Movie Review Jewel Thief - The Heist Begins (2025) จอมโจรอัญมณี: เริ่มแผนโจรกรรม Netflix ปล้นเหนือเมฆของจริงหักเหลี่ยมเฉือนคมกันเนี้ยบๆแม้จะไม่ยากต่อการคาดเดาในลูกเล่นและชั้นเชิงแต่สนุกด้วยรายละเอียดและองค์ประกอบที่ร้ายกาจ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! การเข้ามามีบทบาทของ NETFLIX ในอุตสาหกรรมบันเทิงบนโลกนี้แทบจะทุกที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงอาจเพราะอาจเพราะเป็นแพลตฟอร์มสากล หรืออาจเพราะสามารถให้อิสระทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับคนสร้างงานให้สามารถทำอะไรที่อยู่นอกกรอบของวัฒนธรรมบันเทิงในประเทศนั้น ซึ่งถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือหนังอินเดียที่คนชอบดูหนังอินเดียหรือคุ้นเคยกับหนังอินเดียจะรู้ว่าเอกลักษณ์ของหนังอินเดียคือเพลงและฉากร้องเพลง ซึ่งบางครั้งถ้าบทหนังมันไม่สมูธไม่สามารถทำให้เพลงเข้ากันหรือมีจังหวะปล่อยเพลงที่ใช่มันจะกลายเป็นคาวามน่ารำคาญกระตุกเรื่องไม่ให้ไปข้างหน้า แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือเวลาฉายที่กินเวลานานกว่าชาวบ้านชาวช่องแต่การมาของหนัง NETFLIX ของอินเดียทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงคือตัดฉากร้องเพลงออก หรือบางครั้งเอาไปไว้ในช่วงเอนด์เครดิตหรือมีแต่ก็เป็นเพลงประกอบธรรมดาทำให้เวลาฉายของหนังอินเดียแบบนี้กระชับขึ้น สิ่งที่ตามมาคือหนังเดินหน้าเร็วกระชับอะไรที่ควรบันเทิงก็มาเร็วขึ้นเช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ เมื่อต้องสูญเงินมหาศาลนักสะสมงานศิลป์ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่เบื้องหลังอย่าง Rajan Aulakh (Jaideep Ahlawat) ต้องเอาคืนเพราะข้าคือมาเฟีย และสิ่งที่เขาหมายตาคือโคตรเพชรเม็ดสีแดงที่เรียกว่าเรดซันที่กำลังจะมาแสดงในพิพิธภัณฑ์ในมุมไบ และคนที่จะสามารถขโมยเพชรในสถานที่ที่ความคุ้มกันแน่นหนาแบบนั้นได้มีเพียงคนเดียวคือจอมโจรเจ้าของฉายาจอมโจรอัญมณี Rehan Roy (Saif Ali Khan) แต่ไอ้ครั้นจะขอกันดีๆก็คงไม่ได้เพราะเมื่อเป็นจอมโจรก็ต้องโดนตำรวจตามล่าตัวโดยตำรวจพันธ์หมาบ้ากัดไม่ปล่อยนามว่า Vikram Patel (Kunal Kapoor) ดังนั้น Rajan จึงจัดการจับพ่อของ Rehan เป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้ Rehan ขโมยเพชรมาให้ แล้วเมื่อ Rehan มาอยู่ที่บ้านของ Rajan เขาก็มาพบกับผู้หญิงของเจ้าพ่อคือ Farah (Nikita Dutta) และไม่ต้องเดาว่าเขาทั้งสองจะปิ๊งกันเพราะมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่จอมโจรผู้มีเหลี่ยมยิ่งกว่าเพชรมีหรือจะโดนใครจูงจมูกง่ายๆ Rehan จึงตั้งใจจะขโมยทั้งเพชรและผู้หญิงของเจ้าพ่อเข้าให้แต่มันจะง่ายปานนั้นหรือ มันก็แนววางแผนปล้นแอ็กชันทริลเลอร์ทั่วไปนั่นแหละมีครบทุกองค์ประกอบแต่ความต่างมันอยู่ที่รายละเอียด หนึ่งจอมโจรที่ไม่มีใครจับได้หนึ่งผู้รายที่คิดจะใช้จอมโจรหนึ่งหญิงงามที่คั่นกลางและหนึ่งตำรวจที่ตามจับโจรแบบกัดไม่ปล่อย สิ่งต่อมาคือการปล้นหรือการขโมยสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แต่มันจะเป็นไปได้เพราะนี่คือยอดมหาโจร แล้วสิ่งที่จะตามมาคือการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนที่เหมือนจะบอกทุกอย่างแต่ซ่อนทุกอย่างไว้เบื้องหลังที่จะมาเฉลยในตอนหลังอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย และทุกอย่างที่ว่ามาคือของมันต้องมีของหนังแนวนี้มิใช่หรือแต่ทำไมมันจึงยังทำให้หนังเดินหน้าอย่างลื่นไหลนั่นเพราะรายละเอียดและการเล่าเรื่องด้วยการเล่าเรื่องไปพร้อมกับการบอกแผนกับคนดู ไม่ใช่การวางแผนเป็นขั้นตอนแล้วค่อยมาดำเนินการเพื่อตลบหลังแต่กลายเป็นเหมือนมีเจตนาที่จะพาคนดูให้มีส่วนไปกับแผนการเรื่องราว ก็ใช่ที่ก็ดูออกนะว่าทุกอย่างที่เห็นจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกชั้นแต่ที่เจ๋งคือถึงจะรู้ว่ามีแต่การเดินเรื่องที่ฉับไวทำให้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ซ่อนไว้คืออะไรกันแน่น่ะสิ ปล้นเหนือเมฆของจริงที่อาจไม่ใหม่แต่จังหวะปล่อยของมันใช่เดินเรื่องเร็วไม่ยืดเยื้อทำให้เป็นความบันเทิงของจริง หรืออาจเรียกว่าปล้นซ้อนปล้นก็คงไม่ผิดเพราะถ้าปล้นเฉยๆมันจะธรรมดาเกินไปก็เลยซ้อนไว้เพื่อไปปล้นเหนือเมฆของจริง และอย่างที่บอกคือหนังแนวนี้จะมาเวย์นี้คือทุกอย่างคือแผนการที่ก็รู้นะแต่ความที่หนังต้องการมาเป็นความบันเทิงมากกว่าลุ่มลึกจังหวะปล่อยของจึงถูกที่ถูกเวลา และด้วยความที่หนังกระชับจนไม่มีเวลาไปคิดถึงช่องโหว่หรือการทำอะไรที่เหนือเหตุผลมโนสำนึกที่ก็มีบ้างแต่ก็หยวนๆไม่ได้ทำร้ายตัวหนังจนทำใจรับไม่ได้ หนังจึงออกมาบันเทิงเต็มพิกัดมีความสนุกให้ได้ลุ้นตามแนวที่ควรเป็นแถมด้วยฉากแอ็กชันที่วูบวาบแต่ไม่เว่อร์มากเท่าไหร่แล้ว ทำให้ในเวลาร่วมสองชั่วโมงคือความบันเทิงของจริงไม่ต้องไปอิงตรรกะและเหตุผลมากมายเพราะหนังไม่เปิดช่องให้ไปนึกถึงเลยว่ากันแบบนั้น ยิ่งถ้าเทียบกับหนังแอ็กชันในแบบอินเดียแท้ๆที่เคยเห็นมาในอดีตก็พบว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีที่คนจะเข้าถึงหนังอินเดียกันง่ายขึ้น การแสดงที่อยู่ในระดับโอเคทุกคนแต่ที่ต้องยกนิ้วให้ดันเป็นผู้ร้ายซะงั้น ถามว่าตัวละครในหนังแนวนี้จะมีอะไรดูดีไปกว่าการซ่อนเหลี่ยมไว้ไต้ใบหน้าที่เรียบเฉยหรือซ่อนความแผนการที่ล้ำลึกไว้หลังความธรมรดาของตัวเอก ซึ่งถ้าว่ากันตรงนี้ Saif Ali Khan ในบทจอมโจรอัญมณีถือว่าทำได้ดีในระดับโอเคแม้เขาจะมาในลุคที่ไม่ค่อยเท่เสน่ห์ที่มียังดูน้อยเกินกว่าจะให้หญิงงามตกหลุมรัก ส่วนหญิงงามและตำรวจที่ตามล่าโจรก็ตามนั้นเพราะเป็นตัวละครตามสูตรแต่ Nikita Dutta และ Kunal Kapoor ก็ไม่มีอะไรให้ตำหนิ กระนั้นที่ต้องยกนิ้วให้คือการรับบทผู้รายที่เนียนได้ใจของ Jaideep Ahlawat ที่ร้ายได้โล่สานต่อมาจาก Maharaj เมื่อปีที่แล้วจนเหมือนกับว่าเขาจะผูกปิ่นโตกับบทร้ายได้แล้ว และที่เป็นคือนี่คือผู้ร้ายแต่กลายเป็นว่ามีความโดดเด่นเหนือกว่าทั้งพระเอกและนางเอกคือเอาจริงเมื่อหนังจบคนดูจะจำผู้ร้ายได้มากกว่าด้วยซ้ำเพราะเนียนเหลือเกินทั้งสีหน้าแววตาภาษากาย หนังมาพร้อมเพลงประกอบที่เร้าใจแต่ยกเพลงที่ร้องเต้นไปไว้ตอนหนังจบซึ่งนับว่าแจ๋ว ดูสนุกไม่ลุกไปไหนได้ลุ้นกันแทบหยดสุดท้ายกับการปล้นที่เหมือนจะธรรมดาแต่ว่ามันลุ้นไปกับการหักเหลี่ยม แม้จะเป็นความคุ้นเพราะเอาจริงส่วนตัวก็ชอบหนังแนวนี้เลยผ่านตามาเยอะพอสมควรทำให้อาจไม่ได้มีอะไรยากต่อการคาดเดา แต่หนังก็ไม่ได้ตั้งใจมาหักมุมแบบหนักๆด้วยแหละแต่ต้องการมาหักเหลี่ยมกันมากกว่าทำให้ลุ้นไปว่าจอมโจรปล้นค้างคืนจะจัดการตัวร้ายยังไงและจะขโมยผู้หญิงได้ยังไง ซึ่งสิ่งที่เป็นอาจไม่เรียกว่าความพลิกผันแต่เป็นกลเกมที่ซ่อนไว้ที่ก็รู้นะว่ามีอะไรแน่ๆแต่ความอยากรู้รายละเอียดมันก็เข้มแข็งพอ ประกอบกับหนังเดินหน้าไปไวไม่เวิ่นเว้อมีความกระชับมีเวลาฉายที่พอดีทำให้การปล้นเหนือเมฆตอนสุดท้ายกลายเป็นความลุ้นระทึกได้อย่างที่ต้องการ ทำให้หนังกลายเป็นงานที่ดูสุกจนไม่ลุกไปไหนอาจเพราะไม่ได้ปวดฉี่ก็มีส่วนแต่หนังก็มีพลังพอให้ดูได้รวดเดียวจบ และสุดท้ายหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ยืนยันว่าหนังอินเดียยุคใหม่มีดีกว่าที่คิดเยอะเพราะสามารถลบข้อบกพร่องที่ทำให้คนดูบางกลุ่มมองข้ามหนังอินเดียไปจนเกือบหมดแล้ว ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก จาก Instagram tseries.official ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram netflix_in เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !