เปิดใจหมดเปลือก!! แอริน ยุกตะทัต ยอมรับเคยเหลิงในชื่อเสียงจนเพื่อนเลิกคบ
ข่าวบันเทิงวันนี้
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวมากความสามารถ "แอริน ยุกตะทัต" ที่เราจะคุ้นชินในบทบาทของนางร้ายที่เป็นภาพติดตา ที่เจ้าตัวได้มาเยือน "รายการ ต้มยำอมรินทร์" ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เล่าเรื่องราวย้อนเรื่องราวในชีวิตที่เล่นร้ายจนอินจัดสลัดไม่ได้ ไปร้ายใส่ครอบครัวจนคุณแม่รับไม่ได้สั่งให้ออกจากวงการ แถมสัมผัสลี้ลับยังแรงได้อีกได้ยินเสียงวิญญาณนับครั้งไม่ถ้วน แถมยังโดนทัก มีผีตามขี่คอไม่ยอมปล่อย พร้อมแย้มเรื่องความรักที่ลงล็อคลงตัวพร้อมมีทายาทมาก แต่ยังไม่ได้วางแพลนวิวาห์
แอริน ยุกตะทัต ยอมรับเคยเหลิงในชื่อเสียงจนเพื่อนเลิกคบ
อยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว?
แอริน : ประมาณจะ 13 ปี ตอนนั้นเข้าวงการเป็นเรื่องที่ตลกมาก คือ จริง ๆ รู้จักกับพี่เจี๊ยบ โสภิตนภา กับพี่อ้อม พิยดา อยู่แล้วไปทานข้าวด้วยกันแล้วพี่บอย ถกลเกียรติ ก็มาทานด้วยเพราะสนิทกัน เขาก็บอกว่า แอ ไปทำผม ไปแต่งตัวหน่อยเผื่อไปเล่นละคร (ตอนนั้นก็พูดกันเล่น ๆ ค่ะ) แล้วพี่บอย ก็ถ่ายรูป แอ ไปแล้วก็ให้ไปแคสเรื่องแรกเป็นตัวร้ายแล้วก็ได้เลย
ตั้งแต่เรื่องนั้นเล่นเป็นนางร้ายมาตลอดเลยหรือเปล่า?
แอริน : ก็จะมีเป็นเหมือนนางรอง แล้วก็มีแคสเป็นนางเอกแต่เพราะเราติดความร้าย (จำได้เลยว่าแคสกับพี่ป้อง ณวัฒน์ แล้วเป็นฉากที่เราต้องกวาดบ้านอยู่แล้วเขาเปิดประตูเข้ามา เราต้องแบบอุ๊ย!! อย่าสิ อะไรประมาณนี่ แต่เราเป็นแบบอย่าสิ!! แบบดูเอาเรื่องแทนที่จะเป็นนางเอกแบบว่าไม่สู้คนนิดนึง แต่กลับเป็นเหวี่ยงตลอดเวลา) ก็เลยไม่ผ่าน แล้วนางรองก็พอได้เพราะภาพไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น แต่ส่วนมากบทบาทที่ได้รับคือนางร้ายอย่างเดียว
ชีวิตเราที่เป็นนางร้ายมาตลอดแล้วชอบมั้ย?
แอริน : ชอบมากค่ะ มีความสุขมากทุก ๆ คนจะถามว่าน้อยใจไหมไม่เคยได้เป็นนางเอกเลย จะบอกว่าไม่น้อยใจเลยเพราะว่าเราไปเล่นบทดีคนอื่นแยกซีนหมดเลย เพราะคนดูเขาไม่เชื่อเราด้วยถ้าเราเล่นเป็นคนดี อีกอย่างเพราะเราเป็นคนพลังเยอะจะโวยวายเราสนุกกับมันแล้วเรามีพลังเยอะด้วย
ถึงขนาดว่าติดนิสัยนางร้ายกับไปร้ายที่บ้านจนคุณแม่รับไม่ได้?
แอริน : คือ ตอนเด็ก ๆ เราไม่เข้าใจว่าคัทจบกลับบ้านเราเกิดแล้วเราดับไม่เป็น เรื่องแรกกลับไปโวยวายกับคุณแม่ที่บ้าน เพราะอารมณ์เราค้างจนคุณแม่บอกว่าไม่ต้องเล่นแล้วนะละคร ถ้าจะเป็นแบบนี้ไม่ต้องเล่นแล้วนะ เพราะนิสัยเราเปลี่ยนไปเลย (พอคุณแม่พูดเตือนสติ) เราก็ยังไม่ได้สติสักพักเลยนะคะ พอเข้าวงการละครเรื่องแรกมันดังข้ามคืนเลยเราเหลิง เราลืมตัวจนเพื่อนไม่คบเลยนะคะ แบบประมาณว่าถ่ายรูปฉันอีกแล้ว วันนี้ฉันลงข่าวอะไรประมาณนั้นเลยหลุดไปในโลกเหลิง หลงตัวเองไปเลย (แต่ดีนะคะที่เพื่อนเลิกคบไม่งั้นก็คงไม่ลงมา เหมือนว่าเราไปเจอเพื่อนแล้วเพื่อนไม่มีใครคุยด้วยเลย เขาไม่ได้หมั่นไส้ในความหลงของเรานะคะ แต่เขาพยายามเตือนสติเราว่าไม่ใช่นะกับสิ่งที่เราเป็นอยู่) แต่สิ่งทีเรียกสติเรากลับคืนมาคือ ไม่มีใครคบ แล้วเราดึงสติตัวเองกลับมาว่าไม่ใช่นะเราต้องนึกถึงคนอื่นนะเวลาเราคุยเราถามเขาบ้างไหมว่าเขาเป็นยังไง ไม่ใช่ให้ทุกคนมาสนใจแค่เรา ๆคนเดียว
เคล็ดลับในการเล่นร้ายของ แอริน ที่ไม่เหมือนคนอื่นบอกได้ไหมว่าคืออะไร?
แอริน : แอ อยากจะบอกว่าตัวเองไม่มีเคล็ดลับเลย เราแค่เชื่อว่าเราเป็นตัวนั้นจริง ๆ ก่อนที่จะถ่ายทุกครั้งเราก็แค่ตั้งสติแล้วคิดว่าก่อนหน้านี้เราถ่ายอะไรมาก่อนก็ค่อย ๆ จัดลำดับเหตุการณ์แล้วเอามาประกอบการเล่นในทุก ๆ ครั้ง
เห็นว่าตอนเด็ก ๆ ก่อนเข้าวงการคือ ดื้อมาก ดื้อขนาดไหน?
แอริน : ตอนเด็ก ๆ ดื้อมากอันนี้ ก่อนเข้าวงการนะคะ หนีออกจากบ้านเลย ปีนรั้วเพราะเราอยู่ที่บ้านมีคุณตาคุณยายคุณแม่ เราก็หนีไปเที่ยวเพราะเราขอที่บ้านแล้วเขาไม่ให้ไป แล้วโกหกว่าไปนอนบ้านเพื่อนแต่ก็ไปนอนจริง ๆ นะคะ แต่เราก็ไปเที่ยวด้วย พอเที่ยวเสร็จเราก็ปีนรั้วกลับเข้ามาคือถามว่าเขารู้ไหม จริง ๆ แอ ว่าเขาก็รู้ เราก็ทะเลาะกันหนักมากกับที่บ้านคุณยาย ร้องไห้เลย แต่หนึ่งอย่างที่ดีคือ แอ เที่ยวแต่ แอ เรียนดีเขาก็เลยโอเค เพราะขอให้เราเรียน พอเรามองย้อนกลับไปในวันที่เราเกเร เราดื้อ แอ รู้สึกผิดมากเลยนะ แอ จะเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ให้มากกว่านี้ จะตั้งใจเรียนทำให้ดีที่สุดเพราะช่วงเวลาตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดอยู่แล้ว และมันมีค่ามาก ๆ เลย เราก็อยากกลับไปแก้อะไรหลาย ๆ อย่าง เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ให้มากขึ้นดีกว่าเพราะเราทำให้พ่อแม่เสียใจมาเยอะมากมันไม่ดีเลยค่ะ
อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเลิกเป็นเด็กเกเร?
แอริน : พอคุณพ่อเสีย (ท่านหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เพราะเหมือนแค่ว่าตอนเช้าท่านเหมือนไม่สบายแล้วก็หลับไปก็มาตื่นอีกเลย) เพราะเหตุการณ์ที่เราสูญเสียคุณพ่อไปแบบกะทันหันเราเลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรแน่นอนเลย เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้วเพราะเรายังมีน้องชายอีกคนเราจะทำยังไงเพราะคุณพ่อ เป็นคนรักครอบครัวด้วยเราก็คิดได้ว่าอย่าทำให้ครอบครัวเราเสียใจเราต้องทำให้ดีกว่านี้ เราเลยกลับมาทำตัวดีขึ้น
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนใหญ่มากในชีวิตคือ ตอนที่ตรวจเจอว่าจะเป็นเร็งระยะที่สอง?
แอริน : ใช่ค่ะ คือ ตอนที่ตรวจเจอเรามีอาการปวดที่ใต้ลิ้นปรี่แถว ๆ ชายโครง แบบหายใจไม่ออกเลยไปโรงพยาบาลไป MRI ไป CT Scan ไปเจาะเลือดพบ ซีสในรังไข่ แล้วก็น้ำในปอด ค่ามะเร็งสูงมาก(ระยะที่สอง) เราก็ตรวจหลายโรงพยาบาลมากซึ่งทุกโรงพยาบาลที่เราไปตรวจก็คือ ค่ามะเร็งสูงทั้งหมดเราก็ตรวจแต่ไม่เจอค่าก้อนมะเร็ง ตรวจจนเราท้อ ว่ามันคืออะไร มันเป็นอะไร จนแบบช่างมันไปเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราป่วยนะคะ เพราะเรายังใช้ชีวิตปกติคือทำงานด้วย เที่ยวด้วย ออกกำลังด้วยเพราะรู้สึกว่าตัวเองฟิตมาก เราไม่ได้ป่วยนะเรารู้สึกว่าเราไม่ใช่คนป่วย หมอก็ค่อย ๆ ฉีดยาให้มันก็หายไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่สุดท้ายเราก็ไม่รู้เหตุผลสาเหตุเลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้ไม่มีค่ามะเร็งแล้วค่ะ เป็นปกติแล้วสรุปไม่เป็นอะไรเลยค่ะ
แล้วสัมผัสพิเศษของเรามาตอนไหน?
แอริน : คือ ถ้าจำครั้งแรก ๆ ที่เราจำได้ตอนเด็ก ๆ เลยเพราะเราไม่รู้ตัวอยู่ที่บ้านโดนผีอำ ขยับตัวไม่ได้ (คือ เหมือนว่าบางคนเขาเราว่าเพราะสมองเรายังไม่ตื่นทำให้เราไม่สามารถขยับร่างกายได้) คือ ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าเพราะผีอำนะคะ คิดว่าเส้นยึด แต่พอหลาย ๆ ครั้งและทุกครั้งที่เราจะขยับตัวจะมีคนมาพูด มีเสียงมาพูดข้าง ๆ หู ที่เราได้ยินคือเราจะรู้ว่าไม่ใช่ภาษาคน (อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วยนะคะ) เสียงที่เราได้ยินคือมีหลายเสียงเลยค่ะ แล้วแต่ที่ที่เราอยู่ เราได้ยินแต่เสียงนะคะ แต่เราไม่ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เราจะได้ยินแต่เสียงแต่เหมือนเขามาพูดใกล้ ๆ เราเลย แต่ถ้าเราไปนอนต่างที่เราจะได้ยินเสียงเดินด้วย เวลาที่เราไปถ่ายละครเราต้องนอนค้างก็จะขอกลับบ้านค่อยข้างบ่อย ทุกวันนี้ที่บ้านยังเจอเรื่อย ๆ เลยค่ะ แต่ที่เราเห็นเป็นคนเป็นรูปเป็นร่างเลยมีค่ะ เห็นเป็นคุณพ่อ(แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่แอ ว่าคือคุณพ่อเรานอนอยู่ที่เตียงที่บ้านแล้วเราครึ่งหลับครึ่งตื่นเรากำลังเพลีย ๆ เราลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคุณพ่อ เราก็ดีใจแต่ลืมว่าท่านเสียแล้วเราดีใจมากแล้วเหมือนว่าเราจะไปกอดท่านแล้วท่านก็หายไป คือ ตอนนั้นเป็นอะไรที่ใจสลายที่สุดแล้วและก็เป็นครั้งนั้นครั้งเดียวที่ได้เห็นคุณพ่อ
เคยมีใจความที่เราจับได้ไหมว่าเขาพูดอะไร?
แอริน : เคยค่ะ ตอนที่เราสวดมนต์เพราะเรากลัวแล้วเขาสวดตามเรา แต่เราเคยฝันแล้วเห็นเลขเวลาที่เราไปซื้อก็ถูกนะคะ การที่เรามีสัมผัสพิเศษแบบนี้คงอาจจะเป็นเพราะเราเกิดวันพุธกลางคืนด้วย (เพราะก็จะมีคนทักเราตลอดว่าจะมีวิญญาณตามเรา) เพราะ แอ ก็จะมีอาจารย์ที่นับถือท่านได้ทักเราว่าอย่าตกใจนะเรามีวิญญาณผู้หญิงตามอยู่ เราก็ถามว่าตามยังไง ท่านก็บอกว่านั่งอยู่ที่บ่าเรา ท่านก็บอกว่าให้เราไปปล่อยเขาให้ไปปีนเขา ไหว้พระ เข้าป่าให้เขาไปอยู่ที่นั้น
ช่วงที่โดยทักตอนนั้นชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
แอริน : ช่วงนั้นงานเงียบค่ะ คือ ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ไม่ค่อยเอ็นดูเท่าไหร่ ทำอะไรก็ติด ๆ ขัด ๆ ไปหมดเลยไปหาอาจารย์ไปไหว้พระ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ
เห็นว่านอกจากเป็นผู้หญิงแล้วยังมีเด็กตามด้วย?
แอริน : มีอาจารย์หลายท่านเลยทักเราว่าเคยทำแท้งมาหรือเปล่า หรือว่าคนในครอบครัวเคยทำแท้งไหมเราก็ไม่รู้เพราะเราก็ไม่เคยอยู่แล้ว ท่านบอกเราว่าเขาตามมาบอกว่าเป็นญาติท่านบอกเราว่าไม่ใช่คนเดียวด้วยมีหลายคนเลย สิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไรกับเราไหมช่วงนั้นงานเราก็เงียบเหมือนกันนะคะ ติด ๆ ขัด ๆ มีปัญหาต่าง ๆ นานา ๆ กับที่บ้าน กับเพื่อนวิธีการแก้ของเราคือ ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลเราก็ทำทั้งหมดเท่าที่เราทำได้
ตอนนี้ยังทำอยู่ไหม?
แอริน : ไม่รู้เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากรู้เพราะแอรู้สึกว่ามันจะทำให้เราเครียดแล้วก็คิดมาก เราถือว่าเราทำดีที่สุดแล้วอุทิศบุญกุศลให้เขาไปเรื่อย ๆ
ซึ่งนอกจากจะทำบุญ อุทิศส่วนกุศลแล้ว ยังด่าอีกด้วย?
แอริน : อันนี้เพราะว่าเราง่วงมาก ๆ แล้วเราต้องตื่นเช้าไปทำงานแล้วเรานอนไม่หลับเพราะ แอ มีปัญหานอนไม่หลับอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่คือ อำบ้าง หรือไปได้ยินเสียง เพราะ แอ จะรู้ว่าเขากำลังจะมา แอ ก็จะบอกว่าจะเอายังไงอยากไปเกิดไหม ถ้าอยากไปเกิดก็เงียบ ๆ จะทำบุญไปให้ (เราก็พูดออกมาเสียงดังเลย) พอเราตะโกนออกไปแบบนี้คือ ดีที่สุดเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา
แต่เรื่องนี้ขอยุ่งขอถามนิดถึงเรื่องหัวใจ ตอนนี้เห็นว่าเป็นสีชมพูมาก ๆ ใกล้แต่งหรือยังเอ่ย?
แอริน : ยัง ๆ ค่ะ ขอยังไม่ขอ รอให้ผู้ชายมาพูดดีกว่าเราเป็นผู้หญิงพูดไปไม่ดี (ถ้าเขาขอเราก็แต่งสิคะ (หัวเราะ)) ตอนนี้ก็ยังมีหลาย ๆ อย่างที่อยากให้พร้อมกว่านี้ เพราะเราก็คบกันมาก็จะ 3 ปีแล้ว จริง ๆ อยากมีลูกมาก ๆ เพราะตอนนี้เพื่อนเราทุกคนคือ มีลูกกันหมดแล้ว เราก็ไปฝากไข่ไว้แล้วแต่ทำไม่ได้เพราะไข่เราน้อยผิดปกติ เราเลยต้องปล่อยไปธรรมชาติค่ะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :