต่ไม่ให้นั่งที่ร้าน ซึ่งมีผลวันที่ 28 มี.ค.64 ซึ่งเท่ากับว่ามีโอกาสให้ร้านอาหาร สามารถเปิดให้นั่งกินที่ร้านได้แค่วันอาทิตย์วันเดียว ทำเอาพ่อค้าแม่ค้าโอดครวญกันอย่างหนัก กับการประกาศกระทันหัน ไม่มีเวลาให้เตรียมตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักแสดงสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

ผู้สื่อข่าว ข่าวสดออนไลน์ ต่อสายตรงถึงนางเอกสาว ถามถึงผลกระทบที่ร้านอาหาร สุปรีย์ และ K+E Café ได้รับในภาวะโควิดนี้

“มันค่อนข้างหนักพอสมควร ต้องบอกว่าร้านหนูเปิดเมื่อปีที่แล้ว เดือน มี.ค. ทำร้าเสร็จปุ๊บเปิดร้านได้อาทิตย์เดียวรัฐบาลสั่งปิดห้ามนั่งภายในร้าน สามารถซื้อกลับไปทานที่บ้านได้เท่านั้น แล้วมันก็เป็นช่วงที่ร้านยังไม่เป็นที่รู้จัก เป็นช่วงที่ร้านเพิ่งเปิดใหม่ไม่ได้สมัครเดลิเวอรี่ทัน เพราะว่ามันต้องมีเอกสารหลายอย่างๆ กว่าจะลงระบบเดลิเวอรี่ได้ต้องใช้เวลา

เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเหมือนกับว่าเราเพิ่งเปิดร้าน ร้านกำลังไปได้ แต่เหมือนกับว่ายังไม่ทันได้ขาย อ้าว ต้องปิดส่ะแล้ว ซึ่งตอนนั้นไม่คิดว่าสถานการณ์จะยาวนานแล้วหนักขนาดนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว หนักเพิ่มขึ้นทุกวันเลยค่ะ

เหมือนกับว่าหลังจากปิดร้านไป มันจะมีช่วงคลายเมื่อปีที่แล้ว ก็กลับมาขายได้ เหมือนกับว่ามันเริ่มกลับมาขายดีขึ้น ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำต่อทุ่มเท คิดว่ามันน่าจะกลับมาดี คงไม่ร้ายแรงแล้ว สักพักปิดอีกแล้ว เหมือนกับว่าทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้น แต่ก็มีข่าวว่ามีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น มีอันนี้มามากขึ้น ทุกคนก็ต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นีด มันเป็นหลูบแบบนี้ เหมือนจะดีขึ้น ก็มาประกาศบอกว่าไม่ให้นั่งอีกแล้ว”

โดนแบบนี้ 3 รอบใช่ไหม? “ใช่ค่ะ แล้วก็มารอบนี้ กำลังจะดีแล้วเชียว อ้าว ปิดอีกแล้ว เพิ่งทราบเมื่อวานตอนเช้า มันเป็นการประกาศที่กระทันหันมากๆ เตรียมตัวไม่ทันเลยค่ะ เราก็ปรับเท่าที่ปรับได้ คือจริงๆ ไม่มีเวลาให้เราเตรียมมตัวเลยค่ะ เหมือนเราต้องสแตนด์บายอยู่ตลอดว่าวันนี้นั่งร้านได้ หรือว่านั่งไม่ได้ ต้องแปะประกาศตามช่องทางของเราว่าไม่สามารถมานั่งทานข้าวที่ร้านได้แล้วนะ หนักค่ะ”

เหมือนเราเตรียมวัตถุดิบไว้แล้ว? “ใช่ค่ะ รอบนี้เหมือยเรากำลังจะเปิดเมนูใหม่ ทำโปสเตอร์ใหม่เรียบร้อยแล้ว รอวันปล่อย แต่พอเป็นแบบนี้พักก่อน เงินมันจม ทำเท่าที่มีก่อน ทำเท่าที่มีกัน”

จะถามว่าคืนทุนก็คงไม่ได้? “(หัวเราะ)ลงทุนไปพอสมควร ตั้งแต่เปิดร้านยังไม่ได้คืนทุนเลย หมดไปเยอะค่ะ เพราะว่าทั้งร้านอาหาร และก็คาเฟ่ด้วย หนักค่ะ ได้แต่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หวังว่ามันจะดีขึ้น”

เขาน่าจะเตือนเราก่อนไหม? “น่าจะมีการประกาศบอกล่วงหน้า เราจะได้มีการวางแผนได้ดีกว่านี้ พอมาบอกกระชันชิดแบบนี้ มันไม่มีเวลาให้เราได้คิดได้วางแผนให้ดีที่สุด เหมือนกับว่าทำงานวินาทีสุดท้ายมาบอก อ้าว แล้วเราจะต้องไปทางไหนล่ะ กลายเป็นว่าแทนที่เราจะได้มีเวลาเตรียมการวางแผน เพื่อที่จะเตรียมตัวได้ว่าร้านเราไม่สามารถขายต่อได้แล้วนะ ควรคิดวิธีอื่น แต่นี้ โอ้โห ไม่มีเวลาให้เราคิดเลย ปิดส่ะงั่น แล้วให้เราทำไงดีล่ะ”

มีเวลาให้ตั้ง 1วัน? “(หัวเราะ) 1วันเอง มันก็ต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า เป็นการแก้ไข้ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาดีเท่าไหร่ วิธีแก้ไขของร้านไม่มีอะไรเลย วัตถุดิบไม่สต๊อกเยอะ เน้นการโปรโมทเดลิเวอรี่มากขึ้น ร้านก็ห้ามนั่ง จากที่เคยสต๊อกของไว้เยอะ ก็ต้องลดลงเยอะ ดูสถานการณ์วันต่อวันไป เพราะว่าเดาไม่ถูกเลยว่าลูกค้าจะมาเมื่อไร จะมีสั่งออนไลน์ไหม เราไม่มีตัวเลขที่แน่นอนว่าวันนี้ลูกค้ามาแน่ บางวันคือขายไม่ได้เลยนะ บางวัน ก็มีบ้าง มีแบบนับคนได้เลย ทั้งวันมีลูกค้าคนเดียว

มีท้อบ้างไหม เพราะโดนแบบนี้ตั้งแต่เปิดร้าน? “จะ 2 ปีแล้ว ถามว่าท้อไหม มันเป็นช่วงๆ มากกว่า ทุกวันนี้พยายามคิดบวก คนในครอบครัว เราพยายามให้กำลังใจกัน มันเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และก็อดทนอย่างเดียว และก็รอคอย ถ้าเมื่อไหร่ที่มันหายทุกอย่างก็จะกลับมาดีขึ้น เราหวังว่าแบบนั้นค่ะ”

ลูกค้าในร้าน มีเริ่มกังวลว่าเราจะปิดร้านไหม? “หนูว่าช่วงแรกเขาน่าจะกังวลมากๆ แต่เหมือนมันหลายรอบแล้ว เขาน่าจะมีความเคยชินว่าร้านเราก็จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เขาก็เข้าใจเรา เราก็เข้าใจเขา มันต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันตอนนี้”

แต่ร้านต้นไม้ยังไม่กระทบใช่ไหม? “ยังไม่กระทบอะไร เพราะว่ามันไม่ต้องมีต้นทุนในเรื่องต้องเปิดร้านทุกวัน ค่าไฟ ค่าพนักงาน หรือวัตถุดิบที่เราสต๊อก มันก็ยังเบาหน่อย”

แต่อันนั้นก็ลงทุนเยอะ? “ใช่ค่ะ”

อยากจะฝากบอกอะไรผู้ใหญ่ไหม? “วันหลังถ้าจะปรับเปลี่ยนอะไร อย่างน้อยแจ้งล่วงหน้าให้พวกเราได้มีเวลาวางแผนกันดิบดีนิดนึงได้ไหมค่ะ แบบนี้มันกระชั้นชิดเกินไป เตรียมตัวไม่ทันเลยค่ะ”

ขอบคุณรูปจากไอจี : esthersupree