ความบันเทิงที่ประหยัดสุด ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด สามารถสร้างความบันเทิงเริงใจได้ทุกเมื่อ คือการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ทุกหนแห่ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ โดยในบทความนี้ จะรีวิวสรุปเรื่องย่อ “ยิว” จากวรรณกรรมของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งมีความยาวมากกว่า 360 หน้า ที่ผู้เขียนได้ใช้เวลาว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน อ่านสะสมทีละสองสามหน้า ภายใน 1 สัปดาห์ ก็อ่านจบเคล็ดลับในการอ่านวรรณกรรมขนาดยาวการอ่านวรรณกรรม ที่ให้ความบันเทิงเล่มใหญ่ หรือมีความยาวมากกว่า 200 หน้าขึ้นไป ผู้อ่านจะต้องมีเคล็ดลับในการอ่าน ในเมื่อไม่สามารถอ่านให้จบในเวลาอันรวดเร็วได้ โดยในส่วนของผู้เขียนเอง ก็ใช้วิธีหนีบหนังสือไปทุกหนแห่ง คือ พกพาหนังสือไปทุกที่ เมื่อมีเวลาว่างก็หยิบขึ้นมาอ่าน อ่านได้กี่หน้า ก็ใช้กระดาษคั่นหนังสือไว้ เมื่อมีเวลาว่างก็หยิบขึ้นมาอ่านต่อ และก็ทำเช่นนั้นไปเรื่อย จนกระทั่งจบเรื่อง เรื่องย่อของ “ยิว” ในวรรณกรรมของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช หนังสือเรื่อง “ยิว” ที่ถูกเขียนขึ้น เป็นการถ่ายทอดมุมมองและเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ โดย ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกเป็นตัวหนังสือที่ย่อโลกของชาวยิว ชนชาติที่ถูกมองว่า มีความอัจฉริยะโดยสายเลือด ซึ่งปรากฎบุคคลสำคัญของโลก ที่มีเชื้อสายยิวอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือซิกมันต์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาผู้ลือชื่อชาวยิว เริ่มมีชนชาติจากการดำรงอยู่ในระหว่างแหล่งอารยธรรมโลก คือเมโส- โปเตเมีย กับอียิปต์โบราณ ซึ่งก็คือดินแดนคะนาอัน โดยอับบราฮัม ผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้นำชาวยิว ได้พบกับพระผู้เป็นเจ้า และได้มีพันธะสัญญาเกี่ยวกับการสวดมนต์และระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า โดยจะได้รับดินแดนสำคัญเป็นของขวัญ ซึ่งการทำตามพันธะสัญญานั้น ก็ทำให้ตระกูลของฮับบราฮัม เพิ่มจำนวนขึ้นจนกลายเป็นชนชาติหนึ่งในระยะเวลาต่อมา จุดเด่นของชาว “ยิว” ที่ถูกบอกเล่าในวรรณกรรมชาว “ยิว” มีจุดเด่นในการนับถือศาสนายิว โดยการพกพาหีบไม้สลักรูปเทวดามีปีกที่มีคำสอนบรรจุไว้ เมื่อลงพักปักฐานที่ใด ก็จะทำการสวดมนต์และระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งถือว่าสถานที่แห่งนั้น เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยพระผู้เป็นเจ้าของชาวยิวนั้น ก็สะดวกในการพกพาติดตัวไปได้ในทุกหนแห่ง นี่สิ่งนี้เองกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวยิว ในการดำรงตนตามหลักศาสนา ซึ่งหลักคำสอนที่ชาวยิวถือปฏิบัติกัน คือ บัญญัติสิบประการ ที่โมเสส ได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของชาวยิว และก็ถือว่า บัญญัติสิบประการนี้ คล้ายเป็นกฎหมายในการปกครอง ที่ชาวยิวถือปฏิบัติกันมาชะตากรรมของชาวยิว เมื่อชาวยิว ได้เร่ร่อนและพยายามตั้งรกรากในดินแดนที่รอคอยพันธะสัญญาจากพระผู้เป็นเจ้า ก็กระจัดกระจายกันไปในอาณานิคมต่าง ๆ โดยชาวยิวส่วนหนึ่ง ได้อาศัยอยู่ในอารยธรรมกรีก ซึ่งเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมเจริญงอกงาม ก็ทำให้ชาวยิว ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากอารยธรรมกรีก และสร้างตนกลายเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ นักกฎหมาย พัฒนาวิทยาการต่าง ๆ จากแหล่งภูมิปัญญากรีกโบราณ จนเป็นที่มีของความเฉลียวฉลาดของชนชาติยิว ที่ได้รับอิทธิพลจากกรีก นอกจากนี้ การเร่ร่อนไปอยู่ในอาณานิคมต่าง ๆ ทำให้ชาวยิวส่วนหนึ่ง ตกเป็นเป้าโจมตีทางสังคม เพราะความรู้ความสามารถทางด้านการค้า และเศรษฐกิจของยิว จึงถูกกระทำด้วย การขับไล่ให้ออกจากประเทศ และถูกบังคับให้เข้ารีดเพื่อเปลี่ยนศาสนา ในยุคที่ศาสนาคริสต์กำลังเผยแพร่อย่างเอาจริงเอาจัง ชะตากรรมของชาวยิว จึงถูกกระทำจากการบีบบังคับต่าง ๆ นานา แต่ถึงอย่างไรชาวยิว ก็ยังคงยึดมั่นในศาสนาและดำรงตนในชาติพันธุ์อย่างสัตย์ซื่อ และแม้ถูกกระทำโศกนาฏกรรมจากพรรคนาซี ของเยอรมัน โดยฮิตเลอร์ ก็ยังไม่ทำให้ชาวยิวสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปคำสอนที่สำคัญของชาวยิวหลักคำสอนที่ว่า ทรัพยากรทุกอย่างในโลกนี้ เป็นของยิว ดูเสมือนเป็นหลักคิดสำคัญ ที่ทำให้ชาวยิวกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามความเชื่อของตน ด้วยอิทธิพลของคำสอนที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทำให้ชาวยิวกลายเป็นนักคิด นักสร้างระบบ นักเศรษฐกิจ หรือเป็นกลุ่มกลุ่มคนที่มีสายเลือดในการเป็นผู้นำใน การพัฒนาวิทยาการต่าง ๆ ด้วยความยาวของหนังสือเล่มนี้กว่า 360 หน้า ที่ผู้เขียนเองก็ใช้เวลาในการอ่านเพื่อสรุปใจความ ก็ทำให้ทราบว่า ชาวยิว ชนชาติที่มีความอดทนสูง มีความเป็นนักสู้ มีสายเลือดของการเป็นนักคิด นักพัฒนา จะต้องเผชิญชะตากรรมเร่ร่อนเพื่อหาแผ่นดินอาศัย ต่อสู้ในภัยสงครามที่ไม่รู้ชัดว่า จะทำไปเพื่ออะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขาไว้ คือ คำสอนในศาสนา ที่พกพาไปได้ทุกที่ และความสุข ความบันเทิงที่ได้รับจากการอ่านวรรณกรรมนี้ ก็คือความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์ชนชาติ และความสุนทรีจากการใช้เวลาว่างในการอ่าน ซึ่งหาได้ในทุกที่ทุกเวลา แค่เพียงมีนิสัยรักการอ่านและอยากจะอ่าน ผู้เขียนจึงขอเชิญชวนให้ผู้สนใจเรื่องราวของชนชาติยิว ได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพิ่มเติม อย่างน้อยก็ทำให้คลายความสงสัยได้ว่า อะไรคือสิ่งยึดเหนี่ยวให้กลุ่มคน ชาติพันธุ์ได้ดำรงอยู่ เพราะชาวยิวเอง ก็ได้ให้คำตอบเอาไว้แล้วเครดิตทุกภาพถ่าย โดยผู้เขียน