F1 The Movie (2025) ที่ TrueID เล่าเรื่องของ Sonny Hayes (Brad Pitt) อดีตนักแข่ง F1 ที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนต้องห่างหายจากสนามไปนานกว่า 30 ปี วันหนึ่งเขาได้รับโอกาสกลับมาช่วยทีม APXGP ที่กำลังล้มเหลว และต้องฝึกสอนนักแข่งดาวรุ่ง Joshua Pearce (Damson Idris) ในภารกิจพลิกฟื้นทีมและค้นหาหนทางกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เป็นผลงานที่กำกับโดยผู้กำกับ Joseph Kosinski เขียนบทโดย Ehren Kruger วันนี้ผู้เขียนจะพาไปดู 5 เหตุผลที่ควรดู F1 : The Movie (2025) รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. ถ่ายทำในสนามแข่งจริง https://www.facebook.com/reel/1243849977250526 มีทั้งหมด 14 สถานที่ 10 สถานแข่งขันทั้งสหราชอาณาจักร,อาบูดาบี,เบลเยียม,อิตาลี,เนเธอร์แลนด์,ญี่ปุ่น,เม็กซิโก,สหรัฐอเมริกา,ฮังการี และฟลอริดา ซึ่งทำให้เนื้อหาสมจริงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากฝึกซ้อมหรือฉากแข่งขันจริงๆ อีกทั้งเรายังได้มองเห็นมุมมองตัดต่อภาพในกล้องเหมือนรับชมรถแข่งจากในสนามจริงๆที่เรามองเห็นทั้งมุมของผู้ชม เสียงเชียร์ นักแข่งขัน และโค้ชนำจริงๆ 2. แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ถึงจะสร้างมาจากนิยาย แต่ F1 ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงของนักแข่ง Martin Donnelly ที่ประสบอุบัติเหตุในปี 1990 และยังมีการใช้ฟุตเทจการชนของเขาในหนังอีกด้วย เพื่อสะท้อนนักแข่งที่เคยรุ่งโรจน์แต่ต้องหยุดแข่งขันหลังอุบัติเหตุแสดงถึง ความท้าทายทั้งด้านร่างกายและจิตใจของนักแข่งที่ต้องกลับมาสู่สนามหลังจากผ่านเหตุการณ์อันตราย และฉากดราม่ายังดูเรียลอีกด้วย ฉากในเรื่องก็สมจริงสุดเสมือนผู้ชมอยู่ในสนามแข่งรถกันเลยทีเดียว สนุกมาก ตื่นเต้นมาก ลุ้นมาก ครบทุกอารมณ์จริงๆ 3. เสียงตอบรับที่ดีจากวงการ F1 จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแข่ง F1 ตัวจริงหลายคนที่ปรากฏตัวในเรื่อง Lewis Hamilton แสดงความภาคภูมิใจในภาพยนตร์และกล่าวว่า "มันเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง" หลังจากการฉายรอบปฐมทัศน์ในโมนาโก Lando Norris กล่าวว่า "มันเป็นภาพยนตร์ที่ดีมาก มีเรื่องราวที่น่าสนใจ" และCharles Leclerc กล่าวว่าภาพยนตร์นี้ "ให้แรงบันดาลใจแก่ผู้ชม" 4. ทักษะการแสดงของ Brad Pitt และความสมจริงทั้ง ภาพ เสียง รถ และทีมงาน Brad Pitt สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ของนักแข่งได้อย่างสมจริง การแสดงออกทางสีหน้าและสายตา สะท้อนถึงความท้าทายทางจิตวิทยาของคนที่ต้องกลับสู่สนามหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง Brad Pitt ทำการฝึกซ้อมการขับรถ F1 แบบจริงจังปรึกษาและทำงานร่วมกับ นักแข่งตัวจริง เช่น Lewis Hamilton และ Max Verstappen ทำให้ภาพ เสียง รถ และทีมงาน และการวิเคราะห์การแข่งขันมีความสมจริงสูง การเสียดสีของยาง การเปลี่ยนเกียร์ และเสียงลม ผู้ชมจะได้ยินเสียงแบบจัดเต็มเลย 5. หนังประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วไป F1: The Movie (2025) ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และกระแสตอบรับจากผู้ชมทั่วไป เปิดตัวในวันที่ 27 มิถุนายน 2025 และสามารถทำรายได้เปิดตัวทั่วโลกสูงมาก จนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ทำรายได้รวมกว่า 608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั่วโลก ติดอันดับหนึ่งในภาพยนตร์กีฬา (sports drama) ที่ทำรายได้สูงที่สุด ผู้ชมชื่นชมการถ่ายทำที่ใช้สนามแข่งจริง 10 สนาม และทีมงาน F1 ตัวจริง ฉากแข่งรถถูกมองว่าสมจริงจน เหมือนนั่งอยู่ข้างคนขับ สำหรับคนที่เป็นสายกีฬาชอบการแข่งรถเร็ว การแข่งขัน การท้าทาย และความตื่นเต้น ไม่ควรพลาดเลยกับหนังเรื่องนี้ จบไปแล้วนะคะกับ 5 เหตุผลที่ควรดู F1 : The Movie (2025) ทุกคนมีความเห็นยังไงหลังจากดูหนังจบก็แชร์ความคิดกันเข้ามาได้นะคะ บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addams รีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษ รีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่ รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผน รีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 / 2 โดย Major Group รูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 โดย Major Group จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !