หลังจากงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 93 ผ่านพ้นไป ส่งผลให้เจ้าป้า Frances Mcdormand คว้ารางวัลสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอีกครั้งจากเรื่อง Nomadland (2020) ซึ่งรางวัลที่เจ้าป้าได้รับมากแล้ว 4 ครั้ง และที่ผมจะรีวิวรอบนี้ เป็นหนังที่ได้รับรางวัลครั้งที่ 3 ของเธอ กับเรื่อง Three billboards outside ebbing,missouri (2017) ผลงานของผู้กำกับอย่าง Martin Mcdonagh จาก In Bruges (2008) , Seven Psychopaths (2012) มาเขียนบท และ กำกับแนวตลกร้ายที่คุ้นเคยอีกครั้ง มีความผสมระหว่าง Comedy + Crime + Drama พูดถึงหญิงวัยกลางคนเรียกร้องความยุติธรรมจากการตามล่าหาคนร้ายที่ฆ่าลูกสาวของเธอต่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่นิ่งเฉย ทำงานล่าช้าอย่างเจ็บแสบ รวมถึงส่งผลให้ Sam Rockwell ได้รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปด้วย การันตีถึงความเดือดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 55 นาที แน่นอนหนังดำเนินเรียบง่าย เข้าใจดี มีกลิ่นอายในวิถีชีวิตของคนในสังคมชนบท ให้อารมณ์ความเป็นคันทรี่แนวคาวบอยตะวันตก นักแสดงมากฝีมือ ทั้ง ป้า Frances Mcdormand จาก Fargo (1996) , Nomadland (2020) ลุง Woody Harrelson จาก Natural born killers (1994) , Zombieland 1-2 (2009 , 2019) และ น้า Sam Rockwell จาก Moon (2009) , Jojo Rabbit (2019) มาประชันบทบาทกันไม่มีใครยอมใคร ความตลกร้ายชนิดที่จิกกัดถึงระบบความยุติธรรมอย่างตำรวจที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ถึงกระบวนการทำงานทีมีช่องโหว่ของความไม่แยแสต่อประชาชนได้อย่างเจ็บแสบ ยิ่งเมื่อเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองเรานั้น ชวนให้อารมณ์ร่วมกันเป็นที่สุด ข้อดีของมุกตลกช่วยให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดมากเกินไป ทั้งที่ตัวเรื่องนั้นโคตรซีเรียส สะเทือนใจต่อชะตากรรมที่เกิดขึ้นของตัวเจ้าป้านางเอกเป็นอย่างมาก คือประมาณว่าลูกตัวเองถูกฆ่าตาย แถมตำรวจก็ไม่สนใจ หรือถึงสนใจก็ทำงานอย่างเชื่องช้าอีก ก็ยังมีเวลาหัวเราะได้ นี้คือมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาเฮฮา สนุกสนานอะไร เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานในหัวใจของคนรอความหวังนี้มันทรมานมากนา อีกอย่างคือมันไม่มีใครที่จะมาหัวเราะขณะที่ความรู้สึกในใจตัวเองเจ็บปวดทรมานจะเป็นจะตายอยู่แล้ว ไม่สมเหตุสมผลทางอารมณ์แน่นอน ข้อติหน่อยคือ ในพาร์ทดราม่ามันรู้สึกน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยชวนมีอารมณ์ร่วมถึงความสัมพันธ์ของตัวละครเท่าไหร่ ทั้งที่ปัจจัยนี้มันสามารถเอื้ออำนวยให้เรื่องราวมีความกลมกล่อมเข้าไปอีก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ครอบครัวเจ้าป้าที่อยากให้เพิ่มรายละเอียดลงไปอีกว่าพื้นฐานการเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างไร ทำไมป้าถึงผูกพันกับลูกขนาดนั้น โดยให้มีน้ำหนักมูลเหตุหน่อย ถึงจะรู้สึกลงตัวมากขึ้น ประเด็นทางสังคม ในแง่ของการต่อสู้ของเรื่องสิทธิมนุษยชนถึงความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการความยุติธรรม ที่มีความหละหลวมในหน้าที่รัฐที่เปิดช่องโหว่เอื้อให้ผู้กระทำความผิดสามารถก่ออาชญากรรมได้ง่าย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ขณะเดียวกันก็กล่าวถึงศีลธรรม จริยธรรมของมนุษย์ที่มีเส้นกั้นบนความถูกต้องทางกฎหมาย กับ ทางกฎแห่งกรรมไว้ ตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า 'การทำดีได้ ทำชั่วได้ชั่ว' แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่อีกต่อไป Keywords ที่ประทับใจมาก ถึงลูกถึงคน สามารถจับต้องสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของมนุษย์คนนึงที่สูญเสียในสิ่งที่มีค่าสำหรับตนต้องเรียกร้องต่อสู้กับโลกแห่งความจริง พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้วมันทำให้เกิดความคิดทั้ง 2 แง่มุมทั้งฝ่ายตัวเจ้าป้าที่เป็นนางเอกกับฝ่ายตำรวจ คือ ถ้าเรามองในมุมของเจ้าป้ามันจะให้ความรู้สึกเลยว่าเจ็บปวด เคียดแค้นต่อความไม่ยุติธรรมของโลกใบนี้ ที่แม้ว่ามีตำรวจคอยพิทักษ์ ปกครองบ้านเมือง แต่ไม่สามารถจับคนร้าย หาความยุติธรรมเองได้ เพราะความบกพร่องไม่เอาใจใส่ในหน้าที่อย่างจริงจัง ทำให้ความศรัทธาทีมีของประชาชนหมดความน่าเชื่อถือลง ในขณะที่มุมมองของตำรวจจะเห็นว่าเป็นตำรวจบางทีมันไม่ง่ายอย่างที่ประชาชนคิด คนก่อร่างสร้างเรื่องตลอดเวลา ไหนจะเรื่องชาวบ้าน เรื่องตนเองอีก บางครั้งตำรวจก็รับมือกันไม่ไหว บางคดีจับคนร้ายได้ ก็ได้สรุปปิดสำนวนคดีกันเร็ว บางคดีก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ หรือ จับได้แล้วก็ยังต้องใช้เวลาในการทำคดีเพื่อพิสูจน์พยาน หลักฐานทึ่มีอยู่ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินคดีกันไป แล้วยิ่งสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ศิวิไลซ์ขึ้น วิธีการของคนร้ายย่อมมีการพัฒนาการขึ้นไปตามยุคสมัยด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งสร้างความปวดหัวชวนเหนื่อยใจให้แก่ตำรวจเข้าไปอีก คือน่าเห็นใจกันทั้ง 2 ฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างพยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ยังไงหัวอกของผู้ที่ถูกกระทำ หรือ ผู้สูญเสียย่อมเป็นฝ่ายที่ให้ความสำคัญ ทั้งทุ่มเททั้งกายและใจที่จะได้พบกับความหวังของคำตอบจากปากของฝ่ายตำรวจ และคนร้ายว่าทำไมจึงทำแบบนี้ เพราะอะไร มีเหตุผลเพราะอะไรจึงกระทำเช่นนี้มากกว่าสิ่งเหล่านี้ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตนเองก็ไม่มีวันเข้าใจได้ 100% ถ้าเป็นผมเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เรื่องนี้ผมอยู่ข้างเจ้าป้าแน่นอน เชียร์สุดใจเลยว่าในโลกปัจจุบันที่มีสังคมแย่ ๆ หลายอย่างในระบบสังคมนั้นมันต้องเจอกับคนอย่างเจ้าป้าจัดการถึงจะเอาอยู่ ถ้ามองในมุมแบบเป็นทางสายกลางก็อยากให้มองแบบเห็นใจเค้าใจเรากันดีกว่า คือ ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่มีใครทำให้เราพอใจในสิ่งที่เราต้องการได้ดีที่สุดหรอก บางทีความพยายามของตัวเราที่ส่งไปด้วยใจเต็ม100 แต่พอไปถึงคนรับเค้ากลับไปรับ 50 อย่างนี้ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันนะ มันขึ้นอยู่ที่ตัวกับว่าคิดยังไงรู้สึกอย่างไรกันมากกว่า ต่อให้ใจเราทุ่มเทสุดหัวใจแต่เขาไม่รับไปมันเหนื่อยเปล่า ยังไงตัวของเราเองเท่านั้นที่จะทำในสิ่งที่ต้องการของเราให้สำเร็จได้ รวมทั้งมองโลกให้หลายแง่มุมบนความหลากหลายทางจิตใจ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ยึดหลักความถูกต้องคือที่หนึ่ง ปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทิ้งออกไปไปหมด แล้วจะพบกับความสุข ความสงบด้วยตนเองขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่าน หรือ รับชมแล้ว ขอฝากกด Like กด Share รีวิวของผม EM Pascal กันนะครับขอขอบคุณรูปภาพประกอบโดย :www.twitter.com / The Hollywood Reporter.com = ภาพประกอบหน้าปก / / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7www.facebook.com / Three Billboards Outside Ebbing, Missouri = ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4www.twitter.com / Deadline Hollywood.com = ภาพประกอบที่ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !