ษา วรรณษา ปล่อยคลิปเฉลยภาพท่าเดียวกับแตงโม ถ้าเจอถ่ายแบบนี้เรียก อสรพิษ!

ษา วรรณษา ปล่อยคลิปเฉลยภาพท่าเดียวกับแตงโม ลั่นถ้าเจอถ่ายแบบนี้ ไม่เรียกเพื่อน แต่คือ อสรพิษ! โต้หิวแสง แจงอธิบายความถูกต้องให้ลูกเข้าใจข่าว

จากกรณี ดาราสาว ษา วรรณษา ทองวิเศษ โพสต์คลิปวิดีโอผ่านติ๊กต็อกของสามี ขณะจำลองท่ายืนท่าเดียวกับภาพแตงโมที่หลุดออกมา ด้วยชุดที่คล้ายคลึงกัน กับประเด็นความเป็นไปได้ว่าภาพที่หลุดจากมือถือแซน จะใช่แตงโมตัวจริงไหม

ล่าสุด ษา วรรณษา ให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า “จริงๆ แล้วเรามีเอฟซีหลายคนที่ติดตามอยู่ คราวนี้เราก็อยากจะให้ทุกคนเห็นว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงที่ตัวเล็กๆ ที่แบบไม่ได้อ้วน เป็นผู้หญิงผอมๆ เวลาหันหลังมันมีบางมุมที่มันเหมือนผู้ชายได้เพราะว่ากล้ามเนื้อมันขึ้นอยู่แล้ว เราก็อยากจะให้ทุกคนรู้ว่ากล้ามเนื้อมันมีนะ มันไม่ใช่ไม่มี แต่สิ่งที่ต้องการจะสื่อว่า อยากให้ทุกคนเห็นว่ามันสามารถที่จะเป็นน้องก็ได้ หรือไม่ใช่น้องก็ได้ แต่สิ่งที่อยากจะสื่อคือกล้ามเนื้อข้างหลัง อย่าบอกว่าผู้หญิงมีไม่ได้ อย่าบอกว่ามันมีแค่กะเทยเท่านั้น สาวประเภทสองเท่านั้น หรือผู้ชายเท่านั้น จริงๆ มันไม่ใช่ ผู้หญิงเนี่ยแหละตัวดีเลย(โชว์แขน)”

ภาพนี้ถ่ายเองหรือสามีถ่ายให้? “คุณอาทถ่ายให้ค่ะ”

หลังจากที่ลงไปมีคนเข้าใจผิดไหม ว่าใช่แตงโมหรือเปล่า? “โห ต้องบอกว่าเยอะค่ะ ไปหลายคนเลยค่ะ คือบางทีเราต้องบอกเขากลับมาก่อน สติๆ กลับมาก่อน มันไม่ใช่ บางคนก็บอกเอาไปตัดต่อบ้าง บางคนก็บอก นี่ไงรูปจริงๆ เขาอยู่ที่นี่ เป็นหลานของคนนี้ แล้วเอารูปน้องมาใส่ คือแบบ...เดี๋ยวใจเย็น มันเป็นอะไรไปแล้ว เราไม่อยากให้ทุกคนเสียงแตกแยกกันอย่างนี้ เพียงเพราะว่าบางคนไม่ได้พิจารณาดู ไม่ได้วิเคราะห์ แต่ใช้การวิจารณ์ มันเลยทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เราเทียบแค่รูปเราที่หันหลัง กับรูปเราที่หันข้าง แล้วษาก็แค่ถามว่า คิดว่าเหมือนกันไหม สิ่งที่ษาจะบอกก็คือคุณดูแค่รูปนี้ ไม่ได้ให้ไปเปรียบเทียบกับรูปของใคร แต่ให้ดูเฉพาะ 2 รูปนี้ว่าเหมือนไหม แค่นั้น ความคิดแตกไปเยอะไปหมด”

ในความคิดรูปที่หลุดจากแซน คิดว่าใช่แตงโมตัวจริง? “เอาจริงๆ นะ เสื้อผ้าหน้าผม สถานที่ที่อยู่ แล้วก็ท่าทางจากคลิปหนึ่งที่มีการหวีผม และเรื่องของกล้ามเนื้อษาเชื่อว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างษาก็สามารถจะมีกล้ามเนื้อพวกนี้ได้ ถ้าษาเป็นคนดู ส่วนตัวษาเชื่อว่าน่าจะเป็นน้อง แต่ถ้าเกิดว่าส่วนรวมทั่วไป มันอาจจะเป็นได้ หรือไม่ได้ก็ได้ แต่จริงๆ ความจริงมันก็คือความจริง ถ้าเกิดว่ามันมีอะไรที่มันแปลกไป เดี๋ยวความจริงมันก็ปรากฏเอง แต่ว่ามันจะปรากฏรูปแบบไหนเท่านั้นเอง หรือมันอาจจะไม่ปรากฏ(ยิ้ม)”

คิดยังไงกับภาพที่เห็นผ้าอนามัยหลุดออกมาจากโทรศัพท์เพื่อน? “ษาพูดจริงๆ นะ ถ้าเป็นเพื่อนษาถ่ายแบบเนี้ย ษาไม่เรียกว่าเพื่อนนะ ษาเรียกว่าอสรพิษ คือถ่ายเพื่อ ษาแค่อยากจะถามว่าถ่ายเพื่อ...ในเมื่อเพื่อนของเราไม่เรียบร้อยก็ควรที่จะแอบๆ ไปบอกว่ามันไม่เรียบร้อยนะ หรือถ้าคุณจะไม่บอก หรือเห็นว่ารูปไม่เรียบร้อย คุณก็ลบออกเถอะ คุณไม่จำเป็นต้องส่งต่อให้ใครเลย ไม่จำเป็นเลย คือษาไม่รู้นะว่าเขาสนิทกันมากขนาดไหน แต่เพื่อนที่สนิทกัน ทำแบบนี้ ถือว่าไม่ใช่ละ สนิทกันมากแค่ไหนเอามาส่งต่อกันแบบนี้ก็คือไม่ใช่ และถ้าเกิดว่ายิ่งไม่สนิท ยิ่งเสียมารยาทมากๆ ษาบอกเลย”

โพสต์คลิปในช่วงที่มีกระแสพอดีเจอดราม่า? “ร้อยนึงมีสองเปอร์เซ็นต์ คือษาบอกกับอาทแล้วค่ะ ว่าถ้าเราจะมานั่งวิเคราะห์กันในเรื่องคดีแบบนี้ เราก็ต้องยอมรับในส่วนหนึ่งว่าอาจจะมีทั้งคนชอบเรา และไม่ชอบเรา เราต้องรับให้ได้ เพราะว่าความคิดเห็นของคนเรามันไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเขาว่าอะไรมาก็แค่ยิ้มรับ ถ้าเราผิดเราน้อมรับ และพร้อมขอโทษ แต่ถ้าเหตุและผลมันหักล้างกันแล้ว เราไม่ได้เลวร้ายก็ปล่อยผ่าน เพราะว่าสิ่งที่เราทำอยู่เราไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งนั้นเลย เราไม่ได้บอกว่าคุณทำ คุณเป็น คุณใช่ คุณอยู่ตรงนั้น หรือว่ามันเกิดเหตุการณ์ตรงนี้แน่ๆ เลย เราไม่ได้ตีความขนาดนั้น แต่เราอยากจะให้คนเห็นว่าในความถูกต้อง และในระบบที่มันมีมาแต่เนิ่นนนาน ปัจจุบันมันมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มัน หืม...ใช่เหรอ ถ้าเกิดเรามีอุบัติเหตุ เราก็ควรจะอยู่ในที่เกิดเหตุ อันนี้ษาพูดในฐานะที่เราเคยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เวลาเราเกิดอุบัติเหตุเราก็ต้องอยู่ที่รถค่ะ แล้วก็รอเจ้าหน้าที่มา รอประกันมา คุยกับคู่กรณี นี่คือระบบที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว มันไม่มีหรอก พออุบัติเหตุจบปุ๊บ คู่กรณีหายไป แล้วมาเจอกันอีกทีวันที่ 1 วันที่ 2 หายไปก่อนแล้วค่อยมาเจอมันไม่มีค่ะ ไม่มีจริงๆ แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่ได้เกิดอะไรที่มันร้ายแรงมาก และเรารู้ว่าจริงๆ เราไม่ได้ผิด มันเป็นเพียงเพราะอุบัติเหตุ เราก็มีเหตุผลของเราอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกทนายค่ะ”

กลัวดราม่าไหมว่าหิวแสง? “เรากลัวดราม่าในสิ่งที่ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ บางคนบอกว่าหิวแสงเหรอ เกาะกระแสเหรอ เราไม่ได้หิวแสง หรือเกาะกระแสนนะ แต่เราดันมาพูดในข่าวที่มันเป็นกระแส ในความเป็นจริงษาก็อยากจะเป็นคนหนึ่งที่ออกมาพูดในเรื่องของความถูกต้อง เพราะถ้ามันเป็นแบบนี้ษาสงสารลูก เพราะว่าเด็กสมัยนี้พอเขานั่งดูข่าว อะไรที่มันไม่ใช่ เขากลับมาถามเราว่า ทำไมเขาทำอย่างนั้นครับ จริงๆ แล้วมันจะต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เพราะมันไม่ได้มีข่าวเดียว มันมีหลายข่าว เขาก็หันกลับมาถามเรา แล้วเราจะตอบยังไงอ่ะ จะบอกว่าแม่ไม่รู้ มันอยู่ที่เจ้าหน้าที่ มันก็ไม่ใช่ เราต้องอธิบายให้ลูกฟัง ให้เขาเข้าใจ แล้วลูกษาเป็นเด็กพิเศษ เวลาเขาจำก็จะจำฝังใจ ษาก็ต้องอธิบายให้มันถูกต้อง ลำบากมากเลย”