อดีตเราไม่สามารถย้อนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามโลกได้ แต่หนังที่เรากำลังจะพูดถึงนี้สามารถตีแผ่เรื่องราวของสงครามโลกที่ทำให้เราเห็นถึงความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า ความโหดร้ายของสงคราม ความเสียหายจากการล้างบาง ความสูญเสียของครอบครัวผู้เสียสละ รวมถึงมิตรภาพในยามเผชิญมัจจุราชเราขอเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสงครามเพื่อตีแผ่มุมมองสงครามผ่านฟิล์มหนัง ให้คุณต้องดูให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต รับรองว่าคุณจะรู้สึกว่า “นี่เราพลาดเรื่องนี้ได้ยังไง?” (1). 1917 (2019) หนังมหาสงครามที่มีการดำเนินภาพยนตร์ด้วยการถ่ายทำแบบ Long Take ซึ่งเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องโดยหลีกเลี่ยงการตัดต่อให้น้อยที่สุด ทำให้ผู้ชมอย่างเราเหมือนเข้าไปอยู่ในสงครามจริงๆ โดยได้รับการการันตีจากการเข้าชิงรางวัลออสการ์ 10 รางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมกันเลยทีเดียว เรื่องย่อ : จะดำเนินเรื่องโดยทหารหนุ่ม นามว่า สกอฟิลด์ ได้รับภารกิจให้ไปส่งสาร “สารในการยุติการโจมตี” โดยระหว่างทางเขาได้ผ่านสมรภูมิมากมาย โดยมีตัวเร่งคือ เวลา ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้คนดูลุ้นว่าจะต้องไปให้ทันก่อนจะมีคำสั่งไปบุกโจมตีหรือไม่ ซึ่งหากเขาไปทันเวลาก็จะสามารถช่วยชีวิตทหารได้ถึง 1600 คนเลยทีเดียว.. รีวิว : ความรู้สึกของนักเขียนหลังจากดูเรื่องนี้ รู้สึกว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แนะนำให้ลองไปดู ทั้งการดำเนินที่ตัวหนังทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนั้นเลย มีหลายเรื่องของหนังที่ชวนให้ลุ้นไปกับตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบว่าตัวละครจะทำภารกิจสำเร็จไหม ทั้งฉากประกอบหนังที่ทำได้เหมือนจริงอย่างกับยกเอาสถานที่จริงในช่วงสงครามมาวางไว้ในหนังเลย และที่น่าประทับใจที่สุดคือ นักแสดง แม้หนังจะถ่ายทอดผ่านนักแสดงหลักเพียงแค่ 2 คน แต่สามารถดึงเราอยู่และอินไปกับพวกเขาได้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก และอีกอย่างหนึ่งที่จะพูดถึงไม่ได้ คือ เรื่องของการถ่ายแบบ Long Take ที่ทำให้รู้สึกว่าเราเหมือนเราได้ไปอยู่ในเหตุการณ์การกับตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบเลย ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เห็นในการทำหนังซักเท่าไหร่ (2). Saving Private Ryan (1998) หนังมหาสงครามที่เรียกได้ว่าเป็นหนึงในหนังที่ควรค่าแก่การดูอย่างยิ่ง โดยตัวหนังได้นำเอาเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการยกเอาช่วงเวลาของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อย่าง การยกพลขึ้นบกที่หาดโอฮามา มาเล่าเรื่องผ่านความโหดร้ายของการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้รับจากสงคราม เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของ จอห์น เอส มิลเลอร์ เขาเป็นกัปตันของหน่วยจู่โจมกองทัพบกสหรัฐ และมีผู้ติดตามเป็นพลทหารในสังกัดอีก 7 นาย หลังจากเหตุการณ์ยกพลขึ้นบกที่หาดโอมาฮา พวกเขาก็ได้รับคำสั่งพิเศษจากกองทัพ ในการค้นหาและนำตัวนายทหารคนหนึ่งที่มีนามว่า เจมส์ ฟรานซิส ไรอัน กลับบ้านหลังจากกองทัพได้ทราบข่าวถึงการสูญเสียพี่น้องของเขาจากสงครามในวันเดียวถึง 3 คน โดยเขาถือเป็นลูกชายคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ ความน่าสนใจของหนังอยู่ที่เส้นทางของการฝ่าฟันสมรภูมิในระหว่างการค้นหาตัวของนายทหารไรอันรีวิว : ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำเอาเหตุการณ์สำคัญอย่างการยกพลขึ้นบกที่หาดโอมาฮา และฉากเริ่มหนังสงครามที่นักเขียนถือว่าเป็นฉากเริ่มเรื่องที่ชอบมากที่สุดที่เคยดูมา แต่สำหรับผู้ที่จิตอ่อนหรือเห็นเลือดไม่ได้แนะนำให้ข้ามช่วงแรกของหนังมาเลยดีกว่าค่ะ เพราะตัวหนังค่อนข้างทำสมจริงอยู่มากในชนิดที่เห็นใส้เห็นพุงกันเลยทีเดียว และอาจจะมีความสับสนกับเรื่องมุมกล้องอยู่บ้างในช่วงแรกจากการที่หนังต้องการเน้นความสมจริงนั่นเอง ส่วนการดำเนินเรื่องมีหลายฉากที่น่าประทับใจมากๆ ยกตัวอย่างเช่น ฉากกำแพงอยู่ๆก็ดันมาพังลงเอาซะดื้อๆ จึงทำให้ทหารที่อยู่ทั้งสองฝั่งของกำแพงต่างก็ตกใจอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นอีกฉากที่ค่อนข้างจะโบ๊ะบ๊ะสุดๆ และก็มีบางฉากที่ทำเอาน้ำตาไหลก็มี ในส่วนของนักแสดง ต้องชื่นชมว่าแม้จะเป็นการแสดงเป็นกลุ่ม แต่พวกเขากลับแสดงร่วมกันได้อย่างลงตัวเหมือนเป็นสหายร่วมรบกันจริงๆเลย (3). Hacksaw Ridge (2016) เป็นอีกหนึ่งในหนังสงครามที่ควรค่าแก่การดูเป็นอย่างมาก เป็นการเล่าเรื่องในช่วงสงครามภาคพื้นแปซิฟิค ในสมรภูมิรบระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่นบเนินแฮ็คซอว์ โดยตัวหนังมีการดำเนินเรื่องเกี่ยวข้องกับการนำเอาศาสนาเข้ามามีความสัมพันธ์ในความศรัทธาในพระเจ้าของตัวหลักเรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของนายทหาร ชื่อว่า เดสมอนด์ ที. ดอสส์ เขามีความเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าอย่างสุดโต่งอย่าง ในการสมัครเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ เขาได้รับหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาลในการช่วยเหลือคน เขาตั้งปฏิญาณกับตนเองว่าจะไม่มีทางจับปืนฆ่าใครตายเป็นอันขาด ….แล้วนายทหารที่มีความเชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างแรงกล้าจะมีเรื่องราวอย่างไรต่อจากนี้ จนถูกขนานนามว่าเป็น “วีรบุรุษสมรภูมิปาฏิหาริย์” ต้องลองไปรับชมรีวิว : เป็นความแปลกใหม่ของการดำเนินเรื่องที่ต่างออกไปจากหนังสงครามเรื่องอื่นที่เคยดูเลย ความน่าสนใจที่ทำให้อยากดูเรื่องนี้เลยคือ คาแรคเตอร์ของตัวละครหลักในเรื่อง ด้วยความที่ว่าตัวละครมีความเชื่อมั่นว่าจะไม่จับปืนฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียว มันเลยสร้างความสนใจในการดูไม่น้อยเลยทีเดียว และทำให้คนดูอย่างเราตั้งคำถามว่า “ไม่ฆ่าใครในสงครามเลยเนี่ยนะ ไม่น่าจะเป็นไปได้” แต่พอดูๆไปแล้วกลับเข้าใจถึงตัวละครเลยว่าถึงแม้ว่าจะไม่ฆ่าใครเลย แต่เขาก็ทำหน้าที่ของทหารคนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนทหารทุกคนเท่าที่จะทำได้… เป็นอีกหนังเรื่องหนึ่งเลยที่ดูแล้ว รู้สึกถึงแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเราได้เลยที่ว่า “เราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันใครหรือทำตามที่ใครบอก เพียงแค่เป็นตัวของตัวเองแล้ว ทำหน้าที่ตรงนั้นให้เต็มที่ที่สุดก็เพียงพอแล้ว” (4). Fury (2014) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวในหนังได้มีการนำเสนอผ่านหนึ่งในอาวุธสงครามที่ทรงพลังอย่างมากในขณะนั้นอย่างรถถังอย่าง Tiger2 โดย Fury ชื่อของหนังก็เป็นที่มาจากชื่อของรถถังในตัวเรื่องนั่นเอง ตัวหนังจะแสดงใหม่เห็นถึงเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่กลุ่มตัวหลักได้พบเจอระหว่างเส้นทาง รวมถึงมิตรภาพและการเสียสละในยามสงครามเรื่องย่อ : เป็นการดำเนินเรื่องของนายทหารหนุ่มคนนึง เขามีความเคร่งศาสนาและมีความเชื่อมั่นว่าจะไม่ยอมจับปืนเป็นอันขาด โดยเขาถูกส่งตัวให้มาประจำปืนกลของหน่วยรถถังที่มีชื่อว่า Fury จึงทำให้เขาได้พบเจอกับสหายร่วมรบอีก 4 คนประจำอยู่ร่วมกันซึ่ง 1ในนั้น คือ วอร์แดดดี้ เขาเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยรถถังและมีส่วนสำคัญในการนำทีมในครั้งนี้ โดยหน่วยรถถังของพวกเขาได้รับภารกิจเสี่ยงตายที่จะต้องทำการสู้รบในเขตแดนของศัตรูที่มีกำลังพลมากกว่าตนเอง พวกเขาจึงต้องอาศัยความแรงกล้าและความร่วมมือในหน่วยในการต่อสู้กับนาซีนับพันคนรีวิว : เป็นหนังสงครามเรื่องต้นๆเลยที่ชอบมากๆ และที่ทำให้รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจเลยคือ รถถัง เพราะด้วยความที่อยากรู้ว่าข้างในรถถังมันเป็นยังไงก็เลยลองไปดู แต่ปรากฎว่าการดำเนินเรื่องของหนังกลับเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งความหลากหลายของของตัวละครที่ต่างกันแต่ต้องมาอยู่ร่วมกันในห้องเครื่องในชนิดที่หลังแทบติดกัน แต่กลับทำให้เห็นความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ และการวางกลยุทธ์การวางแผนทางทหารที่ทำให้เป็นที่น่าติดตามว่าพวกเขาจะวางแผนอย่างไรในการต่อสู้กับศัตรูทั้งๆที่อยู่แค่ในพื้นที่ที่กำจัดแค่ในรถถัง และกลยุทธ์ที่นักเขียนขอยกให้เป็นส่วนดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยคือ การวางกลยุทธ์รบในช่วงสุดท้ายของหนัง ในการวางแผนรับมือกับศัตรูนับพันคน กับการชี้ชะตาในการยืนหยัดต่อสู้แค่พวกเขากับรถถังแค่กลุ่มเดียวกับอาวุธที่ค่อยๆลดน้อยลง (5). Midway (2019) เรื่องราวของสมรภูมิรบระหว่างฝ่ายอเมริกาและญี่ปุ่น ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ให้กับอเมริกา หลังญี่ปุ่นเปิดฉากสงครามกับอเมริกาในการบุกถล่มสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เรื่องย่อ : เหตุการณ์เปิดด้วยการที่ญี่ปุ่นบุกโจมตีสหรัฐอเมริกาทางอากาศ โดยการทิ้งระเบิดทำลายกองเรือรบของสหรัฐอเมริกาที่จอดพักอยู่ในอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ โดยที่อเมริกาไม่ทันได้ตั้งตัว สร้างความสำเร็จให้กับญี่ปุ่นในการทำลายกองทัพอเมริกาไปได้บางส่วน โดยเป้าหมายต่อไปของญี่ปุ่นครั้งนี้คือ การยึดเกาะมิดเวย์อะทอลล์ ที่จะทำให้ญี่ปุ่นสามารถบุกโจมตีอเมริกาได้ง่ายขึ้น ญี่ปุ่นเรียกการบุกโจมตีครั้งนี้ว่า ปฎิบัติการมิดเวย์ โดยการบุกยึดแบบเงียบๆไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นไป เมื่ออเมริกาสามารถจับสัญญานและถอดรหัสจนรู้ถึงแผนการบุกยึดเกาะมิดเวย์ของกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งการจับสัญญาของญี่ปุ่นนี้เองเป็นจุดพลิกชะตาของพวกเขาได้ รีวิว : เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หยิบยกเอาเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อย่างเหตุการณ์โจมตีที่อ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ มาเล่าเรื่องผ่านฟิล์มหนัง ในส่วนของหนังที่ทำให้นักเขียนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจ คือ การนำเอาเทคโนโลยีทางการทหารอย่างเครื่องจับสัญญาณวิทยุมาใช้ และสามารถถอดรหัสของศัตรูได้ว่ามีเป้าหมายอะไร ทำให้เป็นจุดชี้ชะตาของหนัง ที่ทำให้ผู้ชมอย่างเราลุ้นไปด้วยว่า ถ้าอเมริการู้ถึงแผนการล่วงหน้าของญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาจะมีการวางแผนอย่างไรกับการรับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนตัวนักเขียนชอบฉากการรบบนน่านฟ้าอากาศของหนังมากเลยค่ะ มันทำให้พาลุ้นไปกับตัวละครด้วยว่าพวกเขาจะบินหลบฝ่าดงกระสุนของศัตรูไปได้ยังไงให้ตัวเองรอด รวมถึงตัวนักแสดงเองที่แสดงได้อย่างบ้าระห่ำมาก (6). All Quiet on the Western Front (2022) การดำเนินเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ผ่านมุมมองชีวิตของพลทหารฝ่ายเยอรมัน โดยเรื่องราวในหนังจะพาเราไปอยู่ในเหตุการณ์สมรภูมิรบแนวหน้าด้านตะวันตกของสงคราม และตัวหนังจะทำให้เห็นถึงความโหดร้ายดิบเถื่อนของสนามรบ ในส่วนที่สร้างความสูญเสียกองกำลังรบจำนวนมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของเหล่าเด็กหนุ่มนามว่า พอลและพวกเพื่อนๆ ที่สมัครใจเข้าร่วมสงครามเป็นพลทหารแนวหน้าของเยอรมัน เพื่อต้องการที่จะท้าทายตนเอง และเขากับพวกอยากจะพาตนเองไปสัมผัสกับสมรภูมิรบสักครั้ง ณ ตอนเริ่มเรื่องทุกคนต่างตื่นเต้นและดีใจที่ตนเองจะได้เป็นส่วนหนึ่งของสงคราม แต่เมื่อพวกเขาได้ไปถึงแนวหน้าของสมรภูมิรบ กลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดไว้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสมรภูมิที่พวกเขากำลังยืนอยู่ ทำให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามที่แท้จริงที่ต่างออกไป ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในสงครามนี้เองทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจของเด็กหนุ่ม ทั้งสภาพจิตใจของตนเองและความสูญเสียเพื่อนพ้องที่เคยสนิทรีวิว : เป็นอีกหนึ่งหนังที่นักเขียนได้มีโอกาสได้รับชมเมื่อไม่นานมานี้จาก netflix ตัวหนังเองทำให้เรามีโอกาสได้เห็นมุมมองของตัวละครผ่านการเล่าเรื่องในฝั่งเยอรมันบ้าง โดยนักเขียนรู้สึกว่าตัวหนังต้องการทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครตั้งแต่ช่วงต้นจนจบของหนัง ว่าความโหดร้ายที่แท้จริงของสงครามมันเป็นยังไง และที่น่าประทับใจของหนังคือ การเล่าเรื่องผ่านตัวละครแค่คนเดียว แต่นักแสดงกลับเอาเราจนอยู่หมัดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบไม่มีช่วงไหนที่ทำให้รู้สึกว่าหนังยืดเยื้อจนเกินไป และความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของหนัง คือ ความแตกต่างของแต่ละฝ่ายทั้ง ชุดแต่งกาย อาวุธ และสนามเพาะ อีกทั้งแสงสีของหนังที่ทำบรรยากาศให้อึมครึมทำให้เพิ่มประสบการณ์ชมเพิ่มขึ้นไปอีก (7). Enemy at the Gates (2001) เหตุการณ์พาเราเขาไปอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เล่าเรื่องถึงการปะทะกันระหว่างรัสเซียกับเยอรมัน โดยตัวหนังเล่าเรื่องผ่านตัวละครของพลแม่นปืนชาวรัสเซีย ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสงคราม จากการเล่นเกมส์ทางการเมืองผ่านโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้กำลังใจให้กับกองกำลังรัสเซีย และปลุกปั่นนาซีไปในตัว อีกทั้งในส่วนของหนังยังได้มีการนำเอาเรื่องราวของความรักเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของทหารหนุ่มชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า วาซิลี เขาถูกเกณฑ์มารบเพื่อเขาไปป้องกันเมืองสตาลินจากการเข้ารุกรานของฝ่ายเยอรมันอย่างนาซี แต่ชีวิตกลับพลิกผันจากเขาได้แสดงฝีมือทางด้านการยิงปืนเพื่อช่วยนายทหารคนหนึ่ง ทำให้กลายมาเป็นพลแม่นปืนให้กับกองทัพ จนได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษสงครามจากการสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้กับกองทัพรัสเซียเพื่อสร้างกำลังใจให้กับทหารรัสเซีย ส่วนเรื่องฝีมือของเขาจะเป็นไปตามที่เล่าลือในโฆษณา หรือไม่ต้องไปดูเอง…รีวิว : น้อยมากที่เราจะได้เห็นมุมมองผ่านทหารฝั่งรัสเซีย แถมเป็นเรื่องราวในการดำเนินเรื่องผ่านพลแม่นปืน ซึ่งแค่ลองคิดดูว่าวิทยาการอาวุธในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ยังไม่มีความล้ำหน้าทางอาวุธเหมือนปัจจุบัน การที่ได้รับการยอมรับว่าฝีมือในการยิงปืนที่แม่นยำในสมัยนั้นคงถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูไม่แปลกเลยที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นวีรบุรุษของชาติ เพราะฝีมือของตัวละครหลักในหนังมือโครตเก่งเลย ในหนังมีหลายหลากที่ชอบแต่ที่ชอบที่สุดคือ ฉากดวลปืนระหว่างพลแม่นปืนที่เก่งที่สุดของทั้งสองฝ่าย ซึ่งทำเอาเราลุ้นไปด้วยเลย และในเรื่องได้มีการเอามุมมองด้านความรักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งนักเขียนไม่ค่อยได้เห็นในหนังเกี่ยวกับสงครามสักเท่าไหร่แต่กลับไปด้วยกันได้ดีเลยทีเดียว และอินกับความรักของพวกเขามากๆเลยค่ะ มันดูลำบากแต่เด็ดเดี่ยวดี ….จบกันไปแล้วนะคะ กับหนังสงครามที่เราได้แนะนำไป ซึ่งยังมีหนังเกี่ยวกับสงครามอีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่วันนี้ขอเอามาหยิบยื่นให้กับผู้อ่านที่กำลังเริ่มสนใจหรือกำลังจะลองหาหนังเกี่ยวกับสงครามดู โดยตัวผู้เขียนรับรองว่าเรื่องที่นำมาเสนอจะทำให้ผู้อ่านไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะเครดิต รูปภาพหน้าปก : หน้าปก โดย canva ขอบคุณรูปจาก 1917 / Hacksaw Ridge / Fury / Midway / All Quiet on the Western Front /รูปภาพที่ 2 / รูปภาพที่ 7รูปภาพประกอบ : รูปภาพที่ 1 มาจาก 1917รูปภาพที่ 2 มาจาก Saving Private Ryanรูปภาพที่ 3 มาจาก Hacksaw Ridgeรูปภาพที่ 4 มาจาก Furyรูปภาพที่ 5 มาจาก Midway Movieรูปภาพที่ 6 มาจาก All Quiet on the Western Front - Netflixรูปภาพที่ 7 มาจาก Enemy at the Gatesเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!