Short CommentOne Day (2017)ดราม่าจัดจ้านแต่ไม่บีบคั้นกับการคืนหัวใจให้กับคนที่สูญเสียหัวใจด้วยความหมายของชีวิตและความทรงจำถ้าว่ากันที่นักแสดงชายเกาหลีที่ดูไปบ่นไปติดตามดูทันทีที่เห็นงานของพวกเขาชื่อของคิมนัมกิลคือหนึ่งในนั้น ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้เขียนก็เคยผ่านตางานแสดงของเขามาบ้างแต่ไม่ถึงกับเป็นที่จดจำจนกระทั่งมาจำขึ้นใจในบทบาทจากละคร The Fiery Priest (2019) ที่สุดปั่นในนามบาทหลวงเลือดระอุที่ติดงอมแงมทั้งบ้าน จากนั้นมาผู้เขียนก็ติดตามงานแสดงของเขาเรื่อยมาทั้งการดูละครเก่าอย่าง Live Up To Your Name (2018) ที่ใช้ชื่อไทยว่าคุณหมอสองภพ ซึ่งตัวคิมนัมกิลนั้นถ้าได้ติดตามดูจะทราบว่าเป็นนักแสดงมากฝีมือรับบทบาทที่หลากหลายหนักได้เบาได้เล่นได้หลากหลายอารมณ์อย่างเครียดจัดๆประมาณ Through the Darkness (2022) หรือจะมาแบบเท่ๆใช้พลังดาราดึงบทที่ไม่ค่อยมีอะไรให้มีอะไรได้อย่างน่าชื่นชมใน Island 1-2 (2022-2023) แล้วเมื่อมีหนังเก่าของเขามาให้ดูทางแอปสีเหลืองที่ผู้เขียนเมื่อเห็นก็อยากดูเพราะดูจากโปสเตอร์แล้วนาจะออกมาโลกสวยอบอุ่นหัวใจแต่ไม่มีเวลา จนเมื่อเจียดเวลามาดูได้ก็ปรากฎว่าสมใจแม้จะไม่โลกสวยแต่ดราม่าจัดจ้านซึ่งเป็นของชอบส่วนตัวพอดีเปิดมาที่ความเศร้าจากการสูญเสียภรรยาจนไม่กล้าแม้จะไปร่วมพิธีศพของภรรยาเพราะเจ็บปวดเกินบรรยายของอีกังซู (คิมนัมกิล) เจ้าหน้าที่สืบสวนการโกงประกันของบริษัทประกัน จนเมื่ออีกังซูมาทำงานก็ได้รับทำคดีที่ไม่มีใครสามารถไกล่เกลี่ยได้ต้องใช้ยอดฝีมืออย่างเขาคือคดีอุบัติเหตุรถชนที่เหยื่อเป็นผู้พิการบกพร่องทางสายตาดันมีโซ (ชุนอูฮี) และนอนโคม่าอยู่ที่คู่กรณีมีอิทธิพลกับบริษัทและบริษัทพยายามปิดคดีให้เป็นการฆ่าตัวตาย กระนั้นเมื่ออีกังซูได้รับทำคดีที่น่าจะง่ายสำหรับเขาเพราะทิศทางของเหตุการณ์ไปในทางนั้นแต่เขาดันไปเห็นวิญญาณของดันมีโซที่สามารถมองเห็นเขาและเขามองเห็นเธอ แล้วดันมีโซในฐานะวิญญาณที่เพิ่งได้เห็นโลกเป็นครั้งแรกก็ได้ขอให้ชายผู้หัวใจสลายจนสิ้นอย่างอีกังซูพาเธอไปเปิดหูเปิดตา แล้วการที่หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณได้เป็นเพื่อนกันได้พูดคุยกันก็ทำให้คนที่หัวใจสูญสิ้นไปแล้วได้หัวใจคืนมาทีละน้อยจนทำให้อีกังซูไม่ยอมจบคดีอย่างที่บริษัทต้องการ ทำให้เขาต้องคลี่คลายปมชีวิตของดันมีโซโดยที่ไม่รู้ตัวว่าดันมีโซก็กำลังคลี่คลายปมชีวิตของเขาเช่นกันคงเส้นทางของการเยียวยาหัวใจแต่เลือกเดินทางดราม่ามากกว่าโลกสวย ด้วยความที่เป็นเรื่องของคนที่อับจนหัวใจจนจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ทรมานแล้วมาเจอจุดเปลี่ยนเป็นเหตุการณ์ที่จะทำให้ฟื้นฟูหัวใจแน่นอนว่าจุดประสงค์หลักคือการเยียวยาซ่อมแซมหัวใจคนดูผ่านตัวละคร กระนั้นหนังประมาณนี้พล็อตเรื่องแบบนี้โดยมาคนดูจะชื่นชอบและเห็นว่ามาในทางอบอุ่นหัวใจโลกสวยสดใสงดงาม ทว่าหนังดราม่าก็คือหนังดราม่าที่จะเลือกเล่าแง่มุมชีวิตในแบบต่างๆและเรื่องนี้เลือกในทางหม่นแม้จะมีความเป็นแฟนตาซีอยู่ในตัว แน่นอนเส้นทางหลักในการเยียวยารักษาหัวใจที่สูญสลายยังคงเข้มแข็งจากบทภาพยนตร์ที่อาจตั้งใจมาเนิบช้าแต่ก็มองเห็นริ้วรอยไม่เจอ หนังเลือกเล่าด้วยความรู้สึกที่มาจากความทุกข์จากความสูญเสียที่สามารถทำให้คนสุญสิ้นพลังค้ำยันชีวิตจนบางครั้งก็มองโลกบิดเบี้ยวไป แล้วใส่ความโลกสวยเข้ามาในนามของวิญญาณที่ไม่มีประสบการณ์การมองเห็นที่เห็นทุกอย่างเป็นความสวยงามจากการได้สัมผัสด้วยตาครั้งแรก เพียงแต่ความสวยงามมาพร้อมความหม่นโศกเพราะเลือกเล่าผ่านความรู้สึกค่อยๆเล่าแบบตรงๆไม่ซับซ้อนแต่มีจุดพลิกผันมีจุดหักเหให้ได้รู้สึกและฉุกคิดโดยไม่บีบไม่เร่งไม่เร้า ในความเป็นหนังดราม่าทุกเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนโดยมากคนดูจะชินกับอาการเร้าความรู้สึกจะมากน้อยก็มักสัมผัสได้ แต่เรื่องนี้การที่บทหนังตั้งใจมาเนิบช้าค่อยๆบอกกับคนดูทีละนิดที่จะว่าละเอียดยิบก็ไม่ขนาดนั้นแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นหนังยังเล่าได้ครบใจความจนรู้สึกไปกับสิ่งที่เห็นได้ แล้วการเล่าเรื่องที่ไปตรงๆที่ดูเหมือนตรงแต่ความจริงเล่าจากที่ไปเพื่อไปหาที่มานั้นคือเล่าจากผลไปสู่เหตุโดยที่จุดเปลี่ยนทางหัวใจที่ไม่เห็นการเร่งหรือบีบแต่ค่อยๆเป็นไปกลับสัมผัสได้เพราะทุกอย่างล้วนมาจากความรู้สึก เช่นรู้สึกหม่นโศกไปกับอีกังซูในตอนต้นและค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาได้จนกระทั่งรู้สึกดีที่เขากลับมามีหัวใจเพราะจากที่ใบหน้าท่าทางเหมือนซากศพเดินได้กลายมาเป็นมีชีวิตมีรอยยิ้ม ที่น่าทึ่งคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคนดูกลับไม่รู้สึกว่าตั้งใจใส่เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามสถานการณ์ได้อย่างเนียนๆ และที่น่าทึ่งขึ้นไปอีกคือเมื่อถึงบทสรุปคนดูจะไม่กังขาเพราะว่าเข้าใจและรู้สึกแบบนั้นมาก่อนแล้วความเจ็บปวดที่มีชีวิตกับความเจ็บปวดที่ต้องปล่อยมือและความเจ็บปวดที่ต้องปลดปล่อย เมื่อเล่าเรื่องของทุกข์จากความสูญเสียพาดทับความตายและปมในใจของตัวละครนั่นก็คือการเล่าจากความเจ็บปวด เรื่องของหนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณต่างเจ็บปวดจากปมในใจของตนเองที่ไม่สามารถหลุดพ้นหนึ่งคือสูญเสียคนที่รักกับอีกหนึ่งสูญเสียความรักจากคนที่ควรรัก นั่นคือหนึ่งเจ็บปวดจากการมีชีวิตจนสูญสิ้นความหมายของชีวิตกับอีกหนึ่งที่รู้ความหมายของชีวิตแต่รู้ดีว่าไม่อาจมีชีวิตต่อไป แล้วเมื่อเหตุการณ์ซ้อนทับกับความทรมานของการเจ็บป่วยที่ทรมานทั้งคนป่วยและคนอยู่เรื่องของการปลดเปลื้องเพื่อปลดปล่อยจึงมาเข้ามาเติม แล้วการปล่อยมือจากพันธนาการของหัวใจหรือการปลดให้หลุดพ้นล้วนต้องใช้ความรู้สึกและความเข้าใจที่บางครั้งก็ไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเองทั้งคนที่ทรมานทางร่างกายกับคนที่ทรมานทางใจที่จะปลดปล่อยหรือปล่อยมือ เพราะไม่ว่าทางไหนก็เจ็บปวดไม่ต่างกันและอาจไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่ากันขึ้นอยู่กับการคิดในมุมของอีกฝ่ายมากกว่าจะคิดถึงฝ่ายตนเองที่เอาลมหายใจของอีกฝ่ายมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวหัวใจตนการแสดงที่จัดจ้านปานกระจกสะท้อนของมุมมองชีวิตที่แม้จะมีเพียงสองคนแต่บอกเล่าได้ครบทุกกระบวน หนึ่งมนุษย์ที่สูญสิ้นพลังชีวิตกับหนึ่งวิญญาณที่เพิ่งได้ใช้ชีวิตได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ไม่ต่างจากกระจกสะท้อนมุมมองของชีวิต แน่นอนคนที่ได้ผ่านความทรมานในการใช้ชีวิตช่วงหนึ่งจนถึงขั้นสูญเสียที่กลายเป็นตราบาปติดหัวใจและยอมรับไม่ได้กับชีวิตที่ยังหายใจอยู่ ในมุมนี้คิมนัมกิลคือกระจกในมุมความหม่นโศกได้อย่างไร้ที่ติเพราะตั้งแต่เปิดคนดูจะโศกไปกับเขาและค่อยๆดีขึ้นและสุดท้ายเข้าใจไปกับเขา ส่วนในมุมสวยใสในการมองโลกได้เห็นโลกเป็นครั้งแรกเพราะการอยู่ในโลกมืดมาทั้งชีวิตล่วงเลยไปจนถึงความเข้าใจในมุมของคนอยู่ที่ต้องเจ็บปวดทรมาณไม่ต่างจากคนป่วย ในมุมนี้ชุนอูฮีก็คือกระจกด้านสวยใสอย่างไร้ที่ติเช่นกันเพราะคนดูจะรู้สึกดีรู้สึกมีพลังชีวิตเมื่อได้เห็นและการที่ได้รับฟังบทสนทนาของเธอกับตัวละครของคิมนัมกิล ซึ่งแม้จะมีเพียงสองคนที่กุมความรู้สึกคนดูเพราะตัวละครอื่นๆเป็นเหมือนเครื่องเคียงในสำรับแต่แค่สองคนก็สามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการสื่อได้ครบถ้วนนี่คือหนังดราม่าจัดๆที่ถูกใจคนชอบดราม่าแน่แต่อาจไม่ถึงใจคนที่ต้องการอะไรที่หวือหวากว่านี้ ถ้าดูจากโปสเตอร์อาจเข้าใจผิดว่าหนังจะออกมาในโทนโลกสวยอบอุ่นเยียวยาหัวใจให้ได้ฟื้นพร้อมแง่คิดในชีวิตตามแนว Feel Good ซึ่งถ้าคาดหวังแบบนั้นก็อาจมีผิดหวังเพราะหนังเรื่องนี้ดราม่ามาแบบเต็มๆที่ทั้งหม่นทั้งโศกทั้งเศร้าจนแทบโงหัวไม่ขึ้น กระนั้นสารที่ต้องการจะบอกเล่าก็ยังมาครบถ้วนในความพยายามเยียวยาหัวใจคนดูไปพร้อมกับตัวละครเพราะแง่มุมชีวิตที่เล่าจากความหมายของชีวิต ทั้งยังเป็นเรื่องสัจธรรมที่ทุกคนต้องเจอทั้งความเจ็บความตายอันนำมาซึ่งความสูญเสียและความสูญเสียนี่เองที่จะดึงพลังชีวิตให้ดิ่งลงจนบางคนอาจสูญสลายเพราะรับไม่ได้กับความสูญเสีย หนังจึงตั้งใจมาทำความเข้าใจกับชีวิตผ่านเรื่องของชีวิตที่มองได้ทั้งสองมุมคือมุมของคนที่อยู่และคนที่จากไปหรือกระทั่งมุมของคนป่วยที่ไร้ความหวังกับมุมของคนที่ต้องดูแลคนป่วยที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องหวัง อาจเพราะชีวิตมีแง่มุมมากเกินไปจนอาจไม่เข้าใจได้ถ่องแท้หนังเรื่องนี้จึงพยายามบอกกับคนดูว่าจงเข้าใจในชีวิตดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.krเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!อ่านบทความผลงานของ "คิมนัมกิล" โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่https://entertainment.trueid.net/detail/VA9g4nEP6OMRhttps://entertainment.trueid.net/detail/2Qepkyk7b6Zghttps://entertainment.trueid.net/detail/0g8y0j5vEP7Ohttps://entertainment.trueid.net/detail/yqGjG6kxEK0lhttps://entertainment.trueid.net/detail/Or4eGnxxlMJZ