อธิบายบทสรุปซีรีส์ดัง "Adolescence" ท้ายที่สุดแล้ว เยาวชนเป็นอาชญากรจริงหรือไม่?

กำลังเป็นมินิซีรีส์ขนาดสั้น ๆ ที่กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกในเวลานี้ สำหรับซีรีส์จากฝั่งอังกฤษ อย่าง "Adolescence วัยลน คนอันตราย" ที่ลงจอฉายผ่านสตรีมมิงดัง เน็ตฟลิกซ์ ไปเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก มียอดผู้ชมพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสปากต่อปากของผู้ชม ที่ทำให้ขณะนี้ได้เกิดคำถามสงสัยแคลงใจจากผู้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ว่า ซีรีส์อ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริงไหม? หรือ เยาวชนวัย 13 ปีในเรื่องเป็นอาชญากรจริงหรือ? เป็นต้น
ซีรีส์ Adolescence เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ขนาดสั้น เพียงแค่ 4 ตอน ที่เล่าเรื่องราวของ เจมี (นำแสดงโดย โอเวน คูเปอร์) เยาวชนวัย 13 ปีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกบ้านจับกุมตัวโดยละม่อม เพราะเขาคือผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวที่ก่อเหตุฆาตกรรมเด็กหญิงวัยเดียวกันที่เป็นเพื่อนร่วมสถาบัน โดยที่ซีรีส์เรื่องดังกล่าวจะเป็นการเล่าด้วยการใช้เทคนิคถ่ายทอดในลักษณะ One Shot หรือ Long Take ที่เป็นเล่าเรื่องแบบยาว ๆ ไม่มีการตัดต่อหรือสั่งคัทตลอดทั้งตอน
โดยในเนื้อหาตอนที่ 1 จะพาผู้ชมคลุกวงในปฏิบัติการการจับกุมตัวและสืบสวนสอบสวนเยาวชนชายผู้ต้องสงสัยอย่างละเอียด ผ่านในมุมมองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามมาด้วยตอนที่ 2 ที่โฟกัสหาเบาะแสของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวที่เดินทางไปยังโรงเรียนที่เยาวชนเรียนอยู่ พร้อมกับได้สัมผัสแวดล้อมแห่งสังคมที่หล่อหลอม ตัดภาพมาในตอนที่ 3 เป็นช่วงเวลาที่เจมีอยู่ระหว่างการเข้าบำบัดและพูดคุยกับนักจิตวิทยาเด็กในช่วงเวลาก่อนขึ้นศาลเพื่อไต่สวนคดี และตอนที่ 4 เป็นมุมมองผ่านครอบครัวของเจมี ที่สมาชิกในบ้านที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใดบ้าง หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้วหลายเดือน
คำเตือน ข้อความต่อจากนี้เป็นต้นไป จำเป็นต้องมีการเปิดเผยเนื้อหาในซีรีส์ Adolescence อย่างเลี่ยงไม่ได้
"แจ็ค ธอร์น" ผู้กำกับและผู้จัด ร่วมด้วย "สตีเฟน เกรแฮม" นักแสดงนำและพ่วงกับการเป็นมือเขียนบทและผู้จัดอีกคนของซีรีส์เรื่องนี้ ได้ยืนยันว่า ซีรีส์ Adolescence เรื่องนี้ไม่ได้สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในสังคมแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุอาชญกรรมที่ทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการแทงด้วยของมีคมในสหราชอาณาจักร ที่พบสถิติว่ามีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรมแห่งเครือจักรภพ ได้เปิดเผยว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีคดีก่อเหตุใช้ของมีคมแทงกัน เป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่สหราชอาณาจักรและเวลส์ ในเดือนมีนาคม 2023 มีการตัดสินลงโทษและทัณฑ์บนให้แก่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทำร้ายด้วยของมีคมไปไม่ต่ำกว่า 18,000 รายในช่วงเวลาแค่ปีเดียว และสัดส่วนของผู้ก่อเหตุในคดีนี้พบว่าร้อยละ 17.3 เป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 10-17 ปีเท่านั้น นั่นจึงกลายมาเป็นไอเดียหลักในการหยิบมาสร้างเป็นซีรีส์เรื่องดังกล่าว
ผู้จัดซีรีส์เรื่องนี้ยังได้อธิบายต่อด้วยว่า ปัจจัยหลักในการก่อเหตุในหมู่เยาวชนสมัยนี้ ก็คือความเกลียดชังและการบุลลี่ผ่านทางโลกออนไลน์เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากสัญลักษณ์เชิงซ้อนต่าง ๆ ที่คนต่างรุ่นต่างเจเนอเรชันไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่คนในวัยเดียวกันจะทราบกันดีว่าเป็นการกลั่นแกล้งให้เสียความรู้สึกและเสียศักดิ์ศรี ที่ทำให้เยาวชนรู้สึกอับอายต่อสังคมโดยรวม ในช่วงวัยที่เพื่อนฝูงคือบุคคลที่บทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการเป็นที่ยอมรับของสังคมก็เป็นหนึ่งในจุดประสงค์ที่เด็ก ๆ อยากจะไขว่คว้าไปถึง
ดังนั้นในซีรีส์ Adolescence เรื่องนี้จึงได้ผ่านการศึกษาค้นคว้ารายงานและงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมวัยรุ่นในสังคมปัจจุบันอย่างถลำลึก เพื่อหวังจะหยิบนำปัญหาของเยาวชนขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้ดังยิ่งขึ้น และทำให้คนวัยอื่น ๆ ได้เข้าใจพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น พร้อมตระหนักถึงปัญหาอาชญกรวัยเด็ก ที่พบว่าในทุกวันนี้ผู้ก่อเหตุอายุน้อยยังมีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงมากขึ้นด้วย
และในคำถามที่ใคร ๆ เฝ้าสงสัยว่า "สุดท้ายแล้วเยาวชนวัย 13 ปีเป็นผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่?" คำตอบก็มีให้ถ่องแท้อยู่ในเนื้อหาของซีรีส์แล้ว เพราะช่วงท้ายตอนที่ 1 ของซีรีส์ คุณก็น่าจะได้เห็นภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ถูกเปิดขึ้นระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่พบว่าเจมีเป็นผู้ก่อเหตุกระหน่ำแทงเพื่อนสาวร่วมโรงเรียนด้วยน้ำมือของเขาเองถึง 7 ครั้ง โดยที่ยังไม่ได้มีการทำความเข้าใจใด ๆ เกี่ยวกับห้วงอารมณ์ในช่วงเวลาก่อเหตุนั้น
อีกทั้งยังมาตอกย้ำความชัดเจนอีกครั้งในตอนที่ 3 ของซีรีส์ ระหว่างที่เจมีได้พูดคุยสนทนาประเด็นต่าง ๆ ที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ่งกับไบรโอนี (นำแสดงโดย เอริน ดูเฮอร์ตี) นักบำบัดจิตวิทยาเด็ก ที่เขาได้พลั้งปากสารภาพเป็นนัยว่าเขาเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ก่อนจะสบถให้เธอยกใหญ่ที่ว่า "ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะ! คุณกำลังยัดเยียดคำพูดมาใส่ปากผม! ให้ตายเถอะ นี่มันเป็นกับดักชัด ๆ เลยแม่ง!" ก่อนจะนำมาสู่เนื้อหาในตอนที่ 4 ที่เจมีโทรศัพท์มาอวยพรวันเกิดพ่อของเขา พร้อมกับบอกว่าจะเปลี่ยนคำให้การทั้งหมด และก้มหน้ายอมรับความผิดทั้งหมดเอง ที่เป็นไคลแม็กซ์ที่ยิ่งใหญ่ในช่วงท้ายของซีรีส์เรื่องนี้
"ฟิลิป บาแรนตินี" ผู้กำกับซีรีส์ Adolescence ได้อธิบายถึงตอนท้ายของเรื่องนี้ว่า "ผมบรีฟพวกเขาให้ลองจินตนาการว่า ถ้าคนที่คุณรักมาก ๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการดำรงชีวิตให้อยู่ต่อ โดยที่คุณยังหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ไปเรื่อย ๆ และในท้ายที่สุดคุณหมอได้มาแจ้งว่า ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว พร้อมขอให้ปิดเครื่องช่วยหายใจ ผมว่านั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่เจมีเลือกจะสารภาพความผิดออกมา เพื่อครอบครัวของเขาที่ต้องทนทุกข์กับพฤติการณ์ของเขานั่นเอง"
Source: Tudum
ห้ามพลาด! แพ็กเกจ True Super Netflix เอาใจคนรักความบันเทิง สนุกกับการดู Netflix ได้คมชัดทุกจอ เริ่มต้นแค่เพียง 499 บาท/เดือน คลิกเลย!
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa