ศัพท์น่ารู้ ก่อนชมละคร สงครามนางงาม (ตอนที่ 3)

1. ประดับเดือน คือ ศัพท์ที่ใช้เรียกนางงามที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแต่ว่าดันตกรอบแรกอย่างน่าเสียดาย

ที่มาของคำนี้ มาจากชื่อของนางงามที่มีดีกรีเป็นถึงรอง Miss Thailand World “ประดับเดือน ณ ลำพูน” เธอตัดสินใจมาสมัคร Miss Universe Thailand อีกครั้ง แต่ก็ตกรอบแรกไป หลังจากการประกวดปีนั้น จึงเกิดรางวัล”ประดับเดือนอวอร์ด” ขึ้น โดยแฟนๆนางงามทางบ้านมอบให้นางงามตัวเต็งที่เหมาะจะเข้ารอบ แต่ดันตกรอบแรกอย่างน่าเสียดาย
 

2. จริตเวเน คือคำที่ใช้ในการเปรียบเปรยนางงามที่มีลักษณะจริตจะก้านที่งดงาม ละม้ายคล้ายนางงามที่มาจากประเทศเวเนซุเอลา สาเหตุเพราะว่า นางงามจากประเทศดังกล่าวนั้นเป็นนางงามระดับ Top 5 ที่ชนะหลายต่อหลายเวทีในการประกวด ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการอ้าปาก เอนหลัง เชิดหน้า เงยหัว ยิ้ม หน้าเป๊ะ หุ่นเป๊ะ ผมลอนใหญ่ การก้าวเดินที่สวยงาม หรือแม้กระทั่งท่าทางในการโพสตถ่ายภาพ หากมีนางงามที่มีลักษณะเหมือนที่กล่าวมา ก็จะถูกเรียกว่า “จริตเวเน”
 

3. ลงไปดื่มน้ำ มีความหมายว่า ลงไปดื่มน้ำ เป็น “วลี” ที่มักใช้ในเวลาที่นางงามแสดงท่าทางตื่นเต้น ประหม่า หรือว่าตอบคำถามไม่ตรงคำตอบ เป็นการเปรียบเปรยในเชิงประชดประชันในลักษณะว่า ถ้าไม่ไหว หรือ ตื่นเต้นเกินไป ก็ หายใจลึกๆ หรือไม่ก็ลงไปดื่มน้ำให้มากๆก่อน แล้วค่อยกลับขึ้นมาตอบใหม่ เป็นต้น
ที่มา : มีที่มาจากงานเวทีการประกวดนางนพมาศเวทีหาดป่าตอง หลายปีที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่นางงามผู้เข้าประกวดเกิดอาการประหม่า และตอบไม่ตรงคำถามที่ กรรมการเป็นผู้ถาม ทำให้พิธีกรบนเวทีนั้นแสดงทัศคติและแนะนำว่าให้เธอหายใจลึกๆ หรือว่าเดินลงไปดื่มน้ำข้างล่างเวทีก่อน
 

4. กินข้าว-กินกับ มีความหมายว่า คำว่า กินข้าว-กินกับ เป็นคำศัพท์ในแวดวงนางงามสมัยก่อน เมื่อนางงามที่มีเส้นสายหรือว่าเข้ามาประกวด ได้อย่างง่ายดายเพราะว่ามีผู้ใหญ่ใจดีหนุนหลัง โดยกว่าที่จะได้มาซึ่งตำแหน่งนั้นก็จำเป็นต้องยินยอมไปรับประทานอาหาร และทำกิจกรรมบางอย่างรวมกับผู้ใหญ่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน หรืออีกลักษณะหนึ่งคือ เมื่อนางงามคนใดตกรอบ เดินลงจากเวทีก็จะมีหน้าม้ามาติดต่อให้กับผู้ใหญ่ทันที เพื่อไปรับประทานอาหารและทำกิจกรรมบางอย่างในที่ลับหูลับตา แต่ก็ไม่วายมีคนเห็นและพูดต่อ จนในที่สุดศัพท์คำว่า “กินข้าว กินกับ”
           จึงเป็นที่รู้กันในวงการนางงามว่ามีความหมายโดยนัยเช่นไร อดีตเราเรียกว่า กินข้าว-กินกับ เพราะเมื่อกินข้าวเสร็จก็จำเป็นต้องไปกินกับกันต่อตามข้อตกลงของตัวนางงามและผู้ใหญ่ แต่เมื่อยุคสมัยที่ผ่านพ้นไปจนถึงปัจจุบันเราจึงใช้คำว่า เมื่อ“กินข้าว” เสร็จ ก็จำเป็นต้องไป “กินตับ” ทดแทนนั้นเอง คำศัพท์คำนี้ในปัจจุบันไม่นิยมใช้กันในวงการนางงามแต่กลับไปปรากฏในวงการบันเทิงแทน ด้วยสาเหตุเพราะว่า เวทีการประกวดโปร่งใสมากขึ้น มีระบบที่แข็งแรง มีตรวจสอบประวัติที่รัดกุม และมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ทำให้เรื่องดังกล่าวค่อยๆจางหายไปจากการประกวด
 

5. ราหูอมมง มีความหมาย ว่า นางงามผิวสี ที่คว้ามงกุฏและตำแหน่งที่หนึ่งในการประกวด ณ เวทีนั้นๆ มาครอบครอง
 

6. ทัศนศึกษา มีความหมายว่า ทัศนศึกษา ตามความหมายทั่วไป หมายถึง การท่องเที่ยวแสวงหาความรู้ หรือการเรียนรู้ด้วยการดูการเห็น การศึกษานอกสถานที่
          คำๆนี้ในวงการนางงามได้นำมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดูในกรณีที่นางงามได้เดินทางมาประกวดต่างบ้านต่างเมือง หากจะเข้ารอบหรือว่าตกรอบก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่านางงามคนนั้นๆได้มาเที่ยว ได้มา “ทัศนศึกษา” แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ถือว่าเพียงเท่านี้ก็เป็นกำไรของชีวิตแล้ว ส่วนใหญ่แล้วคำๆนี้ จะมอบให้แก่นางงามที่มิได้สวยโดดเด่น หรือบางกรณีก็มอบให้นางงามที่มิได้ตั้งใจมาประกวด หน้าผมไม่จัดเต็ม ความสามารถไม่มี แค่มาทัศนศึกษาเท่านั้น

7. สเต็ปหอยทาก มีความหมายว่า ณ เวทีใดมีการประกวดนางงามเดินสาย เวทีนั้นย่อมมี รองเท้าตู้ปลา และ “สเต็ปหอยทาก” อยู่เคียงคู่เสมอเหมือน คำว่าสเต็ปหอยทาก หมายถึงลักษณะการก้าวย่างของนางงามที่เดินอยู่บนเวทีประกวด พร้อมกับการมีดนตรีประกอบจังหวะ ไม่ว่าดนตรีนั้นจะช้า หรือเร็ว แต่พวกเธอก็จะก้าวเดินพร้อมรองเท้าตู้ปลาคู่ใจอย่างเชื่องช้า ทีละก้าว ละก้าว เสมือนลักษณะการขยับตัวของหอยทากนั้นเอง
ที่มา ของสเต็ปทอยหากนั้นว่ากันว่ามาจากความเชื่อของเหล่าบรรดาพี่เลี้ยงนางงามเดินสาย เพราะเมื่อปั้นแต่งนางงามให้สวยครบองค์แล้ว ก็ต้องการให้เหล่าบรรดานางงามอยู่บนเวทีให้เนินนานที่สุด เพื่อโชว์ความงดงามให้กรรมการได้พินิจและรับชม จึงสั่งให้เหล่าบรรดานางงามเดินให้อ้อยสร้อย และประวิงเวลาให้ยาวนานที่สุด ซึ่งในบางครั้งอาจจะทำให้ตัวกรรมการและคนดูหลับก็เป็นได้