เฮฮาลั่นทุ่ง...เราชาวไทบ้าน! เปิดตำหรับหนังไทยลูกทุ่งเพลินครบทุกรสชาติ
ดูหนังออนไลน์
จัดให้กับเพลย์ลิสต์ดูเพลินๆ ในวันหยุดแบบนี้ หยิบเอาหนังไทยที่อัดแน่นครบทุกอรรถส ไม่ว่าจะ ตลกโปกฮา, ก๋ากั๋นสไตล์ดราม่า และ ดราม่ากินใจ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหนังที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศฉากหลังของท้องทุ่งนา เพราะพวกเขาเป็นชาวบ้านทุ่งและคนไทบ้านที่ชีวิตเต็มไปด้วยสีสันเสมอๆ เลือกสรรเปิดดูหนังได้ตามใจชอบ อยากดูหนังไทยลูกทุ่งสไตล์ไหน...ดูได้ฟรีสไตล์เลย!
แหยมยโสธร
กลางทุ่งนาที่ร้อนเดือดพล่าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดยโสธร ทอง (ชัยพันธ์ นินกง) และ สร้อย (เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ) กำลังจีบกัน อย่างชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลท่วมทุ่ง ในขณะที่ แหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) น้าชายสไตล์จิ้มลิ้มคนเดียวของทอง ถูกเจ้ย (เจเน็ต เขียว) สาวหน้าคมคล้ำ คมขำ ทั้งตามตื้อตามจีบ หลงรักสุดหล่ออย่างแหยม ชนิดหัวปักหัวปำ ทำให้แหยมรำคาญเป็นที่ซู๊ดดด...
ทั้งสี่เป็นอันรู้กันว่า เจ้ยหลงรักแหยมอย่างลงรากฝังลึก และพยายามทุกทาง ให้แหยมตอบรับน้ำใจอันนี้ แม้ว่าทองกับสร้อย จะช่วยลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอยกันเสียที แต่แหยมก็ไม่เคยหันมาสนใจ และถึงแม้ว่าเรื่องราวความรักของทองและสร้อย กำลังไปกันได้ด้วยดี แต่ทั้งคู่ยังคงต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจาก คุณนายดอกท้อ (แวว จ๊กม๊ก) คุณป้าสุดเฉิงวับระดับไฮโซของสร้อยนั้น จงเกลียดจงชังความจนของทองมากเหลือเกิน ทำให้คุณนายดอกท้อเข้าขัดขวางทั้งคู่ทุกวิถีทางแยกความรักของพวกเขาไปไกลถึงเมืองบางกอก ฝ่ายสาว ๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานใจ เพราะพิษแห่งความคิดถึงทองและแหยม
จนกระทั่งวันหนึ่ง สร้อยได้รับคำสั่งจากคุณนายดอกท้อ ให้กลับไปยังบ้านนอกด่วน เนื่องจากได้จัดงานหมั้นอย่างใหญ่โตให้กับสร้อย และพ่อยอดชายลูกชายกำนัน ที่แสนจะมั่งคั่งหล่อเข้มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรักระหว่างสร้อยและทอง จะสมหวังหรือไม่นั้น... แหยมและเจ้ยจะร่วมหอลงโรงกันได้หรือเปล่า ? ติดตามและเอาใจช่วยเหล่านักรักกันได้ ในภาพยนตร์โรแมนติค คอเมดี้ ที่เต็มไปด้วยความฮา น่ารัก ซื่อกวนประสาท แหยม ยโสธร
แหยมยโสธร 2
20 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เรื่องราวชุลมุนวุ่นฮาสนั่นท้องทุ่งกับเรื่องราวความรักอันเป็นตำนานของ บักแหยม (หม่ำ จ๊กม๊ก) และ อีเจ้ย (เจเน็ต เขียว) สุกงอมเปล่งปลั่งงดงามจนได้ที่ผลิดอกออกผลเป็นลูกสาวลูกชายได้ 1 โหลพอดิบพอดี บ้างตบแต่งออกเย้าออกเรือนกันไปอย่างชื่นมื่นตามคืนและวันที่ดำเนินผ่านไป เหลือเพียง อีแว่ (บุษราคัม วงษ์คำเหลา) ลูกสาวคนสวย และบักคำผาน (เพทาย วงษ์คำเหลา) ลูกชายคนเล็กอย่างละหน่อ ที่ยังอยู่เป็นแก้วตาดวงใจ ไข่ในหิน ฯลฯ อย่างมิให้คลาดสายตา แม้แต่ จิ้งจก อึ่งอ่าง ไส้เดือน ก็ยังบ่ได้ระแคะระคายเคือง อย่างน้อย ๆ ในแถบถิ่นยโสธรที่ปกครองก็บ่มีผู้ใดกล้ามาริเด็ดดอกฟ้าหรือล้วงคองูหางกระดิ่งกริ๊งกริ๊งกริ๊ง อันเป็นที่รักยิ่งของบักแหยมที่บัดนี้กลายเป็นกำนันแหยมหนวดกระดิก ซึ่งเป็นที่ยำเกรงของผู้คนในตำบลไปเสียแล้ว
แต่แล้วเหมือนฟ้าเบื้องบนจะเป็นใจหรือลองใจบักกำนันแหยมคนดีศรียโสธร ถึงได้ส่งปลัดธนู (ดิม หรินทร์) หนุ่มหล่อรูปงามมาดเท่ห์เพลย์บอยสุดสุดจากเมืองกรุงมาลูบคบ ก็แหมราชการเขาส่งตัวปลัดให้มาช่วยพัฒนาตำบลแท้ ๆ แต่ดันมาคอยขายขนมจีบ อีแว่ แก้วตาดวงใจของกำนันแหยมซะงั้น แหมเผลอทีไรไอ้หนุ่มเมืองกรุงหน้าทะเล้นจ้องแต่จะขโมยเด็ดดมลูกสาวคนสวยของกำนันตลอดตั้งแต่วันแรกที่ชาวบ้านจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญต้อนรับปลัด ถึงขนาดปีนหน้าต่างห้องนอน แม้แต่ไปจ่ายตลาด, ตากผ้า, หว่านข้าวลงนา จนถึงงานพิธีบั้งไฟใหญ่ประจำจังหวัด พ่อปลัดก็ไม่วาย ออกรำเซิ้งหน้าทะเล้นใส่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่กันทั่วทั้งจังหวัดเลยทีเดียว
โดยมี คำผาน ลูกชายคนเล็กเป็นแนวร่วมส่งซิกรับใต้โต๊ะคอยดูทางหนีทีไล่ให้ปลัดอีกต่างหาก ไหนจะเห่อแฟชั่น ฟังแผ่นเสียงตามไอ้หนุ่มเมืองกรุง เป็นเอามากถึงขนาด บ่ยอมเว้าลาว พี่น้อง! ส่วนอีเจ้ยก็ดันชอบอกชอบใจปลัดหนุ่ม ถึงขนาดจะยกเป็นลูกเขยเลยทีเดียว แต่บักกำนันกลับถูกใจในมาดซื่อ ๆ ของเกษตรฉัตรชัย (จรณ์ วงษ์คำเหลา) ที่ดูขยันขันแข็งเอาการเอางานมากกว่า กลุ้มกลุ้มกลุ้มหลาย แถมเมียรักก็ดันเสน่ห์ล้นเหลือ ถึงขนาดมีหนุ่ม ๆ มาคอยส่งดอกไม้ให้ถึงชายขอบบ้านอีกต่างหาก
ตาย ตาย ตาย เห็นทีงานนี้ปลัดหนุ่มกับกำนันแหยมจะอยู่ร่วมโลกกันบ่ได้แล้วละเด้อพี่น้อง เห็นทีคงต้องพึ่งหลวงพี่ยอดชาย (อนุวัฒน์ ทาระพันธ์) พระหนุ่มที่มีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งบ่ใช่ใครที่ไหนคือเจ้าของประโยค ชายรับบ่ได้ ที่ผิดหวังจากความรักแล้วหันหน้าเข้าทางธรรม จนเป็นขวัญกำลังใจและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนในตำบล คอยให้คำปรึกษาทุกเรื่องตั้งแต่งานบุญบั้งไฟ, เรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจของกำนันแหยมไปจนถึงเรื่องราวใหญ่โตที่มีชีวิตทรัพย์สินและผู้คนในตำบลเป็นเดิมพันเมื่อการมาถึงของไอ้โจรร้ายอย่างเสือหยองลำพอง (หยองลูกหยี) และพรรคพวกที่บุกเข้ามาปิดตลาดปล้นอย่างอุกอาจ
แหยมยโสธร 3
เวลาแห่งความสุขก็ได้ล่วงเลยผ่านฝน ผ่านหนาว ผ่านร้อนมาอีกหลายฤดู บักแหยม (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ผู้มีรักจริงกับ เจ้ย (กัญญ์ชัญญ์ เธียรวิชญ์) สาวผู้รักมั่นคงมิเคยเสื่อมคลาย ลูก ๆ ก็โตจนเรียนจบหรือไม่ก็ออกเรือนกันไปหมด เหลือแค่เพียง คำผาน (เพทาย วงษ์คำเหลา) ที่ยังเรียนไม่จบ ซ้ำชั้น ม.ศ.5 มาสามปี สร้างความระทึกใจให้กับ กำนันแหยม และ เจ้ย เรื่อยมา
จนกระทั่ง คฑาเทพ (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) ลูกชายอีกคนของ กำนันแหยม กำลังจะเรียนจบกฎหมาย กลับมาเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม ในระหว่างเดินทางกลับบ้านนั้น คฑาเทพ ก็ได้พบกับ รำพัน (อิงฟ้า เกตุคำ) หญิงสาวที่เดินทางกลับมาพร้อมกันโดยบังเอิญ และทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น ความรักของทั้งคู่คงจะผลิบานอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่ว่า รำพัน ดันเป็นลูกสาวคนโตของ กำนันปอย (เฉิน เชิญยิ้ม) เพื่อนรักเพื่อนแค้นในอดีตที่ไปแย่งแฟนเก่าของ แหยม มา นั่นคือ รำพึง (เอ็นดู วงษ์คำเหลา) ซึ่งยังมี รำเพย (รัตติยาภรณ์ ภักดีล้น) ลูกสาวอีกคนที่เป็นถึงดาวประจำโรงเรียนที่ คำผาน ดันตกหลุมรักเข้าให้อีก แล้วมีหรือที่ คำผาน จะพลาดการชิงชัยรักนี้
โอ้ละหนอ ความรักของรุ่นลูกที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายกีดกันไม่เห็นด้วย มันจะลงเอยแบบไหนกันล่ะเนี่ย แถมยังมีเรื่องราวความรักสุดแสบ หักเหลี่ยมเฉือนคม รักซ้อนซ่อนเงื่อนของรุ่นพ่อแม่ให้ต้องติดตามกันต่ออีก ได้อลวนครื้นเครงอลเวงม่วนฮักจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกกันแบบยกกำลังสามล่ะคราวนี้
มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟเอ็ม
เรื่องราวของชีวิตของคนมากมาย ที่คลั่งไคล้และหลงไหลในบทเพลงลูกทุ่ง ที่เปรียบเสมือนมีมนต์สะกดใจ และอยู่คู่คนไทย มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กับหลากหลายอาชีพ ที่มีความใฝ่ฝันเพื่อจุดหมายเดียวกัน คือการได้ร้องเพลงลูกทุ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรัก เมื่อมีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ชิงเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาท โดยมี คุณลุงใจดี (ลพ บุรีรัตน์) ที่อยากจะเห็นการรวมตัวกันของคนรักเพลงลูกทุ่ง ในช่วงก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต
การประกวดครั้งนี้เอง ที่ทำให้ชีวิตหลากหลายต้องมาเกี่ยวพันกัน อาทิ รุ่ง (รุ่ง สุริยา) หนุ่มป่วนบ้านนา ผู้มีความฝันในการพัฒนาหมู่บ้าน, กุ้ง (กุ้ง สุทธิราช) และ จิ้งหรีดขาว (จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ) ลิเกหนุ่มสาวที่มีภาระในการสืบสานศิลปะ อันเป็นที่รักของครอบครัว คือคณะลิเกวงศ์เทวัญ, ศิรินทรา ( ศิรินทรา นิยากร) ที่มีรถสองแถวเป็นสิ่งเดียวในการเลี้ยงดูแม่และพี่ชาย, อาภาพร (อาภาพร นครสวรรค์) สาวนักร้องคาเฟ่ ผู้หวังในความสำเร็จ และชื่อเสียงจากเสียงของตน, ทิดทศพล (ทศพล หิมพานต์) ผู้มีใจใฝ่รักในธรรม ยอมลาชายผ้าเหลืองเข้าประกวด เพื่อนำเงินรางวัลไปซ่อมแซมวัด, ดาว (ดาว มยุรี) สาวไฮโซแต่รักในเสียงเพลงลูกทุ่ง, สุนารี (สุนารี ราชสีมา) สาวโรงงาน, สุดา (สุดา ศรีลำดวน) สาวคาราโอเกะที่ถูกห้ามร้องเพลง, ลูกนก (ลูกนก สุภาพร) หรือ ในสายตาของคนรอบข้าง และอีกมากมาย ต่างมารวมตัวกัน เพื่อทำฝันของตนเองให้เป็นจริง
ขวัญกับเรียม
“ขวัญ” และ “เรียม” เป็นหนุ่มสาวแห่ง “ทุ่งบางกะปิ” ที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่า “กำนันเรือง” พ่อของเรียมจะถือ “เขียน” พ่อของขวัญเป็นศัตรู อันเนื่องมาจากปัญหาการช่วงชิงความรักในอดีตและการที่กำนันเรืองแพ้ความกรณีรุกที่นาเขียนในเวลาต่อมา
กำนันเรืองและเขียนมีบุคลิกและปูมหลังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กำนันเรืองรับสืบทอดจากพ่อทั้งมรดกที่นาและตำแหน่งกำนัน ไม่เคยทำนาเอง ได้แต่จ้างคนทำและให้เช่าที่ รักที่นาเพียงเพราะมันให้ผลประโยชน์และเป็นสมบัติเอาไว้ขายกินได้ ขณะที่เขียนแม้จะเคยประพฤติทางนักเลงในวัยหนุ่ม แต่เมื่อมีเมียมีลูกก็กลับเนื้อกลับตัวได้ เขียนรักและหวงแหนที่นาด้วยจิตวิญญาณของชาวนาโดยแท้
กำนันเรืองเคยหลงรักแม่ของขวัญอยู่ข้างเดียว ดังนั้นจึงผูกใจเจ็บเขียนตลอดมา ขณะเดียวกัน “พิศ” เมียของกำนันเรืองก็เคยรักเขียน ซึ่งกำนันเรืองก็ตระหนักดี และกลายเป็นปมที่ทำให้ไม่อาจญาติดีกับเขียน แม้จนเมื่อต่างล่วงสู่วัยกลางคน
แม่ของขวัญตายตั้งแต่ขวัญยังเด็ก แต่ขวัญไม่เคยลืมว่าพ่อรักแม่และทำทุกอย่างเพื่อแม่อย่างไร ด้วยความที่ยึดถือพ่อเป็นแบบอย่าง ขวัญเติบโตขึ้นเป็นคนหนุ่มที่ห้าวหาญ มีชั้นเชิงในทางนักเลง ควบคู่กับการเป็นชาวนาที่ขยันขันแข็ง ที่สำคัญคือเมื่อรักใครแล้วก็จะทุ่มเทให้ทั้งชีวิตอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ขวัญเป็นวีรบุรุษของเรียมมาตั้งแต่เด็ก แม้จะมีโอกาสพบกันไม่มาก เรียมมีความฝังใจในทางลบกับครอบครัวของตัวเองจากการที่เห็นแม่ยอมพ่อทุกอย่าง และพ่อก็ปฏิบัติต่อแม่ราวกับเป็นสมบัติในครัวเรือนไม่ใช่อย่างคนที่รักและอาทรต่อกัน เธอตั้งใจที่จะไม่เป็นอย่างแม่ ความรักต่อขวัญก่อร่างขึ้นบนความรู้สึกพื้นฐานนี้
อุปสรรคความรักของ “ขวัญ-เรียม” นอกจากปัญหาระหว่างครอบครัวคือการที่กำนันเรืองติดการพนันงอมแงม มีหนี้สินพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ กับบ่อนไก่ชนที่เมืองมีน อาศัยที่รู้ว่า “จ้อย” ลูกชายเจ้าของบ่อนชอบเรียมก็ขอผ่อนผันมาเป็นลำดับเพื่อจะไม่ต้องเอาที่ไปจำนองอย่างไม่มีราคา ในที่สุดเมื่อไม่อาจผ่อนผันได้อีกก็ตัดสินใจยกเรียมให้จ้อยเป็นการล้างหนี้
ความกดดันจากการถูกบังคับให้แต่งงานทำให้เรียมยอมตกเป็นของขวัญ ทั้งคู่ไปสาบานจะรักกันยืนนานที่ “ศาลเจ้าพ่อไทร” อันเป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน แต่แล้วกำนันเรืองก็ตามไปพบ “เริญ” พี่ชายของเรียมลอบฟันขวัญจนบาดเจ็บ เรียมถูกลงโทษอย่างหนัก และจ้อยก็เป็นคนจัดการพาตัวเรียมไปฝากไว้กับ “คุณนายทองคำ” ซึ่งเป็นญาติของตนในกรุงเทพฯ เป็นการชั่วคราวก่อนที่จะแต่งงานกัน
เมื่อรู้ว่าถูกพรากคนรัก ขวัญบุกไปถึงเมืองมีนเพื่อคาดคั้นเอาความจริงกับจ้อย แต่กลับฆ่าจ้อยตายด้วยอารมณ์รุนแรง อาศัยที่ตัวเองบาดเจ็บจนไม่น่าเชื่อว่าจะลุกไปไหนได้ และจ้อยก็มีศัตรูในเรื่องการพนันอยู่มากมาย ขวัญจึงรอดพ้นการตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตายอย่างหวุดหวิด
ขวัญเข้ากรุงเทพฯ ตามหาเรียม ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าบ้านคุณนายทองคำอยู่ที่ไหน หลังจากตามอยู่ 3 เดือนก็ต้องกลับบางกะปิไปช่วยพ่อทำนาด้วยความหม่นหมอง
ข้างเรียม สิ่งที่ได้รับรู้จากกำนันเรืองคือขวัญกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายหนีหัวซุกหัวซุนไปจากบางกะปิและคงไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว ต่อจากนี้ชีวิตเรียมควรจะอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เพราะกำนันเรืองยกเรียมให้คุณนายทองคำแลกกับเงินก้อนใหญ่เท่ากับขายลูกขาดไปแล้ว และคุณนายทองคำเองก็รักเมตตาเรียม ตั้งใจจะเลี้ยงอย่างลูกแท้ๆ
เรียมได้พบว่ากรุงเทพฯ มีสิ่งดีๆ มากมาย คุณนายทองคำเป็นเหมือนแม่คนใหม่ที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ ไม่เพียงให้การศึกษาเพิ่มเติม-เปลี่ยนแปลงรูปโฉม แต่ยังชักนำให้รู้จักผู้ชายคนใหม่ และ “คุณสมชาย” ลูกคหบดีผู้มั่งคั่งก็ดูจะเพียบพร้อมเกินไปด้วยซ้ำสำหรับผู้หญิงบ้านนอกอย่างเธอ
ชีวิตของขวัญและเรียมเหมือนจะถูกแยกไปคนละทาง แต่ก็กลับมาบรรจบกันอีกจนได้ เมื่อพิศแม่ของเรียมล้มเจ็บและตายลง เรียมขออนุญาตคุณนายทองคำไปอยู่บางกะปิชั่วคราวเพื่อจัดการงานศพ เธอได้รู้ความจริงว่าขวัญไม่ได้หนีไปไหน ยังรักและรอเธออย่างซื่อสัตย์มั่นคง ทั้งยังตั้งใจจะเข้ากรุงเทพฯ ไปตามหาเธออีกจนกว่าจะเจอ
เรียมถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องตัดสินใจ ขวัญไม่ยอมสูญเสียเธอไปอีกแล้ว และคุณสมชายที่กำลังเดินทางตามมาจากกรุงเทพฯ ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน…
หนูหิ่น อินเตอร์ เดอะมูฟวี่
ว่ากันว่าถ้าเอ่ยชื่อ “หนูหิ่น” เด็กสาวอารมณ์ดี๊ดี เจ้าของผมทรงม้าเหี้ยน สวมเสื้อคอกระเช้า นุ่งผ้าซิ่น รับรองว่าไม่มีใครในหมู่บ้านโนนหินแห่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมเด็ดอันเกิดจากความคิดใสซื่อผสมปนเปเข้ากับความซนที่ไม่มีขีดจำกัด ทำให้พี่น้องชาวบ้านต่างอิดหนาระอาใจไปกับหนูหิ่นไปตามๆ กัน
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อย่างเข้าหน้าแล้ง บ้านนาขัดสน พ่อก็มาเจ็บๆ ออดๆ หนูเหี้ยนน้องสาวกำลังจะเปิดเทอม ในฐานะพี่สาวคนโต หนูหิ่นตัดสินใจประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า “หนูหิ่นนี่แหละจะเข้ามาเฮ็ดการเฮ็ดงานที่กรุงเทพฯ เอง อีพ่ออีแม่บ่ต้องเป็นห่วง“
โดยหวังว่าตนเองจะเป็นเสาหลักของบ้าน เพียงแต่ว่าหลายคนในหมู่บ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหนูหิ่นจะเข้ามาก่อวีรกรรมความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ เสียมากกว่า
ณ สำนักจัดหางาน ความฝันอันสวยหรูของหนูหิ่นกับชีวิตการเป็นสาวโรงงานต้องพังพินาศลง เมื่อสาวกรุงเทพฯ หุ่นดีที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังคอเคล็ด เดินผ่านเข้ามาในชีวิตของหนูหิ่น พร้อมยื่นตำแหน่งงานที่ท้าทายความสามารถของหนูหิ่นยิ่งกว่าการเป็นสาวโรงงานกับดักหนูเสียอีก
แต่หิ่นรู้ดีเด้อค่ะว่า “ตำแหน่งผู้จัดการบ้าน” ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ จึงยื่นข้อเสนอกลับไปว่าเงินเดือนสวัสดิการพร้อม 1,500 บาทขาดตัว และบ่รับงานหลัง 2 ทุ่มครึ่งเพราะหนูหิ่นติดภารกิจสำคัญ คุณมิลค์ที่แปลว่านม (คนอะไรชื่อสมตัวดีแท้) แกก็ดีใจหายรับเงื่อนไขทุกประการ
หนูหิ่นลืมบอกไปเด้อค่ะ เจ้านายคนสวยที่รับหนูหิ่นเข้าเฮ็ดงาน แกชื่อว่า “คุณมิลค์“ คนกรุงเทพฯ ชื่อแปลกแท้เนาะแปลว่า “นม“ สมตัวหลาย ในบ้านใหญ่หลังโตสมฐานะคนอันจะกินหลังนี้ยังมีสมาชิกในบ้านอย่างอีพ่อ, อีแม่ และ “คุณส้มโอ“ พี่สาวที่หุ่นสะบึม หน้าตาสวยไม่แพ้คุณมิลค์ แต่แกชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ไปไหนมาไหนห่วงสวย ต้องดูกระจกตลอด
นอกจากนี้หนูหิ่นยังได้พบหนุ่มคนสวนที่บ้านข้างๆ และตกหลุมรักในความหล่อเข้าเต็มเปา แต่ในเวลาต่อมาก็ต้อง “อกหัก“ เมื่อพบความจริงว่า ที่แท้หนุ่มคนนั้นคือ “คุณทอง” ลูกชายคนเล็กของบ้านข้างๆ ต่างหาก ยังดีที่ว่าทั้งคุณทองและคุณมิลค์ แกดูสนใจกันอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นหนูหิ่นบ่ยอมเดะค่ะ
เผลอแป๊บเดียวหนูหิ่นก็มาทำงานที่บ้านคุณมิลค์ได้ร่วมปีแล้ว… หนูหิ่นยุทั้งคุณมิลค์และคุณส้มโอให้สมัครประกวดซูเปอร์โมเดลค้นหานางแบบหน้าใหม่ที่จัดโดย “โซเนีย” ยอดนางแบบของไทย แต่ทั้งคู่กลับไม่สนใจ หนูหิ่นเลยวางแผนสมัครให้ทั้งคู่แทน ที่นี่ถ้าคุณมิลค์ชนะประกวดจนโด่งดังเป็นดารา ตัวเองจะได้พลอยฟ้าพลอยฝนไปกับเค้าด้วย
ไม่มีใครรู้ว่าการเข้าประกวดนางแบบครั้งนี้จะนำมาซึ่งเหตุการณ์ตื่นเต้น หวาดเสียว เสี่ยงชีวิตจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างที่คุณมิลค์ คุณส้มโอ รวมทั้งคุณทองเองก็บ่เคยนึกมาก่อน นี่หนูหิ่นนึกถึงยังใจหายอยู่เลยเด้อค่ะ แต่ถึงยังไงผู้จัดการบ้านอย่างหนูหิ่นก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดปกป้องดูแลเจ้านายน้อยบ่ให้มีแมลงวันสักตัวเข้ามาโฉบไปโฉบมาถูกตัวคุณมิลค์กับคุณส้มโอได้เลยถึงแม้ว่าจะต้องเอาชีวิตของหนูหิ่นไปแลกก็ยอม
นอกจากนี้เผลอๆ หนูหิ่นอาจจะได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณมิลค์ คุณส้มโอไปเดินแบบหรืออาจจะถูกฝรั่งแมวมองทาบทามไปขึ้นแคทวงแคตวอล์กกะเขาด้วยเดะค่ะ งานนี้มีคนออกแบบเสื้อผ้าที่เรียกว่าดีไซเนอร์จากเมืองนอกชื่อ “จิวานนี” มาร่วมงานด้วย
มนต์เลิฟสิบหมื่น
เรื่องราวความรักอลเวงครื้นเครงด้วยเสียงเพลงเริ่มต้นขึ้นเมื่อไอ้หนุ่มบ้านนาคนซื่อชื่อ ไอ้คล้าว (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ถึงคราวต้องเดินหน้าชนกับ ทองก้อน (ประกาศิต โบสุวรรณ) ว่าที่พ่อตาขาโหดที่ยอมยก ทองกวาว (เฌอมาวีร์ สุวรรณภานุโชค) ลูกสาวคนสวยให้ คล้าว ก็ได้ แต่มีข้อแม้เดียวว่า "ข้าคิดค่าสินสอดสิบหมื่น" สิบหมื่น...สิบหมื่น...สิบหมื่น
คล้าว ถึงกับผงะแทบหงายหลัง เขาจะหาเงินตั้งสิบหมื่นมาจากไหนกัน และแล้วก็ได้เวลาออกโรงของ "ไก่สู้ฟัด" เพื่อนซี้พันธุ์ไก่ชนที่จะซัดไม่ถอยสอยไม่เลี้ยง ช่วยกำจัด ไอ้เจิด (พงศ์สิรี บรรลือวงศ์) เสี้ยนหนามศัตรูหัวใจของ คล้าว อย่างสุดพลังไก่ และยังมีหัวเรี่ยวหัวแรงอย่าง ไอ้แว่น (ผดุง ทรงแสง) เพื่อนซี้พันธุ์กวน นักพากย์หนังลีลาสุดเกรียนเซียนตัวย่อที่มีลูกล่อลูกชนไม่แพ้ไก่ และกำลังอินเลิฟบอกรักฝากใจอยู่กับ บุปผา (ชญาภา พงศ์สุภาชาคริต) เพื่อนรักของ ทองกวาว สมทบด้วย บุญเย็น (สนธยา ชิตมณี) บาร์เบอร์ช่างตัดแหลก รวมทั้งพลพรรคสุดเก๋า "วงบรรเลงบันลือ" ที่จะรวมหัวกันวางแผนหาทางช่วยเหลือ ไอ้คล้าว เพื่อนรักอย่างสุดพลังคน และทำให้มนต์เลิฟสิบหมื่นของ พี่คล้าว น้องทองกวาว ได้สมรักสมรสกันจริงๆ ซักกะที
แผลเก่า
ในปี พ.ศ. 2479 ณ ท้องทุ่งบางกะปิ เรื่องราวความรักอมตะของ ขวัญ (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) และ เรียม (ดาวิกา โฮร์เน่) ได้ก่อกำเนิดขึ้น แต่มันกล้บต้องเป็นรักที่ต้องห้ามอันเนื่องมาจากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายคือ ผู้ใหญ่เขียน (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) พ่อของขวัญ และ กำนันเรือง (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) พ่อของเรียม ที่มีเรื่องบาดหมางไม่ถูกกันมาตั้งแต่อดีต ทั้งคู่ตั้งตนเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และสั่งห้ามคนในครอบครัวเข้าไปข้องแวะกับแต่ละฝ่ายอย่างเด็ดขาด
แม้จะมีข้อห้ามของครอบครัวเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรักของทั้งคู่ลดน้อยลง ขวัญ และ เรียม ยังคงแอบนัดพบกันเสมอ จนได้สาบานรักต่อหน้าศาลเจ้าพ่อไทรว่าจะซื่อสัตย์และเป็นรักเดียวของกันและกันตลอดไป นี่ยิ่งทำให้ความรักของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
จนกระทั่งการมาปรากฏตัวของ จ้อย (พงศ์สิรี บรรลือวงศ์) นักเลงมืองมีนผู้หมายปอง เรียม เป็นภรรยา โดยมี เริญ (วราวุธ โพธิ์ยิ้ม) พี่ชายผู้ไม่เอาไหนของ เรียม เป็นผู้ช่วย ทั้งคู่จึงเป็นศัตรูคู่ปรับตัวฉกาจของ ขวัญ ในทุก ๆ ทาง และนำมาซึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ เรียม ต้องถูกขายขัดดอกให้กับ คุณหญิงทองคำเปลว (สินจัย เปล่าพานิช) เศรษฐีนีม่ายบางกอกผู้มั่งคั่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาแห่งทุ่งบางกะปิเมื่อเรื่องรู้ถึงหู ขวัญ เขาแทบคลั่งและไม่รอช้ารีบออกตามหา และทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ เรียม กลับคืนมา แต่ก็ไร้ผล ทำให้ ขวัญ เสียใจมากจนเกือบเสียผู้เสียคน
อาจจะเป็นความโชคดีบนโชคร้ายของ เรียม ที่ถูกขายให้กับคุณหญิงก็เป็นได้ เพราะคุณหญิงรักและเอ็นดู เรียม อย่างลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง คุณหญิงได้ให้ชีวิตใหม่กับ เรียม ทั้งรูปโฉม การศึกษา และฐานะทางสังคม รวมถึงทำให้ เรียม ได้รู้จักกับนักการเมืองหนุ่มไฟแรง คุณสมชาย (ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ผู้เข้ามาพัวพันและเป็นตัวแปรสำคัญต่อความรักของ ขวัญ และ เรียม
ยิ่งเวลาผ่านไป ชีวิตของ ขวัญ และ เรียม ก็ยิ่งถูกแยกห่างออกไปเหมือนอยู่กันคนละโลก แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งคู่มีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้งด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ และความเข้าใจผิดอันนำไปสู่ความสูญเสียและการพลัดพราก ณ ท้องน้ำหน้าศาลเจ้าพ่อไทร สถานที่ที่ทั้งคู่เคยร่วมสาบานว่าจะรักกัน...ตราบจนวันตาย
----------------------------------------------------
กดเลย >> community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวม
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa