Movie Review Citizen of a Kind (2024) ความบันเทิงบนความหนักอึ้งเอาเรื่องจริงมาเล่าได้สนุกน่าติดตามแม้จะเหมือนมาโทนเบาๆเล่าแบบขำๆแต่ไปๆมาๆดันขำไม่ออก รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ถ้าว่ากันที่การหลอกลวงฉ้อโกงทางโทรศัพท์ที่เรียกแบบบ้านๆว่าพวกแกงคอลเซ็นเตอร์นี่น่าจะกลายเป็นปัญหาของมวลมนุษยชาติไปแล้วเพราะถ้าเอาที่การตีแผ่หรือการนำเสนอผ่านภาพยนตร์ก็มีมาเห็นจากหลายชาติ อาจเพราะมันคือปัญหาที่แก้ยากหรือไม่อย่างไรผู้เขียนคงไม่อาจตรัสรู้เพราะก็ยังเป็นประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่อาจไม่หวังพึ่งกลไกใดๆจากทางภาครัฐแล้ว ทุกวันนี้ได้แต่เฝ้าระวังด้วยตนเองและครอบครัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของพวกชั่วที่หลอกลวงคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาจไม่รู้เรื่องมากอย่างผู้สูงอายุหรือคนชราและแม้กระทั่งคนที่สิ้นไร้ไม้ตอกหาทางออกไม่เจอจนถูกบางอย่างบังตา แน่นอนว่าจากการดูหนังมาหลายเรื่องที่เล่าถึงเรื่องพวกชั่วเหล่านี้ส่วนมากถ้าอ้างอิงจากเรื่องจริงก็ไม่พ้นคนชั่วลอยนวลแต่ถ้ามาพร้อมจินตนาการก็อาจเป็นความสะใจบ้างประมาณปลอบประโลม แต่กับหนังเกาหลีเรื่องนี้ที่สร้างมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 กลายเป็นไม่ใช่แค่การปลอบประโลมแต่กลายเป็นความจริงที่เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ที่หนูตัวเล็กๆสามารถโค่นราชสีห์ได้ ด็อกฮี (รามีรัน) คือสตรีที่ความซวยพิสมัยเพราะนอกจากจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวบ้านยังถูกไฟไหม้เงินเก็บที่หามาทั้งชีวิตหายไปกับกองเพลิงแถมยังถูกพวกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์โกงเรียกได้ว่าซวยซ้ำซวยซาก แต่นั่นเพราะเธอเองอับจนหนทางสายตาถูกบดบังเลยหลงเชื่อและถูกคนชั่วหลอกลวงไปแต่ที่ช้ำใจคือตำรวจไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ในคดีแบบนี้ อีกทางหนึ่งนายซน (กงมยอง) บุคคลที่โทรมาหลอกด็อกฮีก็อยากหนีจากนรกที่นั่นที่เมืองจีนที่เขาเองก็ถูกหลอกให้ไปเป็นแรงงานทาสเพื่อหลอกคนเกาหลีด้วยกันอีกที เมื่อนายซนติดต่อใครไม่ได้โทรหาตำรวจก็ไม่ได้ทางเลือกสุดท้ายคือโทรหาเหยื่อคือด็อกฮีเพื่อให้ไปแจ้งตำรวจให้แต่ที่ยิ่งร้ายคือตำรวจก็ยังหมางเมินอยู่ดี จนเมื่อตำรวจเสนอว่าต้องมีที่อยู่ของพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นะเฟ้ยจึงจะสอบสวนด็อกฮีจึงตัดสินใจไปเมืองจีนพร้อมกับบงริม (ยอมฮเยรัน) และซุกจา (จังยุนจู) เพื่อร่วมงานโดยมีแอริม (อันอึนจิน) น้องสาวของบงริมที่อยู่ที่เมืองจีนคอยช่วยเหลือเพื่อที่จะจับบอสใหญ่ของพวกชั่วมาเข้าซังเตให้สาสมใจ เหมือนเอาเรื่องจริงมาขายขำที่อาจมีแต่งแต้มความบันเทิงที่รู้บทสรุปแต่ระหว่างทางยังสนุกอยู่ดี เพราะออกตัวก่อนแล้วว่าสร้างจากเรื่องจริงของแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ไม่ยอมให้คนชั่วลอยนวลจึงยอมเสี่ยงชีวิตไปตามจับพวกชั่วเพื่อเงินตัวเดียว เมื่อรู้แบบคนดูจึงรู้บทสรุปแล้วแต่เมื่อเป็นเรื่องจริงที่คนดูบ้านเขารู้เรื่องนี้ดีสิ่งที่ตามมาคือการแต่งแต้มสีสันให้เข้าถึงง่าย ทำให้บางอย่างอาจมีเอ๊ะบ้างประปรายที่ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงอาจกลายเป็นรอยแผลแต่เมื่อพื้นฐานมันมาจากเหตุการณ์จริงก็ได้แค่สงสัยแต่มองข้ามได้ กระนั้นบทหนังยังลื่นไหลไปข้างหน้าไม่มัวมามองข้างหลังเพราะไม่ต้องเล่าเรื่องพื้นหลังตัวละครมากเหตุที่เท่าที่มีก็เข้าถึงเข้าใจได้แล้ว ซึ่งก็หมายความว่าไม่มัวมาเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นเรื่องจึงไม่ดูสะเปะสะปะเพราะหนังที่สร้างจากเรื่องจริงที่เอาเรื่องที่อาจไม่น่าขำมาขายขำง่ายมากที่จะเป๋ไปเป๋มาถึงกระนั้นมันก็ยังมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ไม่ว่าสิ่งที่ต้องจ่ายนั้นคือความหัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออกแต่หนังก็ยังออกมาสนุกเพราะเดินไปข้างหน้าอย่างซื่อตรงและมั่นคงกับความบันเทิง อาจเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่พบบ่อยเลยต้องการรางวัลให้สาสมใจความบันเทิงที่มีให้จึงมาพร้อมความหนักหน่วง เพราะเรื่องที่เล่ามันใกล้ตัวเป็นข่าวบ่อยๆโดยที่คนที่โดนหลอกมักเป็นคนที่ไม่รู้เป็นผู้สูงอายุที่อยู่ลำพังหรือเป็นคนที่อับจนหนทางและเรื่องนี้เลือกอย่างหลัง ด้วยการที่เอาเรื่องของคนที่มืดแปดด้านมรสุมชีวิตประเดประดังเข้ามาจนเห็นจรเข้ที่มาตามน้ำเป็นขอนไม้ให้เกาะไว้เพื่อจะเอาชีวิตรอดจากความเชี่ยวกราก หนังจึงเปิดหัวด้วยความหนักหนาสาหัสเชิงดราม่าที่ไม่มีทางที่คนดูจะไม่สงสารเพราะบางครั้งอาการหมดสิ้นหนทางก็ทำให้คนตาบอด แล้วเมื่อเอาเรื่องที่สาหัสของคนหนึ่งคนมาเป็นความบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์สิ่งที่ตามมาคือความบันเทิงนั้นมันมาพร้อมความหนักหน่วง แล้วจุดขายหลักคือสร้างความสงสารเห็นใจก่อนเพื่อที่จะให้ลุ้นให้ติดตามพฤติกรรมน่าขำของคนธรรมดาตัวเล็กๆประชาชนธรรมดาที่หาญกล้าไปจับหัวหน้าใหญ่แก๊งคอลเซนเตอร์ที่จะด้วยปาฏิหาริย์หรือความบังเอิญก็จับได้แล้วกันน่าความหนักหน่วงที่ว่ามาเลยกลายเป็นรางวัลที่สมใจ ความลงตัวของการแสดงที่เข้าถึงทุกมิติของ "รามีรัน" กับเหล่านักแสดงสมทบที่มีสีสันเป็นตัวชูโรง จะว่าไปหนังถูกแบ่งออกเป็นสามอารมณ์ในเรื่องเดียวโดยช่วงแรกคือการดึงคนดูไปเป็นพวกด้วยการใส่มรสุมความซวยซ้ำซากมาใส่ตัวละครด็อกฮีของรามีรัน แล้วสิ่งที่เป็นคือนักแสดงระดับรามีรันที่คนดูคอนเทนต์เกาหลีจะรู้ดีว่าชื่อชั้นการแสดงของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวังคนดูจึงเทใจให้แม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ที่ไม่จำเป็นต้องปูให้มากความเพราะเอาแค่ที่อยู่ตรงหน้ารามีรันก็จัดการเก็บหมดแล้ว ถัดมาคือให้สีสันของเหล่านักแสดงสมทบมาเป็นความบันเทิงให้ลุ้นให้ขำกับพฤติกรรมของประชานธรรมดาตามชื่อเรื่องแล้วนักแสดงที่มาชูโรงตรงนี้ก็เข้ากันดีกับการแสดงที่ดูกดดันของรามีรันคือยอมฮเยรัน,พัคบยองอึน,จังยุนจูและอันอึนจิน ร่วมด้วยตัวแปรอย่างกงมยองที่น่าเสียดายที่รายละเอียดของตัวละครของเขาเหมือนโดดๆจนเอ๊ะไปบ้างแต่ก็เข้าใจได้เพราะรู้ว่าหนังต้องการขายอะไร สุดท้ายก็มาถึงความสะใจสมใจที่อีมูแซงก็ยังทำได้เยี่ยมกับคนที่สมควรโดนเปลือกทุเรียนสักป้าบ เป็นหนังที่ดูสนุกได้ลุ้นได้ติดตามเพราะความสงสารเห็นใจที่อาจบันเทิงได้แต่ก็คล้ายขำไม่ออก ทุกการดูหนังดูซีรีส์สุดท้ายก็ต้องมาลงเอยที่ความเห็นส่วนตัวเพราะไม่ว่าองค์ประกอบและจุดมุ่งหมายของแต่ละเรื่องจะเป็นแบบไหนสิ่งที่ต้องไปให้ได้คือความบันเทิงของคนดู และกับเรื่องนี้ส่วนตัวของผู้เขียนยังดูสนุกแต่ที่สนุกไม่ใช่ความขำขันอย่างที่หนังพยายามเป็นเพราะเอาจริงคือขำไม่ออกอารมณ์ประมาณอยากหัวเราะพร้อมอยากร้องให้กระทั่งหัวเราะไม่ได้ร้องให้ไม่ออกประมาณนั้น นั่นเพราะสิ่งที่เห็นตรงนี้คือส่วนหนึ่งของเรื่องจริงที่เอาจริงถ้าเป็นแบบในเรื่องคือน่าสงสารอย่างสุดใจเห็นใจอย่างสุดขั้ว หนังอาจไม่เล่าถึงวิธีการหลอกลวงมากนักเพราะต้องการเล่าเหตุการณ์ของหนูที่หาญกล้าท้าชนกับราชสีห์ที่หนูเองไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้ว และสิ่งที่หนังเสนอมันก็บันเทิงจริงๆแหละเพราะหนังสามารถดึงอารมณ์ได้พาคนดูอย่างผู้เขียนไปข้างหน้าแบบไปตายเอาดาบหน้าได้จริง เพียงแต่ในความบันเทิงนั้นมันมีเรื่องหนักอึ้งหัวใจมากดทับไว้เท่านั้นที่ยังดีที่ยังลงเอยอย่างที่ต้องการ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram showbox.movie เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !