ส่วนตัวเคยดูครั้งแรกผ่านจอคอมสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งก็ยังรู้สึกถึงทุกวันนี้ว่าเป็นหนังที่เศร้าสลดหดหู่ใจอย่างมาก การดูรอบแรกอาจจะยังไม่ได้รู้สึกรักมากมาย แต่พอเวลาผ่านไปและค่อย ๆ ตกตะกอนกับมันก็กลับพบว่ามันเป็นหนังที่เรารักมาก ๆ มีหลากหลายประเด็นและเรื่องราวที่น่าพูดถึงขบคิดมาจนถึงตอนนี้ อีกทั้งมันก็เป็นหนังของ ชุนจิ อิวาอิ ที่เรารักมากที่สุดเช่นกันดีใจมาก ๆ ที่หนังได้กลับมาฉายอีกครั้งในโรง เอาจริงพอได้ดูในโรงซ้ำอีกครั้งก็ยังรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังคงทำงานกับเราอยู่ อาจจะเพราะหลาย ๆ ดีเทลของหนังเราก็จำไม่ได้แล้ว การดูครั้งนี้เลยพร้อมเซอร์ไพรซ์กับหนังไปอีกครั้ง แต่ซีนจำต่าง ๆ ที่ยังคงฝังหัว มาดูอีกรอบมันก็กลับทรงพลังมากขึ้น การดูรอบนี้เลยทำให้มันทำงานกับเรามากขึ้นในทุกอย่างทุกมิติ ทั้งงานภาพอันงดงามแต่ชวนหม่นหมอง เสียงเพลงของลิลี่ชูชูที่ชวนเศร้าและทรงพลัง ประเด็นอันหดหู่แหลกสลาย และโลกของลิลี่ชูชูที่หนังสร้างสรรค์ออกมาราวกับว่าเธอมีตัวตนจริงๆอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งชอบทุกครั้งที่มีพาร์ทของการพิมพ์บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลิลี่ชูชูและความรู้สึกในใจของคนผ่านเว็บบอร์ดของคนรักลิลี่ชูชู ซึ่งมันมีมิติของความรู้สึกที่ผู้คนหลักเลี่ยงความเจ็บปวดมาพบเจอกับคนที่มีความเจ็บปวดด้วยกันยังคงประทับใจการเล่าเรื่องที่มีฟอร์มที่โดดเด่น ทั้งการใช้งานภาพที่มีความไม่นิ่งหรือความ Handheld เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยหนังจะมีความ contrast หรือเปรียบเทียบระหว่างชีวิตของเด็กวัยรุ่นที่สดใสและมืดหม่น ผ่านการแบ่งเป็นช่วง ๆ การใช้ภาพที่บ้านเกิดของวัยรุ่นถูกถ่ายจากกล้องหนังปกติและช่วงการของไปเที่ยวเกาะที่ใช้รูปแบบของ Found-Footage ที่แม้จะชวนมึนและปวดหัวต่อคนดู แต่ก็กลับรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ หนังมันเป็นความตั้งใจที่จะให้ความรู้สึกแบบนั้น เปี่ยมด้วยความน่าอึดอัด กระอักกระอ่วน ความดิบเถื่อนที่เสมือนเป็นสัญชาตญาณมนุษย์ที่ปลุกเร้าออกมา จึงทำให้หนังออกมารุนแรงทั้งในแง่ของภาพ อารมณ์ และภาษาซึ่งทั้งหมดที่ว่ามันก็นำพาสู่ประเด็นที่ว่าด้วยการก้าวข้ามผ่านวัยรุ่นอันแสนเจ็บปวดได้อย่างดี ภาพสะท้อนสังคมของโรงเรียนมัธยมที่เต็มด้วยผู้คนที่กระทำกันเอง การรังแกซึ่งกันและกันที่ไม่มีวันจบสิ้น ความเปราะบางในชีวิตและแต่ละวันที่จะต้องเผชิญหน้ากับทั้งผู้คน เพื่อน ครอบครัวและสังคมจนจิตใจเกือบจะแตกสลายไปกับสิ่งเหล่านั้น หนังทั้งเล่าครบและเปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างมากอีกอย่าง ที่ดีที่สุดคือเพลงของลิลี่ชูชูที่ยังคงตามหลอกหลอนความรู้สึกเราตั้งแต่ดูรอบแรก มาจนถึงตอนนี้ที่ได้ดูซ้ำ ซึ่งสิ่งเรารู้สึกเพลงหนังมันประกอบเข้ากับหนังได้ดีมากคือทำนองและจังหวะของหนังที่เข้ากับอารมณ์ของหนังได้อย่างดี ถึงความล่องล่อย เคว้งคว้าง ความไร้ความหมายของชีวิต แต่ขณะเดียวกัน มันก็เป็นเพลงที่ปลอบประโลมหัวใจในยามที่สังคมหดหู่เละเทะและชวนสิ้นหวังเพลง Tobenai Tsubasa คือเพลงโปรดของเราหลังจากที่ได้ดู การได้ฟังเพลงนี้อีกครั้งในโรงภาพยนตร์และได้ดูซีนนี้ที่ได้เพลงนี้มาประกอบก็นับว่าเป็นหนึ่งในการดูหนังที่ดีที่สุดในชีวิตเลย มันทั้งขนลุก งดงาม น่าเศร้าและหดหู่ ที่สามารถประกอบเพลงและภาพเหล่านั้นจนสะท้อนภาพอันแหลกสลายของวัยรุ่นได้ทรงพลัง ส่วนตัวคิดว่าลิลี่ชูชู ไม่เพียงแต่จะเป็นโลกของตัวละครในหนังที่พยายามหลีกหนีความเจ็บปวดจากโลกความจริง แต่เหล่าคนดูอย่างเรา ๆ ก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกันที่เพลงลิลี่ชูชูก็สามารถปลอบประโลมหัวใจและเยียวยาจากโลกอันน่าหดหู่สิ้นหวังได้ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ในชีวิตนี้ควรดูอย่างมากฮะ คนดูทั่วไปอาจจะจูนไม่ติดง่าย ๆ แต่ดูแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกบางอย่างยังคงตกค้างอยู่ตลอดไป นับว่าเป็นหนังที่เรารักมากที่สุดในชีวิตเลย สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 10 เต็ม 10 ครับภาพยนตร์: All About Lily Chou-Chou (2001)ชื่อหนังต้นฉบับ: リリイ・シュシュのすべてประเภทหนัง: ดราม่า, อาชญากรรมผู้กำกับ: Shunji Iwaiผู้เขียนบท: Shunji Iwaiคะแนนจากผู้เขียน: 10/10ขอบคุณเครดิตภาพจาก Official Website: Sahamongkolfilm Internationalภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565