ถ้าหากให้พูดถึงหนังซอมบี้ที่สร้างตำนานภาพจำในหมวดหนังซอมบี้กันเอง คงไม่มีใครไม่นึกถึงซอมบี้ชนิดวิ่ง 4 คูณ 100 ที่สร้างภาพจำการเคลื่อนไหวของซอมบี้ที่สละภาพศพที่ต้องเดินเช้า ๆ แล้วเปลี่ยนมาล่าเหยื่อด้วยฝีเท้าที่ไวและเขี้ยวฟันรวมถึงพฤติกรรมที่น่ากลัว ไม่พ้นเรื่องตระกูลหนัง 28 Days Later และ 28 Weeks Later ได้อย่างแน่นอน การมาของหนังเรื่องนี้ได้ปฏิวัติกฎการทำหนังซอมบี้ให้กับยุคหลัง ๆ ทุกเรื่องว่าต้องสนุก น่ากลัว แต่ทว่าแล้วไม่ว่าจะมีหนังซอมบี้ชนิดวิ่งไวกี่เรื่องปล่อยออกมา กลิ่นอายความเป็นต้นฉบับคลาสสิกที่ทุกคนต้องหวนนึกถึงก็ไม่มีใครจะลืมแฟรนไชส์นี้ลงได้ แม้จะทิ้งภาคห่างนับจากภาคสองไปนานเกือบยี่สิบปี จนกระทั่งปีนี้ที่ภาคต่อของตำนานซอมบี้วิ่งสู้ฟัด 4 คูณ 100 จะกลับมาให้คนดูได้ยลโฉมประสบการณ์ใหม่ในชื่อและคอนเซ็ปต์ 28 ปีต่อมา .... กันต่อ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 28 Years Later หนังซอมบี้ในตำนานที่ยังกลับมาเก๋าเกมไม่ตายจาก ที่ยังเพิ่มรสชาติประหลาดใหม่ผสมเข้าไปกลายเป็นหนังซอมบี้ที่โดดเด่นและโชนแสงได้ ตัวหนังยังคงยอดเยี่ยมที่รักษามูดโทนอารมณ์จากสองภาคแรกได้อย่างดิบดี และก็ไม่วายมีจังหวะองค์ประกอบบางอย่างที่แปลกใหม่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อทดแทนและสร้างภาพจำให้หนังซอมบี้เรื่องนี้ ไม่ใช่ถูกจำในฐานะหนังซอมบี้ธรรมดาแบบภาคต่อทั่วไป แต่นี่คือหนังซอมบี้ที่เป็นทั้งภาคต่อและรักษาหัวใจบางอย่างที่หนังซอมบี้หลากเรื่องในปัจจุบันได้ผละทิ้งประเด็นนี้ไปแล้ว โดดเด่นด้วยมูดโทนชวนขนหัวลุก หายใจไม่ทั่วท้อง สิ่งที่อยากจะชมมาก ๆ อย่างแรกเลยคือหนังสามารถจับอารมณ์คนดูและพาเหล่าพวกเรากระโจนเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ในหนังได้แบบอยู่หมัด ด้วยการตัดต่อที่เล่นกับความรู้สึก บีบเค้นอารมณ์ แบบเกินเบอร์และโอเว่อร์แต่กลับเข้ากับบรรยากาศในหนังได้อย่างดี ส่งผลให้ทุกที่ในบริเวณหนังเราไม่สามารถไว้ใจได้ว่าสถานที่ตรงนี้จะมีซอมบี้หรือไม่และสถานการณ์เรียบ ๆ ของหนังจะมีเหตุการณ์อะไรกระโจนมาให้เราได้ตื่นเต้นและผวาอีกหรือเปล่า ซึ่งรสชาตินี้มันยังเปรียบเสมือนการเป็นภาคต่อโดยตรงทางมูดอารมณ์จากสองภาคก่อน ที่เป็นหนังซอมบี้ลุ้นระทึก ผวา ไม่ได้โชว์ซีนแอ็คชั่นใหญ่โตทุนหนา แต่เล่นกับความรู้สึกคนดูให้ได้มากที่สุด ซึ่งพอเป็นเหตุการณ์ 28 ปีต่อมา มันไม่ได้มีแค่รสชาติผวาแต่มันยังคือความไม่รู้เหมือนกับตัวละครที่เข้าไปในดินแดนต้องห้ามหลังผ่านไปแล้ว 28 ปีเหมือนพวกเขาเกิดเป็นมหกรรมการร่วมลุ้นตัวละครได้ดีมาก ๆ การถ่ายทำด้วย "ไอโฟน" เทคนิคงานสร้างที่เข้าขั้นปีศาจ หนังเรื่องนี้ถูกขายไอเดียตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแรก ๆ ออกมาแล้วว่าทั้งเรื่องถ่ายทำด้วยระบบ IPhone 15 Pro และอุปกรณ์เสริม ซึ่งภาพรวมของกลวิธีสร้างหนังของเรื่องนี้ออกมา "เวิร์ค" และสร้างภาพจำด้วยมุมกล้องใหม่ ๆ แปลก ๆ และมีหลุดโลกบ้างแต่ล้วนแล้วคิดถูกและเข้ากับสไตล์หนังได้อย่างเหลือเชื่อ ผนวกกับการเล่าเรื่องที่ลงตัวเหมาะสมอย่างพอดี ซึ่งการมาของเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการปฏิวัติอุตสหกรรมภาพยนตร์ในแง่เทคนิคการถ่ายทำมากพอสมควรที่จะให้คนดูได้จดจำหนังเรื่องนี้ในฐานะงานสร้างเทคนิคที่ชวนแปลกแต่ว้าวและดี ครึ่งแรกสยองเกือบบ้า ครึ่งหลังดราม่าที่ทำถึง ครึ่งแรกของหนังเต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่า ๆ ของสองภาค ที่เพิ่มเติมมาด้วยการแนะนำโลกของตัวเองในจักรวาลตน เพื่อสานต่อขยาย อธิบายลักษณะการติดเชื้อ ที่อาจจะไม่ได้ใหม่ชวนว้าว แต่ก็เล่ามาได้น่าสนใจและชวนน่าติดตาม ตัวหนังยังคมคายมากในแง่บิลด์อารมณ์ฉากไล่ล่า ที่แม้จะไม่ได้มีมากมาโชว์มากมายแบบสองภาคชนิดขายตรง แต่พอมาแต่ละทีก็เล่นทำเอาลุ้นหัวใจจะวาย ซึ่งนี่เป็นอีกหนังแนวซอมบี้ที่ทำฉากลุ้นระทึกออกมาดูสนุกมาก ๆ ในรอบหลาย ๆ ปี แบบหอมปากหอมคอ แม้คอนเซ็ปต์ซอมบี้ในเรื่องนี้จะไม่ได้สดใหม่ และความลุ้นจะยังไม่สามารถเคาะสนิทดึงความเก๋าจากสองภาคแรกมาได้หมด ตัวหนังก็ชดเชยสิ่งใหม่ ๆ ที่สองภาคแรกทำไม่ได้คือครึ่งท้ายของหนัง ที่เบี่ยงประเด็นหนีตายลุ้นระทึกมาระทึกกับประเด็นดราม่าที่เบสิคแต่ซึ้งกินใจ ที่แม้ไม่ได้คิดและคาดหวังจะได้เห็นแต่เมื่อเขาทำเสิร์ฟมาก็มอบโมเมนต์อะไรใหม่ ๆ กลับสู่หนังซอมบี้ยุคนี้ได้อีกครั้งแบบลุ่มลึก และจบขมวดปมแก่นหนังที่ปูหยอดมาได้ดี เมื่อมองกลับมาเราก็สามารถมองได้ว่าหนังซอมบี้เรื่องนี้มีมากกว่าแค่หนีตายธรรมดา แต่ยังมีหัวใจของหนังที่สะท้อนออกมาได้อย่างเจ๋ง คล้ายกับ A Quiet Place Day One ที่หนังห่อหุ้มด้วยแนวสัตว์ประหลาดแต่เนื้อในก็คือหนังดราม่าที่ซ่อนรอคนดูไว้อยู่ ครึ่งหลังที่ชวนทำเสียงแตกและอาจสร้างความผิดหวังให้แฟน ๆ ที่ตั้งตารอ หลังเล่าสานต่อกลิ่นอายจากสองภาคแรกในครึ่งแรกไป หนังก็เปลี่ยนผ่านมาเล่าครึ่งหลังที่ไปในอีกเวย์ ที่ยังไม่ได้เผยในตัวอย่างหนัง ซึ่งทำให้มันไม่ได้อยู่ในความคิดของเราก่อนจะไปดู คือพาร์ทดราม่าที่ทำออกมากลมกล่อมและกำลังพอเหมาะไม่มากไม่เยอะ และสอดรับกับประเด็นหนังที่เปิดมาได้อย่างหนักแน่น แต่ก็ล้วนเป็นดาบสองคมในแง่ของความรู้สึกและความคาดหวังของผู้ชม คมแรกคนที่คาดหวังความบันเทิงเต็มสูบหนีซอมบี้แบบสองภาคแรก อาจจะต้องผิดหวังในการดำเนินเรื่องของช่วงท้ายที่ผ่อนหนักมาเบา ซึ่งเป็นรสที่แตกต่างที่สร้างความโดดเด่นจากหนังพล็อตแนวเดียวกันได้ดี คมที่สองทำให้ภาคนี้ดูมีอะไรที่เพิ่มมูลค่าและคุณภาพของแฟรนไชส์นี้ออกมาดีขึ้น พร้อมขยายจักรวาลนี้ให้น่าสนใจเพิ่มขึ้นได้มาก โดยรวมแล้ว 28 Years Later กลับมาอย่างเก๋าและเขย่าขวัญได้ดีเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมิติดราม่าที่ไม่เคยมีจากสองภาคก่อน หนังทำดีในแง่ของเป็นหนังซอมบี้ แม้จะเคาะสนิมจากภาคก่อนและดึงมูดความระทึกขวัญกลับมาได้ยังไม่ครบ แต่ไม่ก็ได้แย่ และยังสร้างความตึงเครียดระหว่างชมได้อย่างตื่นตาตื่นใจได้ดีอยู่ ผนวกกับประเด็นพาร์ทดราม่าที่แต่งเติมเข้าไปในท้ายหนังจะพาเสียงคนชมแตกจากสองฝ่าย แต่ก็ยังครีเอทสร้างอารมณ์ใหม่ให้กับแฟรนไชส์ได้ดีเยี่ยม อัพสกิลงานสร้างให้เข้ามูดโทนหนังด้วยการถ่ายทำด้วยไอโฟน 15 ที่สร้างภาพจำใหม่ ๆ ของวงการภาพยนตร์ได้ดีเยี่ยม ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : Sony Pictures ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : Sony Pictures จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !