บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 4
20 มกราคม 2557 ( 10:38 )
7K
คุ้มนางครวญ ตอนที่ 4
บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์
บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
จันทราดึงพิมพ์ดาวหัวซุนเข้าไปในห้องครัว แล้วเอานิ้วคีบหยิกแขนลูกสาว ตรีภพได้ยินเสียงพิมพ์ดาวร้องโอ๊ยแว่วๆ จึงเหลียวไปดูทางครัว พิมพ์เดือนรีบแก้ตัวให้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่พิมพ์คงโดนน้ำร้อนลวก” ส่วนใบเฟิร์นไม่สนใจใคร เอาส้อมจิ้มของว่างแทบป้อนให้ถึงปาก “คุณตรีภพ ลองชิมนี่ซีคะ”
ที่ห้องครัว พิมพ์ดาวทำปากยื่นกับแม่ จันทราค้อนลูกสาว
“หนูเจ็บนะ”
“ดี สมน้ำหน้า ดูซิ เขาลำบากลำบนช่วยแม่ หนูน่ะยังจะไปหาเรื่องอะไรเขาอีก”
“ฮึ”
“ทั้งเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ไม่เห็นแย่อย่างที่เราว่าซักอย่าง”
“เขาก็เล่นละครให้แม่กับยายเดือนดูน่ะซีคะ”
“เออ งั้นแกก็ช่วยเล่นละครทำดีกับเขาให้ฉันดูหน่อย”
แค่ไม่กี่อึดใจ จันทราเปลี่ยนสรรพนามเรียกลูกถึง 3 คำ พิมพ์ดาวหน้างอ
จันทราชวนตรีภพอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน พิมพ์ดาวนั่งตรงข้ามตรีภพ ส่วนจันทรากับพิมพ์เดือนนั่ง
ขนาบตรีภพคอยตักอาหารให้ เอาอกเอาใจอยู่ตลอด ใบเฟิร์นคอยยืนรับใช้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตรีภพพูดคุยเป็นกันเอง
“แกงนี่รสพอดีเป๊ะเลยครับ ผมเคยทานที่อื่นไม่เปรี้ยวไปก็หวานไป”
จันทราปลื้ม “คุณตรีนี่เก่งจริง รู้เรื่องกับข้าวกับปลาด้วย”
พิมพ์ดาวเปรยเบาๆ “ตะกละน่ะซี”
ตรีภพทำเป็นไม่ได้ยิน “คุณน้าต้องถ่ายทอดวิชา อย่าให้สูญไปนะครับ”
“ยายพิมพ์เดือนน่ะพอได้ค่ะ แต่พิมพ์ดาวน่ะไม่ได้เรื่องเลย”
พิมพ์ดาวสะดุ้งหน้าบึ้ง พิมพ์เดือนรีบซ้ำเติม “จริงค่ะ ขนาดต้มไข่ ไข่ยังไหม้ได้เลย โอ๊ย”
พิมพ์ดาวแอบเตะหน้าแข้งน้องสาว ตรีภพยิ้มขำทั้งคู่
“คุณน้าปฏิบัติธรรมด้วยหรือครับ”
“ค่ะ ปฏิบัติมาตั้งแต่สาวๆ คุณตรีสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือคะ”
“ครับ ผมเคยเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมอยู่หนนึง”
“ไม่น่าเชื่อเลย”
พิมพ์ดาวจิบน้ำเปรยเบาๆ “เชอะ สร้างภาพ”
ตรีภพทำเป็นไม่ได้ยิน “การทำสมาธิช่วยได้มากเลยครับ เรื่องการแสดง”
“ไม่ใช่แค่การแสดงหรอกค่ะ ช่วยได้ทุกเรื่องเลย ยายพิมพ์เดือน พอลองฝึกแล้วก็เรียนดีขึ้น แต่พิมพ์ดาวซีคะ
ไม่เชื่ออะไรเลย แล้วก็ไม่ยอมลองด้วย”
ตรีภพยิ้มทำหน้าซื่อ พิมพ์ดาวโกรธแทบจะกรีดร้องออกมา
หลังรับประทานอาหารเสร็จ จันทราก็ชวนไปนั่งคุยต่อที่หน้าทีวี ตรีภพกล่าวลา
“เอ้อ ผมมารบกวนนานแล้ว”
พิมพ์ดาวพูดเบาๆ “ต๊าย รู้ตัวด้วย”
จันทราหันมาถลึงตาใส่พิมพ์ดาว แล้วหันไปยิ้มกับตรีภพ
“โธ่ ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
“อีกอย่างผมเป็นห่วงรถน่ะฮะ จอดเอาไว้อย่างนั้น ไม่รู้ไปขวางใครเข้า เดี๋ยวโดนพวกมือบอนกรีดรถล่ะแย่เลย”
“แหม แถวนี้มีแต่สุภาพชนค่ะ” พิมพ์เดือนบอก
“ไม่แน่หรอก ป่านนี้อาจจะโดนรอบคันแล้วก็ได้” พิมพ์ดาวมองอย่างท้าทาย
หลังการล่ำลาที่เทอเรซ พิมพ์ดาวเดินไปส่งตรีภพที่ประตูรั้ว
“ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินมาส่ง”
“ฉันไม่ได้มีมารยาทขนาดนั้น นี่ฉันถามจริงๆเถอะ นี่คุณบังเอิญไปเจอแม่ฉันกระชากกระเป๋าจริงหรือ”
“อ้าว ก็จริงน่ะซี แล้วคุณคิดว่ายังไง”
“ฉันว่ามันทะแม่งๆ”
“ทะแม่งยังไง”
“ก็มันเหมือนเหตุการณ์ในละครน้ำเน่าน่ะซี”
“ยังไงหรือ”
“ก็อย่างเรื่องละครเล่ห์ละครรัก พระเอกจ้างคนมาเป็นโจรปล้นแม่นางเอก แล้วทำเป็นมาช่วย จนแม่นางเอกหลงกลน่ะซี” พิมพ์ดาวพยายามจะจับพิรุธ
ตรีภพโมโห “นี่คุณ ผมไม่ใช่คนบ้า จะได้หาเรื่องเสี่ยงคุกขนาดนั้น”
“แต่มันคุ้มนะ ได้สร้างภาพกลายเป็นฮีโร่ แม่นางเอก น้องนางเอกหลงหัวปักหัวปำ”
พิมพ์ดาวปรายตาค้อนจันทราที่ยืนยิ้มโบกมือให้อยู่ที่เทอเรซ
“แต่ผมว่ายังไงก็ไม่มีทางเหมือนละครเรื่องนั้น”
“ทำไม”
“ก็เรื่องนั้นพระเอกวางแผนทุกอย่างเพื่อจีบนางเอก”
“แล้วยังไง”
“แต่คุณไม่ได้เป็นนางเอกนี่ ไม่มีพระเอกสติดีที่ไหนมาวางแผนจีบนางร้ายหรอก”
ตรีภพยักคิ้วให้ พิมพ์ดาวแทบเต้นเร่าๆ “คุณ!”
“หวัดดีฮะ” ตรีภพก้าวออกประตูรั้วไป พิมพ์ดาวเม้มปาก ตรีภพโผล่หน้ามาใหม่
“อะไร”
“ไว้วันเสาร์เจอกัน”
“เจอทำไม”
“อ้าว ก็แม่คุณชวนผมไปทำบุญด้วยไง ผมก็ต้องไปสร้างภาพนิ้สนึง”
พิมพ์ดาวกดรีโมทปิดประตู ประตูเลื่อนครืดทำท่าจะหนีบคอตรีภพ ตรีภพร้องอุทานรีบหดไป พิมพ์ดาวเท้าสะเอวหน้างอ แต่ใจจริงกลับสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำ
______________________________________________________________________________
ภาพใบหน้าของพิมพ์ดาวกลายเป็นภาพเลือนราง บนน้ำใบขันสาครขนาดใหญ่ ยอดหล้านั่งหลับตาอยู่บนตั่ง “นังดาราราย.. เจ้าเองก็กลับมาแล้วใช่ไหม เจ้าอยู่ที่ไหนกัน ขอข้าดูหน้าทรยศของเจ้าหน่อย” ทันใดน้ำในขันก็ปะทุคล้ายเดือด ภาพพิมพ์ดาวหายวับไป ยอดหล้าผงะ ลืมตาขึ้น “ทำไม ทำไมข้าถึงไม่เห็นมัน”
นางผัน นางเผื่อน ปลอบประโลม
“เจ้านางอย่าโกรธอย่าขึ้งเลยเจ้า” “ยังไงหลวงเทพก็ใกล้จะคืนมาแล้วเจ้า”
“เจ้านางจะได้สมรักสมหวัง” “สมดังที่รอคอยมาเนิ่นนาน”
ยอดหล้าลุกพรวดขึ้น
“ไม่ ข้าต้องได้ทุกสิ่งที่ข้าปรารถนา ข้าต้องได้พี่เทพกลับคืนมา แล้วต้องได้นังน้องทรยศมาด้วย มันต้องชดใช้ในความผิดบาปที่มันทำไว้ ชดใช้ที่มันกล้าทวนคำสาบานของมันที่ให้ไว้แก่ข้า”
นางผัน นางเผื่อน พยักหน้ารับ
“เจ้า เจ้านางน้อยผิดคำสาบาน” “คำสาบานว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับหลวงเทพ”
ยอดหล้าดวงตาวาวโรจน์ ดวงหน้าอสูรกายซ้อนทับอยู่ “มันทำกับข้าแสนสาหัสนัก ข้าไม่มีวันปล่อยให้มันลอยนวลอยู่ได้เป็นอันขาด”
แก้วกำลังก้าวเข้ามา สายตามีแววหวาดหวั่น เวทนา แกมเสียดาย ยอดหล้าหันขวับมาหาแก้ว แก้วเข้า
มาแล้วคุกเข่าลง ยอดหล้ากลับงดงามดังเดิม
“เจ้ามีอะไรคืบหน้ามาบอกข้าบ้าง”
“ยังไม่มีอะไรเจ้านาง”
ยอดหล้าดวงตาวาว “ไม่มีอะไร แล้วยังกล้าเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีกหรือ ข้ารอคอยมานานเหลือเกิน ข้าจะไม่รอต่อไปแล้ว ไป ไปหาวิธีให้พี่เทพกลับมาหาข้าให้เร็วที่สุด”
แก้วนั่งมองตัวเองในกระจกอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นใบหน้าซีดขาว มีเงาหมองคล้ำบางอย่างครอบงำอยู่ แก้วมีอาการสับสนลังเล คล้ายอีกเสี้ยวหนึ่งยังพยายามต่อสู้กับพลังของยอดหล้า ทันใดภาพสะท้อนของแก้วก็เลือนไปกลายเป็นใบหน้ายอดหล้า
“หาวิธีให้พี่เทพกลับมาหาข้าให้เร็วที่สุด”
ภาพยอดหล้าจางหายไป แก้วยิ่งขมขื่น
“ไอ้ตรี.. ยกโทษให้ข้าด้วย”
______________________________________________________________________________
ฐาปกรณ์กำลังปวดหัวกับทีมงานหาโลเคชั่นถ่ายละคร ที่คัดเลือกมาแต่ละแห่ง ถ้าไม่เป็นเรือนเก่าๆ โทรมๆ ก็เป็นวัดล้านนาสมัยใหม่ ไม่ตอบโจทย์โชว์ศิลปวัฒนธรรมของช่องเอาซะเลย ขณะนั้นเอง ฐาปกรณ์ก็ได้รับเมล์ภาพคุ้มใหญ่ที่ดูอลังการ หอคำ ภาพท้องพระโรงมีแท่นคำ เครื่องสูงต่างๆ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ฐาปกรณ์ตัดสินใจเลือกโลเคชั่นทันที
เมื่อได้โลเคชั่นแล้ว ก็ได้เวลานางเอก พระเอก และนางรอง มาฟิตติ้งครั้งแรก ก่อนที่จะมีการฟิตติ้งจริงๆ กับทำข่าวในอาทิตย์หน้า มาสารินในชุดเจ้านางดูสวยหวานปักปิ่นทอง ก้าวมาจากหลังฉาก
“ตาย สวยมาก” สุชาดาชื่นชม
มาสารินยิ้มตาแป๋ว แต่บีบีไม่พอใจ
“นี่ แต่ทำไมปักปิ่นอันเดียว บทลินซี่เป็นพรินเซสไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงไม่ปักดอกไม้ไหวเยอะๆเต็มหัว”
“ตามข้อมูลน่ะ เจ้านางแท้ๆก็แต่งเท่านี้ค่ะ” เก้ง คอสตูมประจำกองละครบอก
“แล้วที่มีดอกเยอะๆล่ะ”
“พวกดอกเยอะๆน่ะ เห็นมีแต่โชว์กระเทย หรือไม่ก็ที่เขาโชว์กันตามสนามกีฬาให้ดูไกลๆค่ะ”
เก้งเชิดใส่ แต่บีบียังยืนกราน ฐาปกรณ์สะกดกลั้นอารมณ์
“คุณฐาขา ว่ายังไงคะ”
“ผมว่า ฉากทั่วๆไป แต่งแค่นี้ก็พอ เอาไว้แต่งแบบนั้นในพวกฉากใหญ่ๆ อย่างฉากงานแต่งดีไหมครับ”
“แต่มันไม่อลังนะคะ”
“เอายังงี้ค่ะ วันฟิตติ้งอาทิตย์หน้า มีทำข่าว ค่อยแต่งชุดใหญ่ จะปักดอกไม้ทองสักร้อยอันก็ได้” สุชาดาพยายามรอมชอม
“ค่ะ ถ้าชอบดอก ก็จะจัดให้ดอกเต็มที่เลยค่ะ จัดเต็มค่ะ” เก้งประชด
บีบีพยักหน้า ตรีภพในชุดขุนนางราชสำนักสยามราวต้นรัตนโกสินทร์ นุ่งโจง เสื้อคอปิด แขนยาวมีผ้าไหมคาดเอวรีภพ
“โอ้ว ดูดีจังค่ะ” มาสารินชม
“แล้วเรื่องทรงผมล่ะ สรุปหรือยัง” ฐาปกรณ์ถามมูมู่
“เตรียมเอาไว้ให้เลือก 3 ทรงค่ะ”
“แต่คงไม่ได้แต่งอย่างนี้ทุกฉากใช่ไหมครับ” ตรีภพถาม
เก้งอ้าปากจะตอบ แต่มาดามสุตอบแทน
“อุ๊ยไม่หรอกค่ะ ได้น้องตรีมาเล่นทั้งที ก็ต้องให้ถอดเสื้อโชว์เป็นระยะ”
“อุ๊ยใช่ค่ะ มีดีเราต้องอวด” บีบีรีบเห็นด้วย “เอ้าไหน ลองมายืนคู่กันซิคะ ลูกขา”
บีบีจัดแจงดึงมาสารินมาคู่ตรีภพ แล้วหันมาสั่ง ลูกกบและรัก
“เอ้าเธอ ลองถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอไว้ด้วยซี”
ฐาปกรณ์พยายามสะกดกลั้น “อือม์ เอาซี ลองถ่ายดู”
ลูกกบกับรักถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ บีบีเข้าจัดการกำกับท่าให้มาสารินเข้าเบียดตรีภพ เมย์นางร้ายหน้าบึ้งโผล่มาจากหลังฉาก “จะมีใครมาดูฉันบ้างไหมยะ” เก้ง มีมี่ มูมู่ ลนลานถลาไปหลังฉาก
“อุ๊ย น้องตรีขา กอดลินซี่หน่อยซี ลูกขา” บีบีสั่ง
“แหม ลินซี่เขินนะคะ”
“วุ้ย ต้องคุ้นเคยกันไว้ ซีคะลูกขา”
ฐาปกรณ์ มาดามสุ สบตากัน
“เวร ทีหลังให้มันกำกับเองเลยดีไหม”
“ยังทนได้ทนไปก่อนคุณ คอนเนกชั่น คอนเนกชั่น”
มาสารินทำตาแป๋วกอดแขนตรีภพ แล้วจงใจกดเบียดแขน ตรีภพชะงักก้มลงมอง มาสารินสบตาตรีภพ ทำหน้าอินโนเซนต์
“ดีค่ะ เอ้า ลินซี่ ลองแหงนหน้าเผยอปาก น้องตรีก็ทำท่าจะคิสดูซีคะ”
“จะดีหรือคะ” มาสารินทำอิดออด
“ดีซีคะ ลูกขา”
บีบีควักมือถือมาถ่ายด้วย มาสารินเอาอกเบียดตรีภพหน้าแหงนเงย ตรีภพก้มหน้าลง
“จูบซีคะ” บีบีกระตุ้นเตือน
“ห่างๆแบบนี้ก็พอครับ”
มีเสียงกรี๊ดดังขึ้น ทุกคนสะดุ้งหันไป เห็นเมย์ในชุดเจ้านาง แต่โป๊อกทะลักล้น เห็นเอวคอดสะโพกผาย มีมี่ มูมู่ประคองซ้ายขวา เมย์เดินกระย่องกระแย่งมา เก้งคอยถือยาดมประกบ บีบีค้อนขวับเชิดใส่ สุชาดาเข้าไปดู
“ว้าย อะไรคะ น้องเมย์”
“เมย์ไม่ทราบค่ะ เมย์จะเป็นลม เอิ๊ก”
เมย์เรอยืดยาวออกมา สุชาดาผงะอุดจมูก
มีมี่ มูมู่ ประคองพาเมย์มายืนกลางห้อง “ดีดีนะคะ” “ไหวนะคะ”
“อุ๊ยตาย สวยมากค่ะ ดูซิเอวคอดกิ่วเชียว” สุชาดาชม
“หรือคะ เอ้อ”
“น้องเมย์บอกจะลดหุ่นก็ลดได้จริงๆ”
เมย์ยิ้มรับหน้าซีดเซียว เก้งหน้าหงิกกระซิบกับฐาปกรณ์
“ลดเลิ๊ดอะไรคะ เอวหนาอย่างกะกินควายเข้าไป”
“อ้าว แล้วทำไมผอมได้”
“ก็หนูให้ใส่สเตย์มหัศจรรย์ ซ้อนเข้าไปสองตัวน่ะซีคะ”
เมย์เรอเอิ๊กออกมาอีก มีมี่ มูมู่ โบกมือไล่กลิ่น หัวเราะกันคิกคัก
บีบีเข้ามาดูเมย์ใกล้ๆ อย่างไม่พอใจง
“ทำไมผ้าถึงสวยกว่าของลินซี่”
“แหม ก็เหมือนกันแหละค่ะ” เก้งตอบ
“ไม่เหมือน เครื่องเพชรก็มากกว่าลินซี่”
“เจ้านางดารารายเป็นนางร้ายก็แต่งจัดกว่าไงคะ”
“แต่เป็นลูกเมียรองก็น่าจะจนกว่าลินซี่ซี”
“อุ๊ยตาย มีตีความมาจากบ้านด้วย”
“เฮ้ย ใจเย็นๆ ไอ้เก้ง” ฐาปกรณ์ปราม
“ไม่เย็นแล้วค่ะ ถ้าเก่งนักก็เลิกเป็นผู้จัดการดารามาทำคอสตูมเองเถอะค่ะ”
“ต๊าย แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ คิดว่าหล่อนเลิศนักหรือ”
“พี่บีบีขา พอเถอะค่ะ” มาสารินช่วยห้าม
เมย์ขยักขย้อนพูดไม่ออก ทุกคนร้องห้ามกันเสียงขรม บีบีกับเก้งไม่มีใครยอมใคร
“เนี่ยดูเข็มขัดนี่ สายแบบนี้มันไม่ใช่สายโบราณ นี่มันสายโต๊ะกังเยาวราช”
บีบีเข้าไปเอานิ้วจิ้มๆที่เข็มขัดของเมย์ นิ้วจิ้มโดนพุงในสเตย์ เมย์ชะงัก บีบีค้อนเก้ง
ทันใดพลังดรรชนีก็สัมฤทธิ์ผล เมย์พลันโก่งคออ้วก บีบียืนตะลึงจังงัง ถูกอ้วกราดรดตั้งแต่หัวจรดกลางอก
จากนั้นก็มีก๊อกสอง เมย์อ้วกออกมาอีกคำรบ ทุกคนผงะถอย
ต่อมาเมย์จัดงานแถลงข่าวท้องห้าเดือน ฐาปกรณ์เห็นข่าวแล้วปวดหัว
“นังเมย์นะนังเมย์ ฉันน่ะกะอยู่แล้วเชียวว่าอีนี่ต้องนำความฉิบหายมาให้” สุชาดาบ่น
“อ้าว ไหนเห็นตอนแรก ปลื้มเขาจะเป็นจะตาย” ฐาปกรณ์งง
“ปลื้มเปลิ้มอะไร เล่นก็ไม่ดี เว่อร์จะตายไป”
“แล้วจะยังไงครับนี่” ตรีภพถาม
“จะยังไงเล่า ก็ต้องหานางร้ายคนใหม่น่ะซี”
“จะใครดีล่ะ ไอ้ที่ดังๆก็คิวทอง เล่นละครเจ็ดวันเจ็ดเรื่องทั้งนั้น” สุชาดานึกไม่ออก
ฐาปกรณ์เอาแฟ้มรวมรูปดาราหญิงมาดู
“งั้นก็เอาพวกรองๆลงมาไม่ต้องดังมาก”
“แต่ต้องสวย สู้กับยายลินซี่ได้นะ”
“เอ ผมพอจะนึกออกคนนึง สวย เล่นเก่ง ดังพอประมาณ แล้วก็ไม่คิวทองเท่าไหร่นัก” ตรีภพแนะ
“ใคร”
“ใครคะน้องตรี”
ตรีภพยิ้มกริ่ม
______________________________________________________________________________
พิมพ์ดาวได้บทโทรทัศน์คุ้มนางครวญมาอ่าน หลังอ่านจบ พิมพ์ดาวมีอาการสะเทือนใจ แปลกใจ และสังหรณ์แปลกๆกับบทละครที่เพิ่งอ่านจบไป “แปลกจริง เรื่องจบแบบนี้หรือ”
ขณะเดียวกัน จันทราานั่งสมาธิอยู่ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ ลมหายใจแผ่วเบาจนแทบไม่ปรากฏ
ในความมืดมิด กลุ่มควันรวมตัวกันเป็นใบหน้าของยอดหล้า จันทรามองดูยอดหล้าบรรเลงเพลงซึงอย่างเคลิบเคลิ้มแปลกใจ ยอดหล้าวางมือจากซึง เงยหน้าขึ้นแย้มยิ้ม แต่ดวงตาแข็งกร้าว ทันใดใบหน้ายอดหล้าก็กลายเป็นอสูรกาย พุ่งมาหา จันทราผวาตื่นจากสมาธิ ลมแรงพัดเทียนที่หลอมจนใกล้หมดดับพรึบกลายเป็นควันอบอวล จันทราเริ่มสังหรณ์ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
พิมพ์ดาวเอาบทมารวมเข้าเป็นตั้ง เคาะให้ปึกกระดาษตรงกันแล้ววางไว้มุมโต๊ะ มีเสียงเคาะประตู
“ยายเดือนหรือ เข้ามาซี”
จันทราเข้ามาในห้อง “ไม่ใช่ยายเดือนลูก แม่เอง ทำไมยังไม่นอนอีกลูก”
“เพิ่งอ่านบทละครจบไปเรื่องนึงค่ะ”
“คุ้มนางครวญหรือ ชื่อแปลกดี”
“เป็นเรื่องรักสามเศร้าอีกแล้วค่ะ มีเจ้านางทางเหนือรักกับขุนนางหนุ่มจากสยาม แต่โดนน้องสาวทำเสน่ห์แย่งคนรักไป เธอตามมาพระนคร เพื่อแก้เสน่ห์ เลยกลายเป็นเมียรองร่วมบ้านกับน้องสาว”
จันทราสังหรณ์ใจ “เลยกลายเป็นสร้อยฟ้าศรีมาลาเลยซีจ๊ะ”
“ยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ มีเรื่องวางยาพิษ มีเรื่องแม่สามีตาย”
“โถ เรื่องพวกนี้ แม่ผัวตายมาหลายเรื่องแล้วละจ้ะ”
“ตอนจบเธอถูกเนรเทศกลับเมืองเหนือ เป็นโรคร้าย เธอเล่นเพลงซึงที่แต่งให้คนรักจนขาดใจตาย”
“เพลงซึงหรือ” จันทรานึกถึงภาพในสมาธิที่เห็นยอดหล้าเล่นซึง
“ค่ะ คนรักแต่งกลอนให้เธอใส่ทำนองเป็นเพลง”
“แล้วเขาติดต่อให้หนูเล่นเป็นบทเจ้านางคนนี้หรือลูก”
“แหม แม่ไม่น่าแกล้งถามนะคะ หนูก็ต้องได้บทน้องสาวตัวร้ายซีคะ”
“แล้วใครเล่นเป็นนางเอกล่ะ”
“นางเอกใหม่ที่ชื่อ มาสารินไงคะ ทางช่องเตรียมดันเต็มที่ค่ะ”
“อ๋อ แล้วพระเอกล่ะลูก”
พิมพ์ดาวเชิดหน้า “ก็แฟนใหม่แม่ไงคะ”
จันทราคิดนิดนึงแล้วหัวเราะ “คุณตรีภพน่ะหรือ แหม ดีจัง”
“ไม่เห็นดีเลย ถ้าหนูจะไม่รับเล่นก็เพราะอีตานี่แหละ” พิมพ์ดาวค้อนดินฟ้าอากาศ
______________________________________________________________________________
ที่โต๊ะอาหารเช้า ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า พิมพ์ดาวให้พิมพ์เดือนอ่านบทละครคุ้มนางครวญ เมื่ออ่านจบพิมพ์เดือนก็ยุให้พิมพ์ดาวรับเล่นละครเรื่องนี้ พิมพ์ดาวเชิดใส่ “แต่ฉันไม่อยากถูกจับคู่กับแฟนเธอ”
พิมพ์เดือนหัวเราะคิก “แหม พี่พิมพ์ไม่ใช่นางเอกซักหน่อย นักข่าวอาจจับคู่เขากับคุณลินซี่ มาสารินก็ได้”
“แต่ฉันมีบทเข้าพระเข้านางกับพระเอกทั้งเรื่องเลยนะ”
“ดีออกค่ะ”
“อ้อ งั้นพอมีบทเลิฟซีน เธอไปเป็นสแตนอินให้ฉันเอาไหมล่ะ”
พิมพ์เดือนอมยิ้ม ทำเป็นคิดแล้วสั่นหัว “ไม่เอาค่ะ ไม่ใช่สเปกหนู”
“ไม่ใช่สเปกฉันเหมือนกัน”
“แต่สเปกหนูค่ะ หนูช้อบชอบ” ใบเฟิร์นแทรก
“หนูจะไปตั้งแง่อะไรกับคุณตรีนักหนา แม่น่ะแน่ใจว่าเขาเป็นคนดี ดีมากด้วย” จันทราสงสัย
“หนูว่าแม่กับยายเดือน อ้อ กับใบเฟิร์นด้วย ต้องไปโดนมนต์เสน่ห์ มหาระรวย นะหน้าทองอะไรนายนี่แน่เลย”
พิมพ์เดือนหัวเราะ ใบเฟิร์นอมยิ้ม จันทรายังคงกล่อมต่อ
“แม่น่ะถูกชะตากับเขาตั้งแต่เจอกันวันแรกเลย”
“ตาย เป็นคู่แท้แต่ชาติปางก่อนหรือไงคะ”
“อย่ามาพูดเลย เธอน่ะไม่เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้าไม่ใช่หรือ”
“ไม่ถึงกับไม่เชื่อหรอกค่ะ แค่ห้าสิบห้าสิบมากกว่า”
มีเสียงโทรศัพท์มือถือดัง พิมพ์ดาวหยิบขึ้นมาดูแล้วถอนใจ
“ใครหรือ” จันทราถาม
“มาดามสุ ผู้จัดค่ะ โทรมาทวงคำตอบหนูแล้ว” พิมพ์ดาวกดรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
______________________________________________________________________________
ที่คุ้มใหญ่ สายใจเดินมากับตาทอง สายใจมีสีหน้าทุกข์ทน แต่ตาทองนิ่งขรึม
“ฉันไม่เข้าใจเลย คุณแก้วคิดยังไง ถึงได้จัดคุ้มใหม่แบบนั้น”
“เห็นคุณแก้วว่า อยากให้เป็นเหมือนกับยุคโบราณ”
“แต่ต้องถึงขั้นทำท้องพระโรง มีแท่นที่ประทับด้วยเชียวหรือ พี่ทอง”
“เขาเรียกแท่นคำ”
“เฮ้อ เห็นว่าหมดไป เป็นไม่รู้กี่ล้าน”
“คุณแก้วไม่ได้จะทำเทียมเจ้าเทียมนายอะไรหรอกน่า คุณทนายบอกกับฉันว่า คุณแก้วอาจจะเอา
บ้านทำเป็นพิพิธภัณฑ์จำลองยุคนั้นออกมา”
“ยังไงก็พิลึก พี่ทอง” สายใจหันไปมองดูตัวคุ้ม “คุณแก้วนอนกลางวัน ตื่นกลางคืน วันๆแทบไม่ได้เห็นหน้า”
“คุณแก้วคงเขียนหนังสือกลางคืนจนชิน”
สายใจค้อนตาทองที่แก้ได้ทุกคำถาม
“แกไม่เห็นหรือ ที่คุณแก้วพิมพ์งานอยู่ 3 วัน 3 คืน ไม่กินข้าวกินปลา ไม่หลับไม่นอน”
“ก็นั่นแหละ จากนั้นก็ไม่เหมือนคุณแก้วคนเดิมอีกเลย”
ตาทองมีแววหวาดหวั่นแต่ข่มไว้ “แกก็พูดเกินไป”
สายใจลังเล แล้วกัดริมฝีปากตัวเอง คว้าแขนตาทอง “พี่ทอง”
“อะไรฮึ”
“ฉันไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ก็ว่าฉันบ้าอีก”
“เออ แกลองพูดมาเถอะ”
“คืนก่อนฉันนอนไม่หลับ ฉันเห็นคุณแก้วเดินออกไปทางหลังคุ้มฉันเดินตามไปห่างๆ
แล้วฉันก็ได้ยินเสียงม้าลากรถ เหมือนคืนที่แม่เจ้าสิ้น ฉันตกใจ แล้วฉันก็เห็นดวงแสงหลังแนวต้นไม้ พอฉันออกไปดู คุณแก้วก็หายไปแล้ว”
“แกจะว่าเป็นฝีมือม้าบ้องอีกแล้วซี”
“จริงๆนะพี่ แม่เจ้าไม่ได้เป็นลมตายแน่ๆ”
“แกก็ยังเห็นว่าคุณแก้วยังอยู่รอดปลอดภัยดี”
สายใจนิ่งแล้วมองตาทอง “พี่ทอง ถ้าดวงวิญญาณที่ถูกขังในคุ้มร้าง หลุดออกมาแล้วล่ะพี่”
“สายใจ”
“แล้วพวกเราจะอยู่กันยังไง”
“คุ้มนี้มีศาลอารักษ์ มีหอผีปู่ตาคุ้มครองอยู่ ยังไงท่านก็ต้องปกป้องคุ้มครองเรา”
“ถ้าจริง.. ทำไมถึงไม่คุ้มครองแม่เจ้า”
ตาทองเองก็พูดไม่ออก ทันใดมีคนงานชายวิ่งหน้าตาตื่นมา
“ตา ตา.. เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
คนงานตามตาทองไปดูศาลอารักษ์ ซึ่งเป็นศาลพระภูมิขนาดใหญ่ ปรากฏว่าเสามีรอยร้าวแยก จนตัวศาลจุตรมุขข้างบนเอียงไป
“มันยังไง มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่” ตาทองถาม
“เมื่อกี้นี้เองตา ผมมากวาดใบไม้ตรงนี้แล้วได้ยินเสียงเหมือนอะไรลั่นเปรี๊ยะ พอหันมาดูก็เห็นรอยร้าวที่เสา”
คนงานคนที่สองเสริม “แล้วตัวศาลข้างบนก็เอียงไป”
“ฮือ แล้วจะทำยังไงดีล่ะพี่” สายใจใจเสีย
“หาอะไรมาค้ำก่อน แล้วเอาปูนมาโป๊วรอยแตก น่าจะซ่อมได้” ตาทองว่า
มีลมพัดทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก ทันใดมีเสียงลั่นอีก เกิดรอยร้าวแล่นพึ่บๆ ไปตลอดแนวเสา ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด ตัวศาลาเบื้องบนพลันเอียงเพิ่มขึ้น แล้วมีเสียงลั่นครืดอีกครั้ง ปูนบนเสาแตกออกหล่นลงสู่พื้น จนเสาเหลือเพียงครึ่งซีกเรียวเล็ก ศาลาเอียงมากขึ้น ทุกคนผงะถอย ทันใดเสาก็หักต่อหน้า ศาลาฟาดลงกระแทกพื้น เศษปูนแตกกระจาย ฝุ่นฟุ้งตลบขึ้นมา สายใจล้มคว่ำไป ตาทองจะช่วยก็ล้มไปด้วย คนงานกับสาวใช้ช่วยกันดึงสองแม่บ้านพ่อบ้านขึ้น ตาทองพยายามข่มความรู้สึก
“เห็นไหม ฉันพูดไม่ทันขาดคำ อารักษ์ท่านไม่คุ้มเราแล้ว”
“พูดอะไร ปูนมันเก่าแล้วก็เลยพังลงมา ดีเสียอีกจะได้ยกศาลใหม่” ตาทองปลอบ
พลันโหนกแก้มตาทองที่ถูกสะเก็ดปูนกรีด จู่ๆก็ปริ เลือดไหลโทรมมาอาบแก้ม
“ว้าย พี่ทอง” สายใจร้อง
ตาทองตกใจ กุมแก้ม “คงโดนสะเก็ดปูนเมื่อกี้ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไร”
ลมแรงพัดกรูมา พาเมฆใหญ่มาบดบังฟ้า บริเวณนั้นจู่ๆก็มืดลงราวเป็นเวลาใกล้ค่ำ ทุกคนขนลุกเกรียว แหงนมองท้องฟ้า ลมแรงพัดมาอีก มีเสียงหวีดหวิว เสียงใบไม้ไหว แต่มีเสียงคล้ายเสียงหัวเราะของหญิงสาวแทรกมา ตาทองยืนตะลึง สายใจกลัวแทบเป็นลม คนงาน และสาวใช้หน้าเผือด
ตาทองตัดสินใจไปหามหาจรวยที่บ้าน เพื่อสอบถามความจริง
“แผ่นไม้อาคมสะกดวิญญาณบนยอดคุ้มถูกทำลาย วิญญาณเจ้านางยอดหล้าจึงออกมาได้”
“แม่เจ้าถูกเจ้ายอดหล้าฆ่าจริงๆซีครับ แล้วคุณแก้วเล่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นอะไรคงเป็นไปนานแล้ว ผมว่าเจ้ายอดหล้าเจาะจงให้คุณแก้วมาที่นี่ เพื่อจุดประสงค์ใดซักอย่าง”
“แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ครับ”
มหาจรวยส่ายหน้า “มันคือเรื่องน่าอับอายของคุ้มเวียงแก้ว ไม่มีใครบันทึกไว้ มีแต่ข่าวลือที่ซุบซิบกันมา
ผมเองก็ถูกสั่งเสียต่อๆกันมาว่าให้คอยตรวจตราอาคมที่ลงไว้ไม่ให้ถูกทำลาย”
“แต่ทำไม”
“ไม่มีอะไรยั่งยืนมั่นคงตลอดไปหรอกครับ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้ายอดหล้าจะถูกกักขังไปตลอดกาล”
“แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”
“แต่ก่อนเจ้ายอดหล้ามีพลังแค่เพียงในคุ้มน้อย แต่พลังของเจ้ากล้าแกร่งขึ้นทุกที จนถึงขั้นทำลายศาล
อารักษ์ที่คุ้มหลวงได้”
“เราจะยกศาลใหม่ได้ไหมครับ”
“ไม่มีประโยชน์ เราหาหนทางอื่นดีกว่า”
“โธ่ แล้วจะทำยังไงเล่า”
“อย่าเพิ่งกลัวไปก่อนเลยครับ เราค่อยๆแก้ไขกันไป ยังไงก็ให้เชื่อในอำนาจพระพุทธคุณ ว่าจะช่วยคุ้มครอง
เราได้”
มหาจรวยยกพานมา ในพานนั้นมีสร้อยสายสิญจน์หลายเส้นวางอยู่ มหาจรวยหยิบสร้อยสายสิญจน์ขึ้นมา
พ่อเลี้ยงธาดามาเยี่ยมลูกน้องที่ได้มหาจรวยช่วยไว้ที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มใบหน้าซีดเซียว ตาลึกขอบตาคล้ำ ปากซีดแตกระแหง มือกำสายสิญจน์ที่คอเอาไว้ พ่อเลี้ยงธาดามองดูสภาพลูกน้องอย่างงุนงง
“เอ็งบอกว่า ผีฆ่าไอ้ใหญ่ตาย”
“ไม่ใช่แค่ไอ้ใหญ่ ไอ้พวกนั้นทุกคนก็ตายอยู่ที่นั่น”
ธาดาสบตาสมุนทั้งสอง สมุนทั้งสองมีอาการหวาดๆ
“เอ็งรู้ได้ยังไง”
“ศพพวกมันยังอยู่ที่นั่น กลายเป็นศพตายซาก”
“ผีฆ่าพวกมันด้วยซีนะ”
“ผีผู้หญิง สวยเหมือนนางฟ้า มันฆ่าสูบเลือดสูบเนื้อไอ้ใหญ่”
“ผีดูดเลือดอย่างงั้นหรือ” พ่อเลี้ยงธาดายิ่งไม่เชื่อมากขึ้น
“ผีอีกา ผีม้าไฟ”
“มึงชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ให้ตายห่า ไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่าง”
พ่อเลี้ยงธาดาทำท่าจะหันกลับ ลูกน้องที่รอดตายคว้าข้อมือไว้ “พ่อเลี้ยง”
“อะไรของมึงอีก”
“เงิน เงินยังอยู่ที่นั่น เงินเต็มกระเป๋า”
พ่อเลี้ยงธาดาตาวาว ก้มลงคว้าคอเสื้อลูกน้อง “ที่ไหน เงินอยู่ที่ไหน”
“ห้องใต้ดิน ใต้ถุนคุ้มนั่นมีห้องใต้ดิน เงินยังอยู่ที่นั่น อยู่กับศพไอ้ใหญ่ ศพไอ้พวกนั้น”
______________________________________________________________________________
คุ้มใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในความมืด ทางด้านหลังคุ้ม มีต้นมะลิหลายต้นออกดอกพราว ไฟแสงจันทร์สว่างไปทั่วบริเวณ เฟื่องฟ้าและระรินเก็บดอกมะลิใส่ขัน คุยกันระริกระรี้ เพราะเป็นเวลาค่ำจึงไม่กลัว
“มะลิวันนี้ได้เกือบเต็มขันแน่ะ นังริน”
“ดี เหลือจากบูชาพระ ฉันจะได้ร้อยมาลัยให้คุณแก้ว เอาไว้วางข้างหมอน” ระรินลอยหน้าพูดเล่น
“ว้าย นังนี่ พูดมาได้ไม่อายปาก นั่นเจ้านั่นนายนะยะ”
“วุ้ยไม่แน่หรอก เผื่อวันไหนบุญพาวาสนาส่ง คุณแก้วอาจจะเรียกฉันเข้าห้อง”
“ย่ะ คุณแก้วเรียกแกเข้าห้องให้ไปล้างส้วม”
ระรินตีเฟื่องฟ้าเผียะ แล้วหัวเราะกันคิกคัก ทันใดไฟที่สว่างก็หรี่ลงเหมือนไฟตก สองนางชะงักมองไป เห็นหมอกบางไหลระเรื่อยมาตามพื้น สภาพหมอกนั้นดูผิดปกติ หมอกนั้นไหลมาถึงเท้าของทั้งคู่ แม้พยายามชักเท้าหนีก็ไม่พ้น ลมพัดกิ่งไม้ไหวซ่าราวเสียงหัวเราะซุบซิบ เฟื่องฟ้า ระรินหน้าซีด ทิ้งขันหลุดมือ ดอกมะลิกระจาย วิ่งขึ้นเรือน
ที่เรือนคนงาน ที่พักของตาทองกับคนงานผู้ชายในคุ้ม เป็นเรือนแถวแยกเป็นห้องต่างๆ มีระเบียงยาวเป็นทางเดินหน้าห้อง คนงานชายทั้งสองนุ่งผ้าขาวม้า กำลังอาบน้ำกันอยู่ที่โอ่งน้ำที่ตั้งเรียงราย กำลังรดน้ำกันซู่ซู่
ทันใดมีเสียงหัวเราะคิกคัก สองคนงานเดินไปดูที่หลังไม้ที่ตีเป็นระแนงแล้วชะงัก เมื่อเห็นนางผัน นางเผื่อนยืนอยู่ ทั้งสองชายตามองกึ่งอายกึ่งรัญจวนใจ แล้วปิดปากหัวเราะกัน คนงานเขม้นมองดูร่างนางผัน นางเผื่อนแล้วเห็นว่าร่างนั้นชัดเจนแต่ท่อนบน แต่ท่อนล่างเริ่มโปร่งแสงมองทะลุได้ แต่ต่ำลงมาถึงส่วนเท้านั้นไม่มี สองคนงานร้องโหยหวน ล้มลุกคลุกคลาน ก่อนจะวิ่งหนีไปได้ นางผัน นางเผื่อนหันมามองกัน ยิ้มพยักแล้วเลือนหายไป
แก้วยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง หมอกควันมากมายไหลเข้ามาจากระเบียง แก้วผวาตื่น ลุกขึ้นนั่งห้อยเท้าลงมา เท้าจมลงในหมอกควันก็สะท้านเยือก รู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ ทันใดมีเสียงดังโครมครามกึกก้อง คล้ายตู้ขนาดใหญ่ล้ม แก้วรีบออกไปดูที่ระเบียงคุ้ม เห็นตาทอง สายใจ เฟื่องฟ้ากับระรินอยู่กันพร้อมหน้า
“เกิดอะไรขึ้น”
“เสียงมาจาก หอผีปู่ย่าครับ คุณแก้ว” ตาทองตอบ
แก้วก้าวเข้าไปในหอผีปู่ย่า แล้วก็ต้องชะงัก ตาทองกับสายใจที่ตามมาก็ชะงักไปด้วย ข้างในหอผี บรรดาชั้นที่ไว้วางโกศบรรจุอัฐินับสิบล้มทะลาย โกศมากมายล้มกลิ้งอยู่ที่พื้น เถ้ากระดูกหกเกลื่อนกล่นกระจัดกระจาย พานแก้ว มาลัย กระถางธูป เชิงเทียนแตกเกลื่อน
“คุณพระ คุณเจ้าช่วย ตายแล้ว” สายใจอุทาน
“โธ่ โธ่ โธ่ ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ด้วย” ตาทองคร่ำครวญ
ในห้องนั้นคล้ายมีกระแสลมประหลาดพัด เถ้ากระดูกปลิวไปมา แก้วขบกรามหันไปสั่ง
“ตาทอง แม่สาย ออกไป”
“ทำไมครับ”
แก้วตวาด “ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้”
ตาทอง สายใจผงะ รีบรับคำลนลานออกไป กระแสลมประหลาดพัดวูบ ผ่านแก้วจนผมและเสื้อปลิว แก้วหันตาม กระแสนั้นไปหยุดที่กลางห้อง รวมตัวเป็นร่างของยอดหล้า ดวงหน้างามนั้นมีแววสาสมใจ
“เจ้านาง ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้”
“เจ้าจะไม่ถามซักนิดหรือว่าข้าออกจากคุ้มน้อย มาถึงคุ้มหลวงได้อย่างไร”
“ผมรู้ตั้งแต่ศาลอารักษ์นั่นพังทลายแล้ว ว่าพลังของเจ้านางกล้าแข็งล้นฟ้าขนาดไหน” แก้วแฝงแววประชด
ยอดหล้าเลิกคิ้ว “ถ้าข้ามีพลังล้นฟ้าจริง เจ้าคงไม่กล้าโอหังกับข้าขนาดนี้”
ยอดหล้าพลันโบกมือข้างหนึ่ง แก้วผวาลอยคว้างขึ้นทั้งตัวไปกระแทกฝาแล้วตกลง แก้วตะกายลุกขึ้นนั่ง เท้าโดนโกศใบหนึ่งกลิ้งขลุกๆ แก้วคว้าไว้
“ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนี้ ยังไงท่านก็เป็นปู่ย่าตายายของผม เป็นลูกหลานของเจ้านางเหมือนกัน”
ยอดหล้ายิ้มเยาะ “พวกลูกหลานที่มาเสวยสุขอยู่บนหัวข้า ในขณะที่ข้าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ใต้เท้าพวกมันน่ะหรือ”
“แต่ในหอนี้ก็มีอัฐิของเจ้าหลวง ต้นเครือเชื้อวงศ์เวียงแก้ว มีเจ้าปู่ เจ้าย่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ของเจ้านางด้วย”
ยอดหล้ายิ้มขมขื่น “แล้วยังไงหรือ”
“เจ้านางไม่น่าลบหลู่ ลบหลู่พวกท่าน”
ยอดหล้าหรี่ตาลง เดินกรายตัว โกศเจ็ดแปดใบที่กลิ้งอยู่บนพื้นพลันลอยขึ้นมา ค้างอยู่กลางอากาศ
“จริงซีนะ ทั้งหมดคือต้นเครือ ที่ให้กำเนิด มีบุญคุณเลี้ยงดูข้ามา เคยรักข้า เอ็นดูข้า ทะนุถนอมข้ายิ่งกว่าผู้ใด แต่เพียงนังน้องสาวแพศยาแต่งเรื่องใส่ความข้า ทุกคนก็ตราหน้าข้าว่าเป็นคนบาป เป็นหญิงแพศยา เป็นฆาตกรต่ำช้า ข้ากลายเป็นความอับอายของเวียงแก้ว”
ยอดหล้าน้ำตาไหลริน แก้วมองอย่างเวทนา
“คนที่เคยรักข้าดังดวงใจ กลับพรากข้าจากพี่เทพ ลงทัณฑ์ล่ามข้าไว้ไม่ให้เห็นเดือนแลตะวัน ใช้อาคม
ทำลายโฉมข้า ให้โรคร้ายกัดกินข้า ให้ข้าทุกข์ทรมานแสนสาหัส เมื่อข้าสิ้นใจก็ยังจองจำข้าไว้ใต้คุ้มนานนับศตวรรษ”
ยอดหล้าน้ำตาแห้งหาย เคียดแค้นขึ้นมาใหม่ พลันโกศทั้งหลายก็ร่วงหล่นลงพื้นพร้อมกัน เหลือเพียงโกศงามใบหนึ่งลอยอยู่ต่อหน้ายอดหล้า
“เจ้าพ่อ ไยท่านเชื่อแต่คำลวงของนังดาราราย”
ยอดหล้าดวงตาลุกเจิดจ้า โกศใบนั้นพลันยุบจากโดยรอบ บุบลง บู้บี้ จนกลายเป็นก้อนโลหะ เถ้ากระดูกฟุ้งกระจาย แก้วเมินหน้าหนี ยอดหล้าขมขื่นเจ็บปวด และเสียใจกับสิ่งที่ทำ แต่เพียงพริบตา ความสะใจก็ครอบคลุมกลายเป็นยิ้มสมใจ ใบหน้าดูชั่วร้าย ดวงหน้าอสูรกายซ้อนทับอยู่บนใบหน้างามพิลาสนั้น
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่ |
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety |