รีวิวภาพยนตร์อินเดีย Tehran (2025) เตหะราน เรื่องจริงอิงความมันส์บวกลุ้นระทึกบนความลุ่มลึกละเมียดที่ทำให้เห็นว่าถ้าจะทำหนังแอ็กชันแนวจริงจังเจ๋งๆอินเดียก็ทำได้ไม่อายใคร รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! หากเอ่ยถึงหนังแอ็กชันจากอินเดียสิ่งแรกที่ท่านจะนึกถึงคืออะไรแต่สำหรับผู้เขียนหรืออาจรวมผู้คนอีกมากมายคงคิดถึงอาการโม้สะบั้นหั่นแหลกท้าทายกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์และหลักการทางฟิสิกส์ จนทำให้บ่อยครั้งหนังแอ็กชันจากอินเดียจะกลายเป็นที่จดจำโดยเฉพาะฉากแอ็กชันที่หลายต่อหลายฉากกลายมาเป็นมีมให้ชาวคณะผู้ชื่นชอบการดูหนังได้เอามาล้อเลียน ยังไม่รวมถึงการร้องเพลงเต้นรำกระชากอารมณ์ที่ถ้าเป็นบ้านเขาคงเฉยๆแต่สำหรับคนดูนอกพื้นที่อย่างเราๆมันดันรู้สึกเพราะบางครั้งหนังกำลังไปข้างหน้าอย่างเมามันแล้วดันมาร้องเพลงเต้นระบำเอาซะได้ แต่นั่นมันกลายเป็นเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้ของหนังอินเดียโดยเฉพาะฉากแอ็กชันที่หาความสมจริงไม่ค่อยได้ไม่ม้วนหน้าม้วนหลังสามสี่รอบก็ลอยกระเด็นกระดอนไปไกลสามวาสี่วา และนั่นทำให้ผู้เขียนสารภาพตามตรงว่านึกไม่ออกแล้วว่าดูหนังแอ็กชันอินเดียที่มาแนวจริงจังไม่แวะพักดื่มน้ำปัสสาวะและโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากแอ็กชันที่สมจริงเรื่องสุดท้ายตอนไหนเอ๊ะหรือว่าไม่เคยเห็นมาเลยจนมาถึงเรื่องนี้ ออกตัวเลยว่าอ้างอิงมาจากเรื่องจริงเมื่อมีการโจมตีนักการทูตอิสราเอลในอินเดียเมื่อปี 2012 แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยพิเศษที่ถูกตามตัวมาไขคดีคือตำรวจพันธุ์หมาบ้าที่ใครๆก็ว่าบ้า RK. หรือ Rajeev Kumar (John Abraham) ทีแรก RK. จะไม่รับทำคดีแต่เมื่อมีเด็กหญิงวัยเดียวกับลูกสาวของเขาโดนลูกหลงเสียชีวิตก็กลายเป็นไปกระตุกต่อมมโนธรรมในใจของเขา เขาและทีมประกอบด้วย Vijay (Dinkar Sharma) และ Divya (Manushi Chhillar) จึงทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง Sheilaja (Neeru Bajwa) เพื่อสืบหามือระเบิดที่ก่อเหตุในประเทศอินเดีย แล้วการสืบสวนก็พาพวกเขาไปพบกับผู้ก่อการร้ายชาวอิหร่าน Afshar Hosseini (Hadi Khanjanpour) ปฏิบัติการตามล่าก็เริ่มขึ้น ทว่าก็ช้าเกินไปเพราะผู้ก่อการร้ายออกจากอินเดียไปแล้วและเมื่อทีมของ RK. สืบทราบก็เริ่มปฏิบัติการตามล่าถึงกรุงเตหรานเมืองหลวงของอิหร่าน แต่แล้วเมื่อการเมืองและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทีมของ RK. ก็ถูกลอยแพจากรัฐบาลประเทศบ้านเกิด ลุ่มลึกละเมียดแต่กระชับแม้จะมีช่องตรงจุดเชื่อมโยงและแรงจูงใจบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะออกตัวแล้วว่าอ้างอิงจากเรื่องจริง ออกตัวตั้งแต่ต้นว่าอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงของประเทศคนกลางอย่างอินเดียที่เป็นพันธมิตรทั้งกับอิหร่านกับอิสราเอลที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน และไม่ต้องการให้สองประเทศนั้นมาก่อการไม่สงบใดๆในอินเดีย หนังจึงจับเอาเหตุการณ์สืบสวนมาเล่าพร้อมกับชี้เป้าคนร้ายที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลและหยอดประเด็นการเมืองเข้ามาที่เมื่อถึงเวลาผลประโยชน์ก็สำคัญกว่าชีวิตเจ้าหน้าที่ แล้วเมื่อพัฒนาไปถึงจุดที่เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องเดียวกันก็ผ่านพัฒนาการที่ดีจนบีบรัดเข้ามาเรื่อยๆและเดินเรื่องด้วยความลุ่มลึกคือมีจุดเปลี่ยนที่มาจากข้างในประสานกับสถานการณ์รอบข้างได้อย่างดี หนังถูกเล่าเรื่องได้กระชับผิดวิสัยหนังอินเดียแต่นั่นกลายเป็นดีเพราะหนังเดินหน้าไปอย่างฉับไวแต่เมื่อมันไวก็ต้องแลกมากับเหตุการณ์ที่คงมีมากเลยกลายเป็นเห็นช่องของจุดเชื่อมโยงและแรงจูงใจแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะก็บอกแล้วว่ามันมาจากเรื่องจริง ขึงขังเข้มเต็มอารมณ์ตึงเครียดจนลุ้นระทึกถูกใจเร้าใจอย่างที่สุดและเมื่อถึงเวลาก็มันส์ระเบิดที่สำคัญคือมันไม่มีโม้ จุดเริ่มทุกอย่างของเรื่องนี้อยู่ที่อารมณ์หนังจึงใช้อารมณ์มากำหนดทิศทางอย่างเคร่งครัดเพราะบีบตั้งแต่แรกกับมูลเหตุและแรงจูงใจในการรับทำคดีของ RK. แล้วก็พัฒนาไปหาเรื่องใหญ่คือเรื่องประเทศชาติแล้วก็วกกลับมาหาเรื่องอารมณ์ในตอนท้าย นั่นหมายความว่าตลอดทางไม่มีหลุดโทนอารมณ์แม้แต่นิดเดียวเมื่ออารมณ์มันได้เหตุการณ์ใดที่ใส่มาจึงเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีทำให้ความตึงเครียดเข้ามาไม่ต่างกับว่าคนดูเป็นหนึ่งในทีมของ RK. และอาจไปถึงขั้นที่รู้สึกเหมือนที่ RK. รู้สึก ผลที่ได้รับคือวามลุ้นระทึกเอาใจช่วยเต็มที่โดยไม่มีช่องว่างไว้ให้เห็นใจผู้ร้ายที่ถูกถีบกระเด็นไปอยู่ในมุมที่น่าชิงชังทุกมิติ นั่นยิ่งทำให้ปฏิบัติการที่ถูกลอยแพกระแทกอารมณ์อย่างถึงใจถูกใจเพราะมาพร้อมความเร้าใจขั้นสุดเมื่อการเสียสละไม่ได้รับการเชิดชู แน่นอนเมื่อหนังออกจะขึงขังปานนี้ฉากแอ็กชันก็มาแบบสมจริงที่ไม่มีโม้จนทำให้เมื่อถึงเวลาควรมันส์ก็มันส์ได้ใจเลย เคร่งตึงตามสถานการณ์และอารมณ์ที่พาไปได้อย่างคุ้มค่าตัวทุกรูปีสำหรับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของนักแสดง อย่างที่บอกว่านี่คือการใช้อารมณ์มากำหนดอารมณ์นั่นคือใช้อารมณ์ตัวละครมากำหนดอารมณ์คนดูที่โฟกัสไปที่ข้างในของตัวละคร RK. เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องแลกและได้รับอะไรก็ตามที่อยู่ภายในของเขาจึงถูกสื่อสารออกมาอย่างเข้าถึงเข้าใจแม้จะไม่น่าจะเข้าใจก็จะเข้าใจเพราะมันคือการใช้อารมณ์ แล้วคนที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งคือ John Abraham ในบท RK. ทีจะว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรื่องก็คงไม่ผิด แต่ถ้าจะให้ลืมบทคนร้ายที่ไม่เหลือพื้นที่ว่างในหัวใจคนดูแม้จะเป็นตัวละครมิติเดียวตามสูตรก็ใจร้ายไปหน่อยกับการแสดงของ Hadi Khanjanpour และจะยิ่งใจร้ายไปกว่านี้ถ้าจะลืมบทสมทบที่เป็นสิ่งค้ำจุนความเป็น RK. ให้ได้ลงลึกถึงอารมณ์ได้ของ Manushi Chhillar ในบท Divya กับ Dinkar Sharma ในบท Vijay พิสูจน์ได้กับความสะเทือนใจเมื่อตัวละครบางคนต้องจากไปก่อนนั่นเพราะอารมณ์คนดูถูกผนวกเข้ากับอารมณ์ตัวละครเต็มที่แล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ดูหนังแอ็กชันที่ทั้งเข้มทั้งมันส์ทั้งลุ้นแนวจริงจังจากอินเดียที่ถ้าจะทำก็ทำได้และดีได้ไม่อายใครด้วย อย่างที่เกริ่นไว้ว่าผู้เขียนนึกไม่ออกแล้วว่าได้ดูหนังแอ็กชันแนวจริงจังเล่นกับอารมณ์แบบนี้ที่มาพร้อมความจริงจังเต็มที่ไม่มีโม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่นับงานแนวทริลเลอร์เพียวๆที่ไม่เกี่ยวกับแอ็กชัน และเรื่องนี้พิสูจน์ว่าเดี๋ยวนี้อินเดียมีความแพรวพราวในการเล่าเรื่องและไม่ยึดติดกับเสน่ห์ที่ต้องมีเพราะเอาจริงเรื่องนี้ก็แอบมีความเป็นหนังฝรั่งอยู่ไม่น้อย แถมโดยรวมแล้วหนังยังมีปัญหาอยู่บ้างไม่นับแรงจูงใจที่บ้าบิ่นเพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆแต่ยังมีบ้างที่เอะใจอย่างฉากสุดท้ายที่ผู้ร้ายมีปืนอยู่บนตักแต่ไม่ทำอะไรปล่อยให้โดนยิงซะงั้น กระนั้นถ้ามองกันที่อารมณ์ที่ได้รับมันคือความสนุกที่ไม่คิดว่าหนังแอ็กชันอินเดียจะทำแบบนี้เพราะเอาจริงก็คิดว่าจะมาแบบที่เคยเห็นทั่วไปแต่เรื่องนี้กลับเลือกมาด้วยความสมจริงเร้าใจจริงมันส์จริง หนังมาพร้อมเพลงที่โหยหวนปนชวนตื่นเต้นเร้าใจที่เป็นองค์ประกอบที่ลงตัวให้ได้คิดว่าถ้าอินเดียจะมาไม้นี้ก็ดีได้ไม่อายใคร ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram netflix_in ภาพที่ 1 จาก Instagram maddockfilms จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !