หนังเล่าถึงเจมส์ บอนด์ (Daniel Craig) จากภาค Casino Royale เขาถูกเวสเปอร์ หญิงสาวคนรักหักหลัง เขากำลังสับสนว่าจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับภารกิจล่าสุดของเขา เขาพยายามทำทุกทางเพื่อค้นหาและเปิดเผยความจริง บอนด์และเอ็ม (Judi Dench) ทั้งคู่ได้สอบสวน Mr. White(Jesper Christensen) ผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรแบล็คเมล์เวสเปอร์ที่อันตรายมากกว่าที่หลาย ๆ คนคาดคิดผมเชื่อว่า แฟรนไชส์เจมส์บอนด์ยังสามารถมีชีวิตและสร้างต่อได้อีกหลายภาค โดยจะมีการปรับเปลี่ยนได้หลาย ๆ อย่างให้เหมาะสมกับยุคและสมัย แต่ไม่ว่าภาคก่อนจะมีพื้นเพเรื่องอย่างไร ก็เป็นโจทย์สำหรับภาคใหม่ที่จะต้องดำเนินเรื่องตามและจะต้องทำให้แตกต่างและน่าสนใจ ในภาคนี้หนังมีความยาวเพียง 107 นาที ตัวหนังจึงค่อนข้างสั้นมาก จึงเป็นข้อดีเพราะหนังพยายามอัดฉากแอ็กชั่นเข้าไปในเรื่องพอสมควร และก็ทำการเดินเรื่องอย่างรวดเร็วในภาคนี้ หนังมีความเป็นเจมส์ บอนด์ มากกว่าภาคที่แล้วเยอะเลย เช่นอีโก้สูง ดื้อเงียบ และพัฒนาการทางด้านจิตใจที่มากขึ้น แต่ก็ยังมีในด้านบุ่มบ่ามไม่มีเหตุมีผลเหมือนเดิม ซึ่งทำให้คนดูต้องใช้สมาธิในการดูค่อนข้างสูง เพราะต้องทำความเข้าใจไปกับเขาด้วยความแตกต่างระหว่างแดเนียล เคร็ก กับพระเอกเจมส์บอนด์คนก่อน ๆ คือความเนี้ยบ เพราะแดเนียลมีความเนี้ยบและเป๊ะลดลงอย่างเห็นได้ชัด สังเกตว่าเขาไม่ค่อยอยู่ในชุดสูทซักเท่าไหร่ ต้องออกภาคสนามไล่ล่าจนเลอะเทอะเปอะเปื้อนไปหมด นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หนังพยายามจะสื่อให้เห็น ว่าต่อให้เก่งกาจแค่ไหนแต่เขาก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีจุดอ่อนและจุดแข็ง สามารถทำผิดพลาดได้ไม่ต่างจากคนอื่น ค่อนข้างรู้สึกว่าแดเนียล คือบอนด์ในแบบฉบับความหดหู่ทุกครั้งที่เขามีภารกิจต้องไปสืบเค้ากลับเจอเรื่องเลวร้ายที่กระทบต่อจิตใจเขาอยู่เรื่อย แอบน่าสงสารเหมือนกันลำดับการเดินเรื่องทำได้ดีไม่เหมือนภาคก่อน ๆ เรียกว่าเป็นเจมส์บอนด์ ที่ดูดีและดูมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดตามด้วยการลำดับเรื่องราวและขั้นตอนอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากหนังจะมีฉากแอ็คชั่นที่เยอะแล้ว ก็ยังมีการแทรกมุขตลกเข้ามา เป็นสีสันให้กับหนัง แต่ถ้าว่ากันที่พล็อตเรื่องก็อาจจะเหมือนเดิม อาจจะมีหักมุมบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเลยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่คะแนนเนื้อเรื่อง 8/10 เราจะได้เห็นเจมส์บอนด์ในแบบฉบับที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ลดโหมดเศร้าหดหู่ลงไปเยอะครับ หนังดูมีสีสันขึ้นเยอะแถมยังมีการแทรกมุขตลกเข้ามาเป็นช่วง ๆ ด้วย ค่อนข้างเป็นการเปิดมิติใหม่ของบอนด์ในโหมดอารมณ์ขันนั่นเองข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. ไม่ว่าจะมนุษย์หรือฮีโร่ก็ย่อมต้องมีจุดที่อ่อนไหว เหมือนอย่างเจมส์ บอนด์แม้ว่าเค้าจะมีความสามารถและเก่งแค่ไหน แต่เขาก็ยังมีมุมที่อ่อนไหวและสามารถผิดพลาดได้ บางครั้งเขาก็เจ็บตัวและมีทำภารกิจพลาด2. แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด เมื่อเค้ารู้ว่าตัวเองผิดพลาดเขาก็พยามปรับปรุงตัวและพัฒนาตัวเองขึ้นไปในทุก ๆ ด้าน อาจจะลองผิดบ้างลองถูกบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ลองเลยภาคนี้ผมค่อนข้างชอบมากที่สุดเพราะเราได้เห็นเจมส์บอนด์ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนดูเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ขันดูเป็นคนใหม่ไปเลย แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นบอนด์คนเก่าที่เจ้าชู้ขี้เหล้าเหมือนเดิมเครดิตภาพปก MGMเครดิตภาพที่1 MGMเครดิตภาพที่2 MGMเครดิตภาพที่3 MGM