ในวงการบันเทิงที่เกี่ยวกับเสียงเพลง-ดนตรี คงเป็นความฝันของใครหลายคนไม่ใช่แค่ในไทย ในต่างประเทศก็เช่นกันอย่างสหรัฐอเมริกาก็มีผู้คนมากมายใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้องชื่อดังประดับวงการ ก็มีทั้งคนที่ทำความฝันเป็นจริงและล้มเหลวกันมากมาย สำหรับคนที่พลาดหรือล้มเหลวอาจยังพอมีโอกาสแก้ตัว สำหรับคนที่ได้เข้าวงการได้ทำฝันให้เป็นจริงแล้ว ก็ใช่ว่าจะมีความสุขแฮปปี้กับสิ่งที่ทำเสมอไปมีหลายต่อหลายครั้งสำหรับคนที่เป็นนักร้องต้องเจอกับแรงกดดันหลาย ๆ อย่างทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นแฟนคลับ , บุคคลภายนอก หรือปัจจัยภายในอย่างเช่นค่ายเพลงผู้บริหาร คงจะมีคนสงสัยว่าแค่การร้องเพลงมันน่าจะมีความสุขเพราะได้ทำสิ่งที่รัก ความจริงแล้วความฝันกับความจริงที่เจอมักจะสวนทางกันอยู่เสมอล่ะครับ1. การทำเพลงตามโจทย์ผู้บริหารที่มารูปภาพ: Simone_ph จาก Pixabayสิ่งหนึ่งที่เหล่านักร้องต้องเจอเลยคือแนวเพลงทิศทางการทำเพลงของค่ายที่สังกัดเป็นไปทางไหน นักร้องใหม่ที่เข้ามาอาจจะอยากเล่นเพลงในสิ่งที่รักที่ชอบที่อาจจะไม่ฮิตหรือได้รับความนิยม ทว่าผู้บริหารหรือหัวหน้าอยากจะทำเพลงให้อิงกระแสหลักมากกว่า อย่างเช่นอย่างทำเพลงแนวฮาร์ดร็อคหนักหน่วง แต่ผลที่ได้คือเป็นเพลงร็อคผสมป็อปไปด้วยบางทีการทำเพลงตามโจทย์อาจจะไม่ใช่แนวเพลงที่ชอบ อาจต้องมีการฝึกฝนการร้องแบบใหม่หรือต้องเล่นดนตรีเพิ่มเติม มันเลยเป็นความกดดันอย่างหนึ่งจากเบื้องบนที่ถ้าหากไม่ทำตามก็คงต้องตกงานอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเคยได้ยินคำนี้ว่า "ทำเพลงแนวนี้ไปก่อน ถ้ากระแสตอบรับดีเดี๋ยวจะให้ทำเพลงที่ชอบได้" คำพูดชวนหวานหูมักจะหลอกล่อนักดนตรีหน้าใหม่ได้เสมอ ทว่ากว่าจะได้ทำเพลงที่รักจริง ๆ คงต้องใช้เวลา2. แรงกดดันจากแฟน ๆที่มารูปภาพ: Gabriel Doti จาก Pixabayฟังดูเหมือนจะดูขัดแย้งกันเพราะแฟนคลับคือกลุ่มคนที่สนับสนุนนักร้องนักดนตรี ซึ่งน่าจะส่งเสริมซึ่งกันและกันไม่น่าจะมีอะไรต้องวิตก ความจริงมันคือดาบสองคมครับ เนื่องจากแฟน ๆ ที่มาดูนักร้องนักดนตรีที่ชื่นชอบ ย่อมเกิดความคาดหวังสูงว่าการแสดงจะต้องสมบูรณ์แบบ และนั่นภาระก็ตกอยู่กับตัวของศิลปินล่ะครับที่นอกจากกดดันตัวเองแล้วยังต้องเจอแรงกดดันที่มีชื่อว่า "ความคาดหวัง" จากเหล่าแฟน ๆ อีกยิ่งโด่งดังมากเท่าไหร่ความกดดันก็มากขึ้นเท่านั้น หากไม่สามารถทำตามที่แฟน ๆ คาดหวังได้ แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ยิ่งในยุคนี้ที่มีโซเชียลก็ยิ่งทำให้กระข่าวในด้านลบแพร่กระจายเร็วขึ้นด้วย อย่างเช่นหากร้องเพี้ยนเสียงไม่ดีหรือ Perform บนเวทีแย่มันก็จะส่งผลต่อทุก ๆ คนเช่นล่าสุด Maroon 5 กับการแสดงที่คุณภาพตกลงอย่างเห็นได้ชัด จนแฟนคลับและสื่อตั้งคำถามยกใหญ่จนนักร้องนำต้องออกมาขอโทษหากคุณภาพของการแสดงยังทำได้ดีเต็มที่แต่ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนทิศทางแนวเพลงล่ะก็ อาจจะต้องเจอแรงกดดันมหาศาลจากแแฟนคลับมากทีเดียวอย่างกรณีของ Linkin Park วงดนตรีสาย Nu-Metal พร้อมกับสำเนียงการว๊ากของนักร้องนำถูกใจวัยรุ่น จนอัลบั้มชุดต่อ ๆ มาจนถึงชุดสุดท้ายที่เน้นดนตรีเสียงสังเคราะห์กับความหนักแน่นที่ลดลง ก็ได้รับการวิจารณ์จากแฟน ๆ อย่างหนักว่าเปลี่ยนแนวดนตรีไปมากหากเป็นนักร้องไทยก็ขอยกตัวอย่างของวง Big Ass จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นเมื่อนักร้องนำคนเก่าออกจากวงไป การมาของ เจ๋ง นักร้องคนใหม่พร้อมกับการเปลี่ยนแนวดนตรีเพื่อให้เข้ากับเสียงร้อง ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจน นักร้องนำคนใหม่ได้รับความกดดันจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวันเลยทีเดียว3. แรงกดดันจากตัวเองที่มารูปภาพ: Free-Photos จาก Pixabay นอกจากแฟนคลับภายนอกกดดันแล้ว แรงกดดันจากตัวเองก็มีเหมือนกันครับกับความคิดที่ว่าจะทำผลงานออกมาได้ดีหรือไม่ การทำงานที่ต้องมีกรอบกำหนดเวลาชัดเจนจะเอาตามแต่อารมณ์ไม่ได้ ก็ยิ่งสร้างความกดดันหนักขึ้นไปอีกเพราะต้องคิดเพลงให้ได้ตามกำหนด ด้วยแรงกดดันแบบนี้ทำให้ศิลปินหลายคนต้องหันไปพึ่งยา-ของมึนเมาหรืออาจจะมีปัญหาสุขภาพทางจิตไปเลยก็ได้ครับมีหลายนักร้องหลายคน/วงที่เข้าข่ายลักษณะนี้อย่าง เท็น นักร้องนำวง Musketeer ที่มีปัญหาเรื่องเสียงร้องจนทำให้เขามีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ จนแทบไม่กล้าที่จะกลับมาร้องหรือโชว์พลังเสียงได้แบบเหมือนเดิม 4. การแข่งขันในวงการที่มารูปภาพ: Samuel Morazan จาก Pixabayนี่ก็เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่เหล่านักร้องปัจจุบันต่างวิตกกัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่สามารถปั้นตัวเองจากคนธรรมดาสู่นักร้องดังได้ชั่วข้ามคืนผ่านทางสื่อโซเชียล เลยทำให้ในยุคนี้มีนักร้องเกิดใหม่ขึ้นมามากมาย ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีที่วงการเพลงจะได้คับคั่งด้วยนักร้องหลากหลายรูปแบบ แต่ว่าสิ่งที่เป็นข้อเสียคือพื้นที่แสงสปอตไลท์ส่องก็จะน้อยลงทุกที จนเหลือแค่คนที่เก่งจริงเป็น "ของจริง" เท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เหล่านักร้องศิลปินต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อดึงดูดแฟนคลับและไม่ให้กระแสตกลงไป บ้างก็ไปเป็น Youtuber ควบคู่กับการร้องเพลง บวกกับการทำเพลงต้องให้ได้ยอดวิวใน Youtube อย่างน้อย 1 ล้านวิวก็พอจะการันตีความดังได้ก็สร้างความปวดหัวอย่างมาก ในการแต่งเนื้อร้องทำนองให้ติดหูและดนตรีต้องทันสมัยไม่ตกยุคด้วยจะเห็นว่าการจะเป็นนักร้องมายืนอยู่ต่อหน้าคนดูบนเวทีได้ต้องพบเจอกับความลำบากยากเข็ญขนาดไหน ถึงแม้ว่าหนทางจะมีความกดดันสูงแต่สิ่งที่พวกเขา/เธอยืนหยัดอยู่ได้คือฝีมือและใจรักในการร้องเพลง หากใครที่กำลังต้องการจะก้าวเข้าสู่วงการนี้ก็ขอให้คิดไตร่ตรองให้ดี ถ้าหากคิดว่ายอมรับได้ค่าตอบแทนจากวงการนี้มันมหาศาลทีเดียวก็คงเข้าข่ายกับคำว่า "High risk High Return" ล่ะครับที่มารูปภาพปก: Pexels จาก Pixabay