รีวิว Zom 100 Bucket List of Dead (2023) หนังดัดแปลงจากอนิเมะที่เน้นดูเพลินครบรสหลากอารมณ์ [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflix บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Zom 100 Bucket List of Dead (ซอม 100: สิ่งอยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้)หนังเรื่องนี้เป็นฉบับไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะในชื่อเดียวกัน ซึ่งจะว่าด้วยเรื่องราวของ อากิระ เท็นโด (รับบทโดย เออิจิ อาคะโซ) ชายหนุ่มพนักงานออฟฟิศที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับการทำงานด้วยความหวังที่ว่าซักวันบริษัทจะเห็นค่าเขาและเลื่อนตำแหน่งให้ แต่ว่าการทำงานแบบบ้าคลั่งไม่มีหยุดหย่อนนั้นก็ส่งผลให้เขารู้สึกไม่อยา็กไปทำงาน จนกระทั่งในเช้าวันหนึ่งในระหว่างการเดินทางไปทำงาน ปรากฎเกิดเหตุไวรัสระบาดจนทำให้คนทั้งเมืองกลายเป็นซอมบี้ แทนที่จะรักตัวกลัวตายแต่เท็นโดกลับดีใจ เพราะนั่นหมายความว่าเขาจะไม่ต้องไปทำงานอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทำการเขียนลิสต์ 100 สิ่งที่เขาอยากทำก่อนที่ตัวเองจะถูกกัดและกลายเป็นซอมบี้ สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร และ 100 สิ่งที่เขาอยากทำนั้นมีอะไรบ้าง ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Zom 100 Bucket List of Dead (ซอม 100: สิ่งอยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง Zom 100 Bucket List of Dead (ซอม 100: สิ่งอยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้)รีวิว Zom 100 Bucket List of Dead (ซอม 100: สิ่งอยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้)สำหรับหนังเรื่องนี้ต้องบอกว่าผมตั้งตารอมาตั้งแต่มีการประกาศสร้างแล้ว คือเห็นแค่พล็อตเรื่องก็อยากดูแล้ว แต่มารู้ทีหลังว่าหนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือมังงะ และได้มีการปล่อยฉบับอนิเมะออกมาก่อนแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งผมก็ได้ดูฉบับอนิเมะไปบ้างแล้ว ทำให้พอรู้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้เน้นขายขำอย่างเดียว แต่ก็มีพล็อตดราม่าเล็กๆ ซ่อนเอาไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งยอมรับว่าฉบับอนิเมะทำออกมาได้ดีมาก ส่วนในฉบับหนังนี้ส่วนตัวผมว่าไม่ถึงกับดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่เลย ตัวหนังจะต่างจากอนิเมะคือเขาจะตัดทอนรายละเอียดบางอย่างลงเพื่อให้เล่าเรื่องให้ได้มากที่สุดในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ดังนั้น มันจึงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพราะศาสตร์ในการเล่าเรื่องของหนังและซีรีส์หรืออนิเมะแบบตอนยาวมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่แล้ว หนังจะต้องเล่ากระชับตรงประเด็น ซึ่งยอมรับว่าฉบับหนังเขาทำส่วนนี้มาได้ดี โดยโฟกัสไปที่พัฒนาการของตัวละครสำคัญเป็นหลักในส่วนของบทภาพรวมถือว่าไม่ได้แย่เขากระชับและเล่าช่วงต้นแบบเร็วๆ ตอนที่พระเอกอยู่คนเดียวเพื่อไม่ให้คนดูรู้สึกเบื่อ จากนั้นก็มีการแนะนำตัวละครสำคัญมาอีก 2 ตัว คือเพื่อนพระเอกและนางเอก แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าบทในเรื่องมันค่อนข้างสูตรสำเร็จ ซ้ำๆ เดิมๆ ตามไตล์หนังฟีลกู๊ดมิตรภาพของญี่ปุ่น ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่มากมาย ผูกปมให้พระเอกเป็นคนขี้แพ้และไม่กล้าตัดสินใจ พอได้ไปใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ได้อยู่กับเพื่อนๆ ความคิดก็เปลี่ยนและมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งมันเป็นมุขเดิมๆ ที่เห็นอยู่ทั่วไป โชคยังดีที่เขาเล่าเรื่องและลำดับเหตุการณ์ได้อย่างพอเหมาะพอดีและลื่นไหล รวมไปแมสเสจที่หนังต้องการจะสื่อก็ชัดเจนและมีพลัง มันจึงเป็นความจำเจที่ดูแล้วยังสนุกและเพลิดเพลินไปได้ เหมือนอาหารจานเดิมๆ ที่กินกี่ครั้งก็อร่อย แถมเขายังผสมหลายอารมณ์ได้อย่างลงตัว ทั้งพาร์ทดราม่าของตัวละครพระเอก ปมระหว่างพระเอกกับเพื่อนสนิท ความตลก ความสยองขวัญชวนขนลุกของซอมบี้ ทุก ไปจนถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดู เขาผสมทุกอย่างเหล่านี้ได้อย่างลงตัว ไม่มีอะไรมากไปหรือน้อยไปมาต่อกันที่ส่วนของการแสดง ส่วนนี้ก็ตามมาตรฐานทั่วไปของหนังญี่ปุ่นเลย นักแสดงเขาจะเน้นเล่นใหญ่ แสดงออกทางสีหน้าเยอะจนเกินปกติ ซึ่งหากใครดูหนังญี่ปุ่นหรือชอบหนังญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ไม่น่าจะติดอะไร แต่ใครที่เคยชินกับการแสดงน้อยแต่มากของฮอลลีวูดก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ และขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่มันก็พอถูๆ ไถๆ ไม่ได้มีฉากเล่นใหญ่เยอะจนถึงขนาดทำให้หงุดหงิด ส่วนต่อมาคือด้านงานภาพ ส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย งานภาพทำได้ดี การใช้สีภาพก็ดีเช่นกัน เปลี่ยนไปตามอารมณ์และสถานการณ์ในเรื่อง จังหวะฟีลกู๊ดสดใสสีภาพก็ดูสดใสไปด้วย พอฉากซอมบี้น่ากลัวๆ ภาพก็มาทางโทนเย็นมืดๆ เพิ่มความสยองขวัญ และสุดท้ายคืองานโปรดักชั่น อันนี้ก็สุดยอดมากๆ ฉากทุกอย่างไปจนถึงงานซีจีทำออกมาได้ดีพอตัว ฉากดูสมจริง ซอมบี้ทำออกมาได้ดูน่ากลัว การตัดต่อก็ทำได้ดี ไปจนถึงการใช้ซาวน์และเพลงประกอบก็ดีเช่นกัน สรุปโดยรวมเลยคือ หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังซอมบี้แนวฟีลกู๊ดที่ไม่ได้ขายความน่ากลัวหรือความสิ้นหวัง แต่ยังมอบพลังบวกและให้ข้อคิดหลายๆ อย่างกับคนดูด้วย เป็นหนังเบาสมองที่ซ่อนประเด็นๆ คมๆ ไว้อย่างแนบเนียน สนุกดูเพลิน เดินเรื่องเร็ว ไม่น่าเบื่อ เหมาะกับคนที่กำลังหาหนังดูแก้เบื่อเซ็งๆ ในวันหยุด รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน อย่างไรก็ตาม อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิว เพราะรีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ผมชอบไม่ได้แปลว่าทุกคนจะชอบเหมือนกัน ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องไปดูและตัดสินมันด้วยตาของตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว DREAM (ดรีม) หนังสร้างจากเรื่องฟีลกู๊ดจากเกาหลี เมื่อนักฟุตบอลหนุ่มต้องไปเป็นโค้ชให้กับทีมคนไร้บ้าน [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว Oppenheimer (ออปเพนไฮเมอร์) สุดยอดหนังชีวประวัติจากเสด็จพ่อโนแลน เรื่องราวของการสร้างระเบิดที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบไปตลอดกาลรีวิว Hidden Strike (2023) เฉินหลง ปะทะ จอหน์ ซีนา หนังแอ็คชั่นปนฮาที่พอดูแก้เบื่อได้เพลินๆรีวิว Paradise (พาราไดซ์) หนังไซไฟพล็อตสุดล้ำ กับบทสรุปอันน่าเศร้าที่ทำให้เราได้คิดต่อ [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว ฮันมะ บากิ (Baki Hanma) ซีซัน 2 ภาคต่อที่เวอร์กว่าเดิมแต่ยังสนุกและดุเดือดเหมือนเดิม! [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ (The Murderer) หนังสืบสวนคอมเมดี้น้ำดีจากไทยที่ทุกคนไม่ควรพลาด ดีงามเกินความคาดหมาย! รับชมได้ทาง Netflixรีวิว Barbie (บาร์บี้) ภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ไม่ได้มีดีแค่ความสดใส แฝงไปด้วยข้อคิดรีวิว Sisu สิสู้...เฒ่ามหากาฬ หนังแอ็คชั่นสุดเดือดเลือดสาด เรื่องราวของอดีตทหารระดับตำนานปะทะเหล่าทหารนาซีรีวิว The Childe (เทพบุตร ล่านรก) หนังแอ็กชันระทึกขวัญจากเกาหลีที่ดีกว่าที่คิดฮากว่าที่หวัง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!รีวิว Record of Ragnarok II Part 2 (มหาศึกคนชนเทพ ซีซั่น 2 พาร์ท 2) [5 ตอนสุดท้าย] การต่อสู้สุดดุเดือดระหว่าง ศากยมุนี VS ซีโรฟุกุแหล่งที่มาทั้งหมดจาก Netflixth, Netflix Indonesiaภาพปก: ภาพที่ 1ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 วิดีโอ: ซอม 100 - 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้ | ตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ จาก Youtube: Netflix Thailandเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!