รีวิวหนัง "Jay Kelly เจย์ เคลลี" การแสดงเป็นตัวของตัวเอง นั่นแหละคือส่วนที่ยากที่สุดของชีวิต

และนี่คือผลงานล่าสุดของนักสร้างหนังที่เต็มไปด้วยลีลาอันแพรวพราวและใคร ๆ ก็จับจ้องแย่งคิวเขามาร่วมงานด้วย เขาก็คือ "โนอาห์ เบาม์แบก" ที่ยังละเลงฝีมือทองคำของเขาใส่เอาไว้ในงานของตัวเอง ออกมาให้หนังที่เต็มไปด้วยความทรงจำและหวนระลึกถึงร่องรอยความโหยหายจากสิ่งที่ผ่านพ้นมา กลายออกมาเป็น "Jay Kelly" หนังชีวิตที่โฟกัสอยู่บนเส้นทางบนแสงสปอตไลต์ของดาราอาวุโสที่ยังทรงเสน่ห์ ที่พบว่าท่ามกลางแสงที่เต็มไปด้วยคนรายล้อม แต่จะมีสักกี่คนที่อยู่เคียงข้างเขาจริง ๆ สักคน

เจย์ เคลลี นักแสดงชื่อดังดาวค้างฟ้าที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาหลายทศวรรษ บัดนี้เขาเข้าสู่วังวนของการค้นพบตัวเอง เผชิญหน้ากับอดีตที่หวานอมขนกลืนกับปัจจุบันที่เริ่มโรยรา แต่เขาก็ยังมี รอน ผู้จัดการที่คอยช่วยเหลือเขาอย่างใกล้ชิดและทุ่มเท กลายมาเป็นเรื่องราวสุดซาบซึ้งที่อบอวลไปด้วยอารมณ์ขบขัน ที่ร้อยเรียงผ่านท่วงทำนองชีวิตที่ผสมผสานระหว่างความสำเร็จและความอาลัย ระหว่างตรงกลางของชีวิตความเป็นจริงกับโลกแห่งการแสดง

แน่นอนว่า โนอาห์ เบาม์แบก รับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังของเขาเองอีกเหมือนเคย โดยเขาเขียนบทร่วมด้วย "เอมิลี มอร์ติเมอร์" นักเขียนบทมือทองจากฝั่งอังกฤษ ที่ต้องยอมรับว่าเป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยลูกเล่นและกลิ่นอายสไตล์จากปลายปากกาของโนอาห์อยู่หลาย ๆ มิติที่พยายามกลั่นกรองออกมา แต่น่าเสียดายที่จังหวะจะโคนในหลายมุมของหนังเรื่องนี้ ยังปลุกปั้นออกมาเป็นรูปร่างที่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยสัดส่วนที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่ในหลายจุดอยู่

Jay Kelly ดูเหมือนจะเป็นเพียงหนังชีวิตที่ถ่ายทอดผ่านเส้นทางความโด่งดังของนักแสดงชายที่กำลังย่างเข้าสู่วัยชราในอีกไม่กี่ปี หนังมีวิธีและลำดับการเล่าเรื่องที่เป็นชั้นเชิง ร้อยเรียงผ่านห้วงไทม์โซนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ของหนังเรื่องนี้ ถือว่าค่อนข้างปูทางมาได้ค่อนข้างดี ตรงประเด็น เหมาะเจาะกับสิ่งที่สร้างผลกระทบให้กับตัวละครดี แต่ทว่าแอบเสียดายที่พอไปถึงกลางเรื่อง จนเรื่อยมาสู่ปลายทางของหนัง หลายองค์ประกอบในแง่พล็อตและการเล่าเรื่องยังคมคายที่ทำให้ 'เฉียบ' แบบยังไม่ค่อยจะคมนัก

ขณะที่งานสร้างในหนังของโนอาห์ก็นับว่าเป็นอีกส่วนที่มักจะมอบความสนใจได้อยู่เสมอ ๆ ใน Jay Kelly เรื่องนี้ก็ยังคงใช้เสน่ห์ของงานภาพและโลเคชันต่าง ๆ มาช่วยบิวท์กับขับเคลื่อนอารมณ์ของตัวหนังได้เป็นอย่างดี ขอบคุณฝีมือผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลออสการ์ "ลีนัส แซนด์เกรน" จาก La La Land ที่ยังสร้างเสน่ห์ในงานภาพของลอสแองเจลิสกับทิวทัศน์ประกายแสงแดดของฝรั่งเศสได้อย่างคมคายเสมอ พร้อมกับฝีมือนักออกแบบโปรดักชันและเซ็ตฉากต่าง ๆ ที่คุ้นเคยกับผู้กำกับผู้นี้เป็นอย่างดี

พร้อมกับรวบรวมทีมนักสร้างหนังยอดฝีมือระดับตัวท็อป ๆ ของวงการมาช่วยกันรังสรรค์งานนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือการตัดต่อของ "วาเลริโอ โบเนลลิ" กับ "เรเชล ดูแรนซ์" ที่ต่างก็เป็นมือตัดต่อสายอินดี้ที่แสนคมคาย รวมทั้งงานเสียงเพลงประกอบชั้นเลิศ จากการประพันธ์ที่จับใจของ "นิโคลาส บริเทลล์" ที่ยังสร้างสรรค์ซาวน์คลอหนังเรื่องนี้ได้อย่างมีอรรถรสและรสนิยมไปตลอดทั้งเรื่องนี้ มาพร้อมกับการดีไซน์เสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมที่เหมาะเจาะลงตัวไปตลอดทั้งเรื่อง

ถึงแม้ว่า Jay Kelly จะเป็นหนังที่คราคร่ำไปด้วยทีมนักแสดงชุดใหญ่ไฟกะพริบสุด ๆ มีซีนมากซีนน้อยปะปนกันไป เพราะใคร ๆ ก็อยากจะร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้กันทั้งนั้น แต่ถึงจะมีปริมาณนักแสดงล้นหลามแค่ไหน ความพิเศษของหนังเรื่องนี้ก็ยังสามารถคลุมโทนความเหงาและเดี่ยวดายตามคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างน่าทึ่งและน่าประทับใจ เพราะคนดูจะสัมผัสได้ว่าเป็นหนังที่ยิ่งดูแล้วยิ่งเหงา แม้ว่าจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่กลับยิ่งเหงาจับใจไปจนถึงฉากสุดท้าย

และแน่นอนว่าการแสดงในหนังเรื่องนี้จะได้มีบทบาทโดดเด่นบนเวทีรางวัลไหนบ้างแหละ เพราะเป็นอีกครั้งที่ "จอร์จ คูลนีย์" ได้กระทำการแสดงแบบยอดฝีมือและรับมือกับบทหนังที่ราวกับเขียนขึ้นมาเพียงสดุดีและยกย่องผลงานตลอดเส้นทางการทำงานในสายอาชีพนักแสดงของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จอร์จทำให้เห็นว่า..มืออาชีพเขาทำงานกันยังไง รับมือกับทุก ๆ อิริยาบถได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดการแสดงที่ทับซ้อนอยู่ในการแสดง โดยที่มีโจทย์ที่ค่อนข้างซับซ้อนและปกคลุมด้วยหลายเลเยอร์ของอารมณ์ในตัวละครเดียว

โดยที่ "อดัม แซนด์เลอร์" ก็มาพร้อมกับอีกหนึ่งบทบาทที่เปล่งประกายในอาชีพนักแสดงของเขาอีกครั้ง ที่เราเฝ้าภาวนาว่าถึงเวลาสักทีเถอะ ที่เขาจะได้มีโอกาสมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิตอย่างเต็มตัวสักที หลังจากที่เฝ้ารอมานานแสนนาน เพราะบทบาทนี้เข้ามือเข้าปากของเขาเป็นอย่างดี เป็นบทบาทใหม่ ๆ สำหรับเขาที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน และเขาก็รับมือพร้อมกับถ่ายทอดมันออกมาได้แบบ..น้อยแต่มาก สะกิดเล็ก ๆ แต่ทรงพลังได้เป็นอย่างดี กลายเป็นว่า 2 ดารารุ่นใหญ่ในหนังเรื่องนี้คือตัวพ่อที่เทพประทานมาให้

แล้วยังต้องพูดถึงเหล่านักแสดงสมทบ ที่จ้างร้อยเล่นให้ล้านกันแทบทุกคน "ลอรา เดิร์น" คือคาแรกเตอร์ที่มาช่วยเบรกและทำให้เคลิ้มไปในเวลาเดียวกันได้อย่างอัศจรรย์ ขณะเดียวกันก็ยังมีการแสดงที่ดีงาม จาก "บิลลี ครูดัพ", "แพทริค วิลสัน", "จิม บรอด์เบนท์", "สเตซีย์ คีช", "ไรลีย์ คีอาฟ" และคุณภรรยาของผู้กำกับ "เกรต้า เกอร์วิค" ก็โดดมาร่วมแสดงในหนังของสามีตัวเองเรื่องนี้ได้อย่างน่าประทับใจด้วยเช่นเดียวกัน

ในภาพรวมแล้ว Jay Kelly ก็จัดได้ว่าเป็นหนังชีวิตที่เหมาะเจาะที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหนังสายรางวัลนั่นแหละ แต่ว่าองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่ได้ลงตัวได้ทุกช่องอย่างสมบูรณ์แบบนั้น บทหนังค่อนข้างน่าสนใจแต่กลับยังขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง ทางด้านงานสร้างก็นับว่าดีใช้ได้ ตรงตามมาตรฐานหนังของโนอาห์ เบาม์แบก แต่ยังค่อนข้างมอบอารมณ์ความรู้สึกที่ยังไปไม่สุดทาง มาพร้อมกับทีมนักแสดงชุดใหญ่เล่นใหญ่แบบแน่น ๆ แต่แค่ได้ 2 นักแสดงชายหลัก ๆ ของเรื่องนี้มาละเลงทำการแสดง ก็นับว่าเป็นกำไรที่ดีงามของคนดูอย่างคมคายไปแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Jay Kelly เจย์ เคลลี

• ประเภท: ตลก / ดรามา
• ผู้กำกับ: โนอาห์ เบาม์แบก
• นำแสดงโดย: จอร์จ คูลนีย์, อดัม แซนด์เลอร์, ลอรา เดิร์น, บิลลี ครูดัพ
• ความยาว: 132 นาที
• กำหนดฉายในไทย: 5 ธันวาคม 2025 (ที่ Netflix)

Movie.TrueID METRIC: Jay Kelly เจย์ เคลลี

• ภาพรวม
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.9/10)
• การเล่าเรื่อง
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.2/10)
• การแสดง
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.8/10)
• เทคนิคงานสร้าง
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.1/10)
• บทภาพยนตร์
  ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.8/10)

ห้ามพลาด! แพ็กเกจ True 5G Super Netflix เอาใจคนรักความบันเทิงสนุก
กับการดู Netflix ได้คมชัดทุกจอ เริ่มต้นแค่เพียง 499 บาท/เดือน คลิกเลย!

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa