สวัสดีค่ะวันนี้อู๊ดสีชมพู จะมารีวิว "Postman ไปรษณีย์ 4 โลก" ภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า คอมเมดี้ ไซไฟ ผลงานการกำกับโดย 'พฤกษ์ เอมะรุจิ' เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ 31 สิงหาคม 2566 เรื่องย่อhttps://www.youtube.com/watch?v=aBbRpLKMi1Eเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เวียนว่ายตายเกิดถึง 4 ยุค โดยในแต่ละยุคเขาต้องรับหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ส่งสารทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อคนที่รัก ในแต่ละยุคจะมีเรื่องราวเป็นอย่างไร และใครนำแสดงบ้างตามอ่านกันด้านล่างเลยค่ะ ยุคหินเรื่องของครอบครัวมนุษย์ยุคหินที่อาศัยอยู่ในถ้ำ 3 คนพ่อแม่ลูก เมื่อวันหนึ่งไฟที่ใช้ให้ความอบอุ่นและหุงหาอาหารเกิดดับวูบลงไป ทำให้ 'ดึก' (เบิร์ด-บุญพงษ์ พานิช) หัวหน้าครอบครัว พยายามดิ้นร้นทำทุกอย่างตามที่มนุษย์ถ้ำจะทำได้เริ่มตั้งแต่ใช้ทรายเขียนสัญลักษณ์อ้อนวอนดวงอาทิตย์ ลองใช้วัสดุธรรมชาติก่อไฟแต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงต้องออกเดินทางตามล่าดวงไฟ เพื่อทำให้เมียและลูกอยู่ได้อย่างสุขสบายพาร์ทนี้ถือว่าย้อนไปไกลสุด ในยุคที่มนุษย์ยังไม่มีตัวอักษรใช้ การศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาตร์ยังอยู่ที่เครื่องมือเครื่องใช้ หรือภาพวาดตามผนังถ้ำ สำหรับตัวนักแสดงที่ต้องเล่นบทมนุษย์ยุคหินถือว่าท้าทายความสามารถมาก เพราะไม่มีตัวอักษรก็เท่ากับจะพูดสื่อสารกันแบบฟังไม่ได้ศัพท์ หากจะจับอารมณ์ก็ฟังได้แค่น้ำเสียงและภาษากายที่แสดงออก ยุคบางระจัน พ.ศ.2309เมื่อ 'ดุ่ย' (ตน-ต้นหน ตันติเวชกุล) ชายหนุ่มดวงซวย ไม่เอาไหน ต้องกลายมาเป็นตัวแทนของหมู่บ้านแบบงง ๆ เบลอ ๆ รับหน้าที่บุรุษไปรษณีย์นำจดหมายเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาเพื่อตามนักรบวีรชนเข้ามาช่วยชาวบ้านให้รอดพ้นจากการโจมตีของพวกทหารจากกรุงอังวะ ภารกิจวิ่งส่งสารฝ่าฝันข้าศึกจึงเริ่มต้นขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระส่าย ตัวดุ่ยเองก็เช่นกันเพราะ 'นวล' (ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร) เมียของเขากำลังตั้งท้องอ่อน ๆ ถ้าหมู่บ้านรอดลูกเมียเขาก็จะรอดไปด้วย "ไหวแน่นะดุ่ย สู้เขานะเอ็งมันเลือดนักสู้อยู่แล้ว"พาร์ทนี้ตลกสุดใน 4 พาร์ทแล้ว มุกตลกมาเต็ม(ถึงแม้จะสูตรเดิม ๆ ก็เถอะ) เคมีของตนและญดาเข้ากันมาก ๆ ดูแล้วทั้งขำทั้งฟินเลยค่ะ งานโปรดักชั่นฉากรบฉากใจ กลิ่นอายความเป็นพีเรียดทำได้ดี ความดราม่าปลุกใจเลือดนักสู้เพื่อพิทักษ์บ้านเมืองก็มีอยู่ค่ะ ยุคหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ปีพ.ศ. 2542เรื่องราวของ 'โด' (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) บุรุษไปรษณีย์หนุ่มที่หลงใหลในจดหมายและข้อความที่ถูกเขียนด้วยมือ เขาชอบที่จะนำส่งจดหมายและเห็นรีแอคของปลายทางที่ได้รับซึ่งก็มีทั้งมุมดีใจและเสียใจ เขาอาศัยอยู่ที่แฟลต มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน อยู่ห้องตรงกันข้าม คือ ครอบครัวของ 'ป้าเพ็ญ' (เอี้ยง-สวนีย์ อุทุมมา) ซึ่งเธอได้สูญเสียลูกชายคนเดียวอย่างนพ วิศวกรที่ตัดสินใจจบชีวิตลงอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง นับแต่นั้นป้าเพ็ญและสามีคือลุงตี๋ ก็เข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชรา ที่มีคุณหมอแสนสวยใจดีต่อคนแก่อย่าง 'หมอเมย์' (มุก-วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์) ดูแลอยู่ ซึ่งเธอและโดร่วมมือกันสร้างจดหมายปลอม ๆ โดยอ้างเป็นนพ เขียนมาฮีลใจป้าเพ็ญที่หลอกตัวเองว่าลูกยังอยู่ เขาแค่ไปทำงาน แต่ท้ายที่สุดอาการของป้าเพ็ญก็กำเริบ จนหมอก้องแฟนของเมย์จับได้ว่าเมย์และโด ร่วมมือกันหลอกป้าเพ็ญ เรื่องราววุ่น ๆ นี้จะลงเอยอย่างไรหนอพาร์ทนี่ดราม่ามาก และเราชอบมากที่สุดใน 4 พาร์ท การแสดงของพี่เอี้ยง สวนีย์ คือ คือตราตรึงมากพูดเลย ในส่วนของพาร์ทนี้จะได้เห็นประเด็นของจดหมายที่มีคุณค่าและความทรงจำมากกว่าการสื่อสารผ่านทางแชตหรือโทรศัพท์ ที่เริ่มเข้ามาเปลี่ยนผ่านในยุคนั้น ทุกตัวอักษรที่เขียนกว่าจะกลั่นกรองออกมานั้นเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน ประทับใจมากค่ะ ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่าแค่จดหมายนี่แหละ ก็สามารถต่อลมหายใจและกำลังใจให้หลาย ๆ ชีวิตได้ ยุคอนาคต พ.ศ.2600ปีพ.ศ. 2600 เมื่อบ้านเมืองวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว จนเกิดเหตุการณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นความแปรปรวนทางสภาพอากาศ กรุงเทพมีลูกเห็บ มีหิมะตก มีพายุทราย ก็ไม่ทำให้ใจคนเราบางได้เท่ากับ การปกครองแบบเผด็จการจากท่านผู้นำ ที่ทำให้ประชาชนอึดอัดแลดูสิ้นหวังหมดอนาคต จนทำให้อยากหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่'เดย์' (เกรท-สพล อัศวมั่นคง) คือคนหนุ่มที่ทนไม่ไหวแล้วกับสภาพบ้านเมืองเช่นนี้ ตัวเขาตกงาน ไร้อนาคต จนต้องมาทำงานที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ คือทำงานใต้ดินกับพวกกลุ่มกบฏ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้เงินและตั๋วเรือบินที่จะทำให้พ้นไปจากความสิ้นหวัง งานใหญ่ที่เขาได้รับมอบหมายคือ การพาตัว 'ดรอยด์' (พลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล) หุ่นยนต์ที่บรรจุข้อมูลสำคัญในการปราบเผด็จการไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขาและเธอต้องฝ่าฟันและอย่าให้การ์ดจับได้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นตายแน่ ๆ พาร์ทนี้ถือว่าล้ำและไฮเทคมาก ชื่นชมในความกล้าของทีมผู้สร้างนะคะ เป็นโลกในอนาคตในอีกมุมหนึ่งที่สภาพบ้านเมืองให้ฟีลเกาหลีเหนือมากนะ ส่วนการตีความเรื่องอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือเทคโนโลยีส่วนด้านของผู้คนเราว่ายังมีเค้าโครงในยุคปัจจุบันอยู่ ภาพรวมของหนังพล็อตเรื่องและบทภาพยนตร์ ตีความและสะท้อนอาชีพบุรุษไปรษณีย์ผ่านตัวละคร 4 ดอเด็ก (ดึก,ดุ่ย,โด และเดย์) ได้อย่างน่าสนใจผ่านการส่งสารตั้งแต่ยุคอดีตไปจนถึงอนาคต เห็นถึงรายละเอียดและความสำคัญของหน้าที่นี้ สุขทั้งผู้ส่งและผู้รับไปเลยจ้า ถือว่าในส่วนนี้แปลกใหม่ดีสำหรับวงการหนังไทยการเล่าเรื่อง จะไม่ได้เป็นแบบจบเป็นตอน ๆ ไป แต่จะดำเนินเรื่องเป็นบท ๆ คือ ใน 1 บท จะมีเรื่องราวทั้ง 4 ยุค ถามว่าดูแล้วงงหรืออารมณ์สะดุดไหม ในมุมของผู้เขียนไม่ได้รู้สึกนะคะ ถ้าจะรู้สึกก็คงเป็นในเรื่องของความเข้มข้นในเนื้อเรื่องและรู้สึกว่าหลายอย่างยังติดเพลย์เซฟเกินไปด้านโปรดักชั่นที่เล่นใหญ่ถึง 4 ยุค ก็ถือว่าทำได้ดีค่ะ ใส่ใจในทุกยุค เอฟเฟคซีจีก็โอเค ส่วนทีมนักแสดงนี่ถือว่าเป็นจุดแข็งมาก ๆ ทุกคนทำได้ดีดูแล้วอินตาม รับส่งอารมณ์กันได้ดี ดูหนังเรื่องนี้แล้วได้ทั้งสุข เศร้า ตลก ฟีลกู๊ด ให้คะแนนภาพรวมหนังเรื่องนี้ 8/10 คะแนนปล.เพลงประกอบหนังไพเราะมาก ๆ เข้ากับธีมและแก่นของเรื่อง ยิ่งฟังยิ่งอินไปกับหนังhttps://youtu.be/hvCsoXXAuEg?si=TeAMDqRopH7TyksJสำหรับใครที่อยากชม สตรีมได้ทาง Netflix นะคะ เครดิตภาพหน้าปกออกแบบโดย canvaภาพพื้นหลังหน้าปก m39movieclub : ภาพที่ 1 ภาพประกอบหน้าปก m39movieclub : ภาพที่ 2 ภาพประกอบเนื้อหา m39movieclub : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 ลิงก์คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหา Major Group : คลิปที่ 1เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !