รีเซต

รีวิวหนัง "She Said เสียงเงียบของเธอ" ที่บัดนี้เสียงนั้นจุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก

รีวิวหนัง "She Said เสียงเงียบของเธอ" ที่บัดนี้เสียงนั้นจุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก
Jeaneration
22 พฤศจิกายน 2565 ( 11:00 )
1.4K

หนังสายรางวัลก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูกาลในเมืองไทยแบบเบา ๆ แล้วเช่นกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย "She Said เสียงเงียบของเธอ" ที่มาพร้อมกับประเด็นทางสังคมสุดอื้อฉาวคาวโลกีย์ ที่กลายเป็นแรงผลักดันและการขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ระดับโลกในยุคปัจจุบัน เพียงแค่ความพยายามกล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ กลายมาเป็นเสียงตะโกนที่กึกก้อง กับเรื่องราวที่พวกเธออยากจะให้โลกได้รับรู้!

She Said เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวแห่งสื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้ทำการเปิดโปงและเปิดตัวการเคลื่อนไหวของแคมเปญ #MeToo ที่กลายเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยพฤติกรรมชั่วล่วงละเมิดทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ที่อื้อฉาวไปทั่วทั้งวงการฮอลลิวูด เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริหารระดับสูงจากสตูดิโอหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง

คือถ้าหากว่าคุณเคยประทับใจจากหนังสายรางวัลประเภทหนังสืบสวนเชิงข่าว อย่าง "Spotlight คนข่าวคลั่ง" ที่ได้ออสการ์ไป หรือ "The Post เอกสารลับเพนตากอน" ที่เคยโดดเด่นบนเวทีรางวัล คุณก็น่าจะหลงใหลและลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะโทนของหนังก็มาในทิศทางและท่วงทำนองแบบเดียวกัน คือกลายเป็นหนังดราม่าสืบสวนที่เกือบจะกลายเป็นเชิงสารคดีข่าวไปแล้วในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างดูง่ายและย่อยง่าย คนดูสามารถแตะต้องประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรเยอะ

นี่คือผลงานกำกับหนังฮอลลิวูดเรื่องแรกของเต็มตัวของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน "มาเรีย ชเรเดอร์" ที่อาจจะบอกได้ว่าฝีไม้ลายมือของเธอนั้นก็ค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ สามารถชูประเด็นและนำเสนอหนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าเรื่องออกมาได้ค่อนข้างมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไปสำหรับประสบการณ์ของเธอสักนิดหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ องค์ประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่าไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดจ้านพอ และยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ปะปนออกมาอยู่มาก

โดยหนังเรื่องนี้ได้นักเขียนฝีมือดีชาวอังกฤษ "รีเบคก้า เลนคีวิซ" (จาก Disobedience และ Ida) ที่ถือว่าคลุกคลีและหยิบเอาประสบการณ์ตรงในการทำงานข่าวเชิงสืบสวนของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว หนังอาจจะมีทิศทางการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเข้าถึงง่ายและไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ แต่กระนั้นก็ยังพบว่ามีบางจุดที่ค่อนข้างย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ หากว่าสามารถกระชับในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักนิด คิดว่าหนังน่าจะประทับใจได้ยิ่งกว่า

แม้ว่า She Said มาได้วัตถุดิบและประเด็นชั้นเลิศนำมาปรุงรส แต่ก็แอบเสียดายอยู่เล็กน้อยที่ว่าประเด็นที่หนักแน่นและยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่องข้างต้นที่อ้างอิงเข้าไปข้างต้นนั้น ถือว่าเรื่องนี้ยังค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ เพราะในท้ายที่สุดหนัง หนังแทบไม่ได้สร้างมิติและลูกเล่นได้อย่างมีชั้นเชิง เป็นเพียงการเล่าเรื่องไปตามสูตรแบบจับวางตามไทม์ไลน์ที่ควรจะมีเสน่ห์ได้มากกว่านี้

แต่กระนั้นหนังก็ยังโชคดีที่มีทีมนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของและพ่นไฟในหนังเรื่องนี้ ที่ช่วยแบกและพยุงหนังเอาไว้เกือบทั้งเรื่อง "แครี่ มัลลิแกน" กับ "โซอี้ คาซาน" เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหนของพวกเธอถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน เพียงแต่น่าเสียดายอยู่บ้าง เพราะเชื่อว่าพวกเธอยังสามารถทำได้ดีกว่านี้ ถ้าหากว่าโครงสร้างของเขามีความหนักแน่นมากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก

"แพทริเซีย คลาร์กสัน", "อันเดร บรอย์เกอร์" หรือ "เจนนิเฟอร์ เอเล่" ถือว่าเป็นทีมนักแสดงสมทบที่มาช่วยเติมรสชาติให้กับเรื่องนี้ และอย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่นที่น่าสนใจด้วยการเชื้อเชิญนักแสดงที่เคยตกเป็นเหยื่อในกรณีดังกล่าวมาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาเพียงแค่เสียง แต่ถือว่าเป็นกิมมิกที่พยายามช่วยยกระดับความทรงพลังให้กับหนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น และเป็นการส่งสารที่สตรองยิ่งขึ้น

หนึ่งในลูกเล่นที่ค่อนข้างน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่เท่าไหร่ นั้นก็ถือหยิบเอาหลักฐานจากสถานการณ์จริงมาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนังที่ถูกกล่าวหานั้น ถูกนำมาเปิดใช้ประกอบในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสียของหนังไม่น้อย เพราะทำอะไรแบบนี้ก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องได้เหมือนกัน แต่เมื่อเจตนาของหนังต้องการที่ตีแผ่สังคมและเปิดโปงในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้มาใช้ก็พอจะสมเหตุสมผลด้วยดี

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็ถือเป็นหนังสืบสวนเชิงข่าวที่พอดูได้อย่างจับใจ ถึงหนังจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกทิศทาง มีข้อบกพร่องอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะทิศทางการนำเสนอของเรื่องที่ไม่ได้หนักแน่นแข็งแรงเพียงพอ ทั้งที่ได้ประเด็นที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่หนังก็ได้ทำหน้าที่สื่อสารตามวัตถุประสงค์ของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้าที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่จำนนยอมเพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล

ดังนั้น She Said เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยประโยคและวลีเด็ด ๆ ในการใช้เพียงขับเคลื่อนสังคมเอาไว้มากมาย แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ทำให้รู้สึกขยะแขยงและหดหู่ใจไปในคราวเดียวที่ได้ยินว่า "...กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องผู้ที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ" ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก เพราะนี่มันคือความจริงในสังคม เพราะในที่สุดแล้วคนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้กับผู้ที่เรืองรองอิทธิพลอยู่เต็มสิบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ

  • ประเภท: ดราม่า
  • ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์
  • นำแสดงโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน
  • ความยาว: 129 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 1 ธันวาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: She Said เสียงเงียบของเธอ

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)

-------------------------------------

ดูหนังออนไลน์ได้ที่ >> Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย https://bit.ly/3xEgdAa